บทที่ 314 เมืองอู๋ซวง หินหลอมเหลวทะเลโลหิต

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่ 314 เมืองอู๋ซวง หินหลอมเหลวทะเลโลหิต
ปัง……

กู้ชูหน่วนพลิกตัวลงจากรถม้า ท่าทีคล่องแคล่ว นางใช้ปลายนิ้วเท้าเกี่ยว เกี่ยวดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา ยกมือขึ้นหยิบดาบ เข้าสู่วงต่อสู้

คนที่มีชีพจรยุทธ์ระดับสี่เหมือนกัน แทบจะแตะต้องชายเสื้อของกู้ชูหน่วนไม่ได้เลย ก็ถูกกู้ชูหน่วนเชือดคอแล้ว

เย่จิ่งหานหรี่ตาลงเล็กน้อย

กระบวนท่าวิทยายุทธของกู้ชูหน่วนนั้นพิเศษมาก เขามองอยู่นาน แต่ก็ดูไม่ออกว่าเป็นของสำนักไหนกันแน่

แต่การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วมาก โจมตีและป้องกันอย่างมีขอบเขต รุกและถอยอย่างเหมาะสม มักจะฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว แทงเข้าจุดตายของฝ่ายตรงข้าม ไม่เหมือนคนที่ไม่เคยฝึกวรยุทธ

นางมีชีพจรยุทธ์แค่ระดับสี่ แม้แต่ยอดฝีมือที่ต่ำกว่าระดับหนึ่งนางยังสามารถสู้ได้อย่างสูสี ฝีมือเสมอกัน

เย่จิ่งหานอดไม่ได้ที่จะมองนางสูงขึ้นอีกหลายส่วน

ครั้งนี้เขาออกเดินทางเพื่อไปรักษาตัวที่เมืองอู๋ซวง เป็นเรื่องที่เป็นความลับ

ตอนนี้ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว ดวงตาของเย่จิ่งหานมีไอสังหารวาบผ่าน

แค่เสี้ยวเวลาในการสะบัดแขนเสื้อเท่านั้น ยอดฝีมือระดับหนึ่งกว่าสิบคน ก็กลายเป็นหมอกเลือดในพริบตา เหลือเพียงยอดฝีมือระดับสามคนเดียวเท่านั้น

แต่ว่ายอดฝีมือระดับสามคนนั้นหนีได้เพียงสามก้าวเท่านั้น ก็ถูกเย่จิ่งหานฆ่าด้วยพลังที่แข็งแกร่ง

กู้ชูหน่วนรู้สึกอัดอั้นในใจจนกระวนกระวาย

นี่ก็คือข้อแตกต่างของความแข็งแกร่ง นางจำเป็นต้องยกระดับพลังของตนเองโดยเร็ว

“ฮูหยิน ฮูหยิน……”

ไม่ไกลนัก องครักษ์หลายคนร้องขึ้นอย่างเป็นห่วง “เร็ว รีบไปตามหมอมา ”

กู้ชูหน่วนเอียงหน้าไปมอง กลับเห็นแต่ฮองเฮาของแคว้นฉู่ที่สวมชุดธรรมดาสลบไปแล้ว สาวรับใช้และผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็ตกใจจนวิ่งวุ่นไปหมด

“คุณหนูกู้ เป็นท่านนั่นเอง ท่านช่วยรีบไปดูหน่อยเถอะว่าฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง”บ่าวรับใช้ที่ชื่อซิ่งเอ๋อร์มองออกว่าเป็นกู้ชูหน่วน จึงคุกเข่าลงทันที โขกหัวคำนับติดๆกันหลายครั้ง

กู้ชูหน่วนเข้าไปประคองซิ่งเอ๋อร์ จับชีพจรของฮองเฮาแคว้นฉู่ เอาเข็มเงินออกมาฝังให้นาง “วางใจเถอะ นางก็แค่ตรอมใจมากเกินไป เหน็ดเหนื่อยมากเกินไปจนทำให้เป็นลม พักสักหน่อยก็ดีขึ้น”

ทุกคนต่างก็รู้สึกโล่งอก

“ขอบคุณคุณหนูกู้”

คนทั้งหมดของแคว้นฉู่ต่างก็ซาบซึ้งมาก

ถ้าหากไม่ได้นางกับคนบนรถม้าช่วยเหลือเอาไว้ เกรงว่าวันนี้พวกเขาทั้งหมดคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว

และไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในรถม้าเป็นใครกันแน่ ถึงมีวรยุทธสูงส่งขนาดนี้

“คนพวกนั้นเป็นใคร ทำไมต้องฆ่าพวกเจ้าด้วย”กู้ชูหน่วนชี้ไปยังศพที่นอนอยู่เกลื่อนพื้น และถามขึ้น

“พวกข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่ ตั้งแต่มาที่แคว้นเย่ ก็มีนักฆ่าคอยลอบสังหารพวกเราอยู่เสมอ หลายวันมานี้ก็ไม่รู้ว่าตั้งกี่ครั้งแล้ว”

ไอสังหารในรถม้าพุ่งทะยานขึ้น กู้ชูหน่วนตกใจเล็กน้อย ไม่มีเวลามาสนใจคนของแคว้นฉู่เหล่านั้น ตัวเองรีบปีนขึ้นรถม้าไป

“เย่จิ่งหาน ท่านคงไม่ฆ่าพวกเขาด้วยกระมัง”

“พวกเขารู้แล้วว่าข้าจะไปที่ใด”

“ฮองเฮาฉู่เป็นคนดี นางไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องของท่านแน่ แม้แต่ลูกน้องของนางก็ไม่มีคนเลว”

“ข้าจะไม่เอาชีวิตมาล้อเล่น”

กู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ เอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ถ้าหากท่านฆ่าพวกเขา เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำการรักษาให้ท่าน”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ”

“ข้าไม่ได้ข่มขู่ท่าน ข้าก็แค่ไม่อยากเห็นชีวิตของผู้บริสุทธิ์ตั้งมากมายต้องมาจบลงที่นี่”

ฮองเฮาแคว้นฉู่ค่อยๆฟื้นขึ้นมา วิ่งโซเซเข้ามา ไม่สนใจร่างกายที่อ่อนแอของตนเอง เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจว่า “แม่นางกู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเย่เฟิงอยู่ที่ใด ขอร้องล่ะเจ้าบอกข้าได้หรือไม่”

ฮองเฮาฉู่ที่สูงส่งสง่างาม สุภาพและมีมารยาท แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเสียมารยาทเช่นนี้มาก่อน

แต่เวลานี้นางได้ทิ้งความสง่างามของฮองเฮาที่ควรจะมีทั้งหมดไป ดวงตาที่ร้อนใจคู่นั้นสะท้อนเงาร่างของกู้ชูหน่วน สามารถมองออกจากร่างกายที่สั่นเทาของนาง นางกลัวมากว่ากู้ชูหน่วนจะพูดว่าไม่รู้

กู้ชูหน่วนอ้าปาก อยากจะบอกว่าเย่เฟิงอยู่ที่สำนักอสุรา

เมื่อคิดทบทวนถึงชีวิตที่น่าเศร้าที่ผ่านมาของเย่เฟิง กู้ชูหน่วนจึงได้แต่เปลี่ยนความคิด “ขออภัยด้วย ข้ากับเย่เฟิงแยกกันตั้งนานแล้ว ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด”

ด้วยนิสัยของเย่เฟิงเขาคงไม่กล้ายอมรับฮองเฮาฉู่

ถ้าหากนางพูดออกไป จะเป็นการบีบบังคับเย่เฟิงเสียเปล่า

ร่างของฮองเฮาฉู่เซไปเล็กน้อย สีหน้าขาวซีดลงทันที เกือบจะสลบไปอีกครั้ง

“เจ้า เจ้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใดหรือ”

“ไม่รู้”

“แล้วเขาไปที่ใด ทำไมข้าส่งคนตั้งมากมายเพื่อตามหาว่าเขาไปที่ใดก็หาไม่พบ “เขายังเป็นลูกที่น่าสงสารของนางหรือไม่

“แม่นางกู้ ข้าขอร้องล่ะเจ้าลองคิดดูอีกที เขากับเจ้ามีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าต้องรู้แน่ว่าปกติแล้วเขาชอบไปที่สถานที่แห่งใดใช่หรือไม่”

“ขออภัยด้วย ข้าไม่รู้จริงๆ ข้าไม่ได้คุ้นเคยกับเขาขนาดนั้น ฮูหยิน ที่นี่เป็นภูเขาที่ห่างและกันดาร ไม่มีผู้คนสัญจร ร่างกายของท่านอ่อนแอ ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ อย่างไรเสียก็ไปในเมือง รักษาตัวให้ดีก่อนเถอะ ”

ซิ่งเอ๋อร์เอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “ฮูหยิน แม่นางกู้พูดถูก ช่วงที่ผ่านมานี้ ร่างกายของท่านยิ่งอยู่ก็ยิ่งอ่อนแอ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ายังไม่ทันหาคุณชายเย่พบ ร่างกายของท่านก็คงจะทนไม่ไหวแล้ว”

ฮองเฮาฉู่กวาดตามองเหล่าองครักษ์ที่บาดเจ็บล้มตาย ความรู้สึกผิดกรูขึ้นมาในใจ

“เพราะข้าเห็นแก่ตัว จึงทำให้พวกเจ้า……ที่นี่ห่างจากเมืองอู๋ซวงไม่ไกลนัก พวกเราไปพักกันที่เมืองอู๋ซวงก่อนสักพักเถอะ”

กู้ชูหน่วนพยายามทำทุกสิ่งอย่างสุดกำลัง จนแทบจะเป็นการดันทุรัง กว่าจะทำให้เย่จิ่งหานยกเลิกความคิดที่จะฆ่าคนทั้งหมดของฮองเฮาฉู่

ในเมืองอู๋ซวง

กู้ชูหน่วนกับฮองเฮาฉู่ต่างคนต่างเดินทางต่อ พาเย่จิ่งหานไปยังภูเขาโลหิต

ก่อนจะออกเดินทาง นางได้กำชับหนักหนาว่า อย่าบอกกับใครว่าได้พบกับพวกเขา และอย่าบอกว่าพวกเขามาที่เมืองอู๋ซวง

เย่จิ่งหานก็ส่งลูกน้องอีกหลายคน คอยจับตาดูพวกเขาเอาไว้

ที่ภูเขาโลหิตถูกเรียกว่าเป็นภูเขาโลหิต เพราะภูเขาทั้งลูกล้วนเป็นหินหลอมเหลวทะเลโลหิต อุณหภูมิสูงมาก คนธรรมดาไม่กล้าที่เข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว

ในขณะที่ยังอยู่ด้านนอก กู้ชูหน่วนก็รู้สึกร้อนจนเหงื่อแตก ใบหน้าที่งดงามถูกอบจนหน้าแดงก่ำไปหมด

“ที่นี่อุณหภูมิสูงเกินไป วรยุทธของเจ้าต่ำเกินไป เกรงว่าจะทนไม่ไหว”

“วางใจเถอะ ข้าไม่เข้าใกล้ใจกลางหินหลอมเหลว”

กู้ชูหน่วนพลางเดิน พลางมองดูภูมิศาสตร์รอบๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางมองดูภูเขาลูกนี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยอยู่หลายส่วน

นางเคยเห็นภูเขาลูกนี่ที่ไหนสักแห่งใช่หรือไม่

เมื่อค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้า ภาพทิวเขาที่อยู่ข้างหน้ายิ่งคุ้นเคยมากขึ้น นางตบเข่าดังฉาดทันที

ให้ตายเถอะ

ภูเขาทะเลโลหิตลูกนี้เหมือนกับแผนที่ที่อยู่ในกระดิ่งทลายวิญญาณทุกอย่างเลยนี่นา

แม้ว่าภูมิศาสตร์จะเปลี่ยนไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก

“ทำไมหรือ”เย่จิ่งหานถามขึ้น

“ไม่ ไม่มีอะไร ที่นี่เต็มไปด้วยหินหลอมเหลวทุกหนทุกแห่ง ดูแล้วน่าตกใจมาก”

มือใหญ่ของเย่จิ่งหานกุมมือเล็กของนางเอาไว้ทันที น้ำเสียงอบอุ่นน่าฟัง”วางใจได้ หลีโล่ได้สำรวจที่นี่อย่างละเอียดหลายรอบแล้ว ทะเลโลหิตอยู่รอบนอกใต้หุบเหว แม้ว่าภูเขาลูกนี้ยังมีทะเลโลหิตอยู่ไม่น้อย ก็ไม่สามารถขัดขวางหนทางของพวกเราได้ ”

กู้ชูหน่วนกระชากมือออกมาหลายครั้ง ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของเย่จิ่งหานได้

จึงปล่อยให้เขากุมเอาไว้ตามใจ

กลัว?

นางมีอะไรต้องกลัว

นางกลัวแต่ว่าจะหาแผนที่ที่อยู่บนกระดิ่งทลายวิญญาณไม่พบ รวมไปถึงมุกมังกรด้วย

“ข้าน้อยคำนับท่านอ๋อง คำนับพระชายา”

ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มที่สวมชุดดำทะมัดทะแมงนับสิบคนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ต่างก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา

พวกเขาแต่ละคนมีดวงตาที่ลึกล้ำ มีวิธีการที่รวดเร็ว ดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือ

“ลุกขึ้นเถอะ”เย่จิ่งหานพูด

“ท่านอ๋อง ได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ภายในสิบวัน ภูเขาลูกนี้แม้แต่แมลงวันสักตัวก็บินเข้าไปไม่ได้ ท่านโปรดวางใจ”