[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 500 : ข่าวคราวของเสี่ยวเม่ยเม่ย!
หลังจากปะทะฝีมือกันครู่หนึ่ง หลิงหยุนก็กระโดดถอยออกมาพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวลึกลับด้วยสายตาคมกริบ แต่ในใจกลับรู้สึกตกใจอย่างมาก!
‘น่าอัศจรรย์จริงๆ! นี่เจ้าอยู่ในขั้นใหนกันแน่?!’
หลิงหยุนได้ถ่ายเทพลังหยิน-หยางลงไปที่กระบี่โลหิตแดนใต้ และพลังหยิน-หยางก็ปรับเปลี่ยนให้ใบมีดมีไอเย็นบ้างไอร้อนบ้างสลับกันไป แต่ผ้าดำของแม่มดน้อยตนนี้กลับสามารถตอบโต้ได้หมด!
หญิงสาวลึกลับยืนนิ่ง นางสะบัดแขนเพียงเบาๆ ผ้าสีดำทั้งสองผืนก็ม้วนกลับเข้าไปพันที่ท่อนแขนของนางทันที และไม่รู้ว่าผ้าบางนั้นต้องม้วนรัดรอบแขนของนางไปกี่รอบจึงจะหนาพอที่จะทำให้หลิงหยุนไม่สามารถมองเห็นผิวขาวนวลเนียนของนางได้อีก และนั่นยิ่งเพิ่มความรู้สึกลึกลับให้กับนางมากยิ่งขึ้น
เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวลึกลับผู้นี้เหลือบมองหลิงหยุน และปล่อยให้รถแลนด์โรเวอร์วิ่งจากไปแต่โดยดี
ในที่สุดรถแลนด์โรเวอร์ก็วิ่งหายลับตาไปท่ามกลางความืด..
นางจึงถอนสายตาหันกลับมามองหลิงหยุนซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับแสยะยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวานใสเช่นเคย
“เจ้าเด็กร้ายกาจ.. ไม่แปลกที่เจ้าจะยะโสโอหังเช่นนี้ ที่แท้ฝีมือของเจ้าก็ไม่ธรรมดาเลย!”
หลิงหยุนยืนนิ่งถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือ แม้ใบหน้าของเขาจะปรากฏรอยยิ้มบางๆ แต่ในใจกลับนึกหวาดหวั่น ดวงตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่แววตาลึกลับของนางก่อนจะตอบไปว่า
“แม่มดน้อย.. เจ้าปิดหน้าทำไมกัน? หรือเพราะหน้าตาของเจ้าขี้ริ้วขี้เหร่จึงต้องใช้ผ้าดำปกปิดไว้?!”
หลังจากที่รถแลนด์โรเวอร์แล่นหายไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนจำนวนสิบกว่าคนที่ไม่สามารถตามรถไปได้ทัน ต่างก็กรูเข้าไปล้อมคนทั้งคู่ไว้ ใบหน้าของบรรดายอดฝีมือต่างก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และผิดหวัง ทุกคนต่างจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาคล้ายอยากจะกินเลือดกินเนื้อ
ดูเหมือนหญิงสาวลึกลับนางนี้จะเป็นหัวหน้าของพวกเขา ในเมื่อนางยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จึงไม่มียอดฝีมือขั้นเซียงเทียนคนใหนจะกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียวเช่นกัน บรรยากาศในตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าแค่หายใจยังไม่กล้า..
แต่หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวนัก เพราะนอกเหนือจากหญิงสาวลึกลับผู้นี้แล้ว ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนคนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีใครที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-3 เลยแม้แต่คนเดียว หากหลิงหยุนต้องการจะฝ่าวงล้อมนี้ไป เขาคงต้องจับใครสักคนเป็นตัวประกันเพื่อการหลบหนี
รถแลนด์โรเวอร์วิ่งหายลับตาไปแล้ว หลิงหยุนจึงไม่มีสิ่งใดให้เป็นกังวลอีก และตอนนี้เขาก็กำลังคิดเรื่องที่ไม่ควรคิดอยู่.. หลิงหยุนสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวลึกลับขึ้นลงเป็นสิบรอบ แต่กลับไม่พบข้อบกพร่องบนเรือนร่างของนางเลยแม้แต่นิดเดียว จนทำให้เขาอดที่จะคิดเรื่องน่าอายบางอย่างไม่ได้
นั่นเพราะรูปร่างของหญิงสาวผู้นี้นั้นช่างเย้ายวน และสมบูรณ์แบบจนหาที่ติไม่ได้!
หญิงสาวลึกลับผู้นี้มีสูงกว่าหลงหวู่เล็กน้อย เรือนร่างของนางทั้งสวยงามและสง่างามชวนหลงใหล รูปร่างของนางงดงามราวกับรูปปั้น และงดงามยิ่งกว่าปีศาจอย่างไป๋เซียนเอ๋อเสียอีก
และด้วยพลังชี่ซึ่งหมุนเวียนอยู่รอบกายตลอดเวลา ทำให้ผมยาวดำขลับที่ปลิวไสวได้เองตลอดเวลาแม้จะไม่มีลมพัดนั้น เน้นให้นางยิ่งดูงดงามมากขึ้น
แทบจะไม่ต้องพูดถึงหลิงหยุน.. เพราะต่อให้เป็นหลวงจีนชราที่นั่งเข้าฌาณมาเป็นเวลานับทศวรรษ หากได้พบเห็นเรือนร่างที่งดงามเช่นนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็คงยากที่จะไม่รู้สึกหวั่นไหวได้
อาภรณ์ของนางนั้น.. ดูเหมือนจะตัดเย็บจากผ้าซาตินสีดำชนิดเดียวกันกับอาวุธผ้าที่ม้วนรัดอยู่รอบมือ และสีดำของผ้าก็ตัดกับผิวสีขาวนวลของนางอย่างมาก
แม้เรือนร่างของนางจะดูงดงาม แต่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือดวงตาคู่งาม ลูกนัยน์ตาสีดำกลมโตเป็นประกายของนางนั้น ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นไม่กล้าที่จะจ้องมองตรงๆ เพราะเป็นดวงตาที่สามารถดึงดูดหัวใจ และจิตวิญญาณของผู้ที่จ้องมองได้..
เมื่อได้เห็นสายตาที่กล้าหาญและเปิดเผยของหลิงหยุน แม่มดลึกลับตนนั้นกลับบิดเอวเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะคิกคักแล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าเด็กตัวแสบ.. ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าขี้ริ้วขี้เหร่ เหตุใดยังอยากเห็นใบหน้าของข้าอีก?! เจ้ารู้หรือไม่ว่า.. ผู้ที่ได้เห็นใบหน้าของข้า ล้วนแล้วแต่เป็นร่างไร้วิญญาณเท่านั้น!”
หลิงหยุนไม่ใส่ใจ เขายิ้มมุมปากพร้อมตอบกลับไปทันที “ถ้าเช่นนั้นข้าเองก็อยากจะลองดูว่า หากข้าได้เห็นใบหน้าของเจ้าแล้ว ข้าจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณด้วยหรือไม่?”
หญิงลึกลับทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ “ในเมื่อเจ้าต้องการตายอยู่ที่นี่นัก.. ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้าเอง!”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “แม่มดน้อย.. ข้าว่าเจ้าอย่าดีแต่พูดจะดีกว่า ระวังจะตัวเองจะต้องเสียหน้าล่ะ.. ”
หญิงสาวลึกลับยิ้มหยันพร้อมกับตอบไปว่า “งั้นก็มาดูกันว่าระหว่างเจ้ากับข้าใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายเสียหน้า..?”
ทันทีที่พูดจบ หญิงสาวลึกลับก็โบกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนบุกเข้าจู่โจมหลิงหยุนทันที..
หลิงหยุนยืนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือ และกวาดสายตาไปทางยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนสิบกว่าคนที่ยืนล้อมเขาอยู่ พร้อมกับคิดในใจว่าใครกันที่จะเป็นผู้ได้ลิ้มรสกระบี่ในมือของเขาเป็นคนแรก
บนเกาะเตียวหยู.. หลิงหยุนได้สร้างความสยดสยองไว้มากมาย แต่ตอนนั้นเขายังอยู่เพียงแค่ระดับกลางของขั้นปรับร่างกาย-6 แต่ในเวลานี้เขาแข็งแกร่งกว่านั้นถึงสองหรือสามเท่า!
นอกเหนือจากหญิงสาวลึกลับแล้ว หลิงหยุนมั่นใจว่าไม่มีใครสามารถรับมือเขาได้เกินสองดาบแน่
เมื่อได้รับคำสั่ง.. ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนสองคน – คนหนึ่งถือดาบ ส่วนอีกคนถือกระบี่ยาว ต่างก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
สีหน้าของหลิงหยุนยังคงนิ่งเรียบเช่นเคย และเมื่อยอดฝีมือทั้งสองคนพุ่งเข้ามา ร่างของทั้งคู่ก็ถูกตัดเป็นสองท่อนในคราวเดียวกัน และหลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิชากระบี่ใดๆเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ตวัดกระบี่ในมือไปทางซ้ายและขวาเท่านั้น!
กระบี่ในมือของหลิงหยุนนั้นช่างว่องไวเหลือเกิน!
กระบี่สสีดำตวัดเข้าร่างของยอดฝีมือทั้งสองคน และเสียงกรีดร้องก็ดังสนั่นขึ้น..
อ๊าก..! อ๊าก..!
ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนสองคนแรกถูกหลิงหยุนสังหารตายภายในพริบตา!
เสียงปรบมือดังขึ้น..
ทันทีที่ยอดฝีมือทั้งสองคนถูกหลิงหยุนสังหาร หญิงสาวลึกลับก็ปรบมือให้กับเขา ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นมาเพียงวูบเดียว สายตาของนางราวกับกำลังมองหลิงหยุนเชือดไก่สองตัว มากกว่าจะมองว่าหลิงหยุนฆ่าคน..
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวลึกลับผู้นี้จะเห็นชีวิตของผู้คนเป็นเพียงแค่ของเล่นสนุก อีกทั้งผู้ที่ถูกเขาสังหารนั้นก็เป็นถึงยอดฝีมือ ดูเหมือนว่าหญิงสาวลึกลับนางนี้จะโหดเหี้ยมกว่าที่หลิงหยุนคิดไว้มากนัก
หลังจากปรบมือชื่นชมแล้ว นางก็โบกมือส่งสัญญาณด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอีกเช่นเคย และครั้งนี้มียอดฝีมือก็บุกเข้าไปพร้อมกันถึงหกคน!
ในเมื่อหญิงสาวลึกลับผู้นี้ไม่สนใจชีวิตของลูกน้องตัวเอง หลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเช่นกัน เขาใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าหายอดฝีมือทั้งหกคนทันที และเมื่อร่างของหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่ ยอดฝีมือทั้งหกคนก็สิ้นใจตายทันที แม้แต่เลือดก็ไม่ทันได้หยดลงบนเสื้อผ้า
หญิงลึกลับโบกมือด้วยใบหน้าเฉยเมยอีกครั้ง และยอดฝีมืออีกหกคนสุดท้ายก็ไม่รีรอ พวกเขาพุ่งเข้าใส่เทพเจ้าหลิงหยุนทันที!
ยอดฝีมือทุกคนต่างก็รู้ตัวดีว่า.. ตนเองล้วนบุกเข้าไปหาความตาย แต่หากพวกเขาไม่บุกเข้าไป ผลที่ตามมาก็จะหนักหนายิ่งกว่าการตายเสียอีก..
หลิงหยุนได้แต่ขมวดคิ้ว และแอบสงสัยว่าหญิงสาวลึกลับผู้นี้กำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่? ตนเองไม่บุกเข้าไป แต่กลับให้ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนเข้าไปตายอย่างไร้ประโยชน์?
หรือนางต้องการให้ข้าหมดเรี่ยวแรงก่อน นางจึงจะลงมือ?!
หลิงหยุนแอบคิดว่า.. หากหญิงสาวลึกลับผู้นี้คิดเช่นนั้นจริงๆ นางก็คงคิดผิดอย่างมากทีเดียว เพราตอนนี้เขาได้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 แล้ว พลังหยิน-หยางที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายจึงไม่ต่างจากสายน้ำขนาดใหญ่ การเผชิญกับยอดฝีมือสิบกว่าคนนั้น เขาใช้กำลังไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้น.. การลงมือของหลิงหยุนเมื่อครู่ ก็ไม่ต่างจากที่คนคนหนึ่งใช้เท้าเหยียบมดตาย หรือเตะไก่สักตัวเท่านั้นเอง
หลิงหยุนนึกประหลาดใจในความเย็นชาของหญิงสาวลึกลับผู้นี้ นางดูช่างไร้เมตตานัก! หลังจากที่หลิงหยุนสังหารยอดฝีมือขั้นเซียนเทียนตายไปอีกหกคน เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย..
“ตอนนี้ลูกน้องของเจ้าก็ตายหมดแล้ว?”
หญิงสาวลึกลับปรบมืออีกครั้ง นางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะหึหึ แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าเก่งมากหลิงหยุน..! เจ้าเก่งสมคำร่ำลือจริงๆ แต่ละดาบล้วนดุดัน..”
หลิงหยุนเองก็ตอบกลับทันทีเช่นกัน “เจ้าเองก็ดุดันไม่เบา.. ที่ปล่อยให้คนพวกนี้ตายอย่างเปล่าประโยชน์!”
พูดจบหลิงหยุนก็เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปเก็บในแหวนพื้นที่ และตัดสินใจที่จะสู้กับหญิงสาวลึกลับผู้นี้ด้วยมือเปล่าแทน..
หลิงหยุนยืนสงบนิ่ง!
แต่หญิงสาวลึกลับผู้มีเรือนร่างงดงามกลับตอบมาว่า “ในเมื่อพวกมันจะสังหารเจ้า เจ้าลงมือสังหารพวกมันก็ถูกแล้วนี่ หรือเจ้าคิดว่าถ้าพวกมันบุกเข้าไปพร้อมข้า พวกมันจะไม่ต้องตายงั้นรึ?”
หลิงหยุนไม่ตอบ และได้แต่คิดในใจว่านางคงจะเป็นปีศาจจริงๆ แต่สิ่งที่นางพูดก็ไม่ผิดเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดเขาก็ต้องสังหารคนเหล่านั้นอยู่ดี..
“เจ้าเด็กตัวแสบ.. กระบี่โลหิตแดนใต้ของเจ้าอยู่ที่ใหนแล้วล่ะ?”
จนถึงตอนนี้ หลิงหยุนยังคงแปลกใจที่หญิงสาวลึกลับผู้นี้สนใจเพียงแค่กระบี่โลหิตแดนใต้ของเขา..
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ และตอบกลับไปว่า “นั่นเป็นความลับของข้า เว้นแต่ว่าเจ้าจะเปิดผ้าปิดหน้าสีดำนั่นออกให้ข้าเห็นใบหน้าของเจ้า แล้วไม่เพียงข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า แต่ยังจะบอกความลับของข้าให้กับเจ้าได้รู้ด้วย”
เนตรหยินหยางของหลิงหยุนใช้การไม่ได้ จิตหยั่งรู้ก็ไม่สามารถใช้การได้เช่นกัน และนั่นทำให้หลิงหยุนยิ่งอยากรู้ว่าแม่มดตนี้จะมีหน้าตาเป็นเช่นไร?
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวลึกลับผู้นี้จะเพียงแค่ยิ้มบางๆ และตอบหลิงหยุนกลับไปว่า “เจ้าต้องตอบคำถามของข้ามาก่อน.. แล้วข้าจะบอกความลับบางอย่างกับเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า ‘ความลับอะไรของนาง?!’
หญิงสาวลึกลับจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตายั่วยวนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ความลับเกี่ยวกับเสี่ยวเม่ยเม่ย..”
“อะไรนะ?!”
เมื่อหลิงหยุนได้ยินคำว่าเสี่ยวเม่ยเม่ย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที! เขาจ้องมองหญิงสาวลึกลับด้วยแววตาคมกริบ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“เจ้าเอาเสี่ยวเม่ยเม่ยไปไว้ที่ใหน? แล้วตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง?”
สิ่งที่หลิงหยุนคาดเดาไว้ได้กลายเป็นความจริงแล้ว เสี่ยวเม่ยเม่ยถูกคนขององค์กรนักฆ่าจับตัวไปจริงๆ!
“น่าแปลก..! มีสาวงามล้อมรอบกายเจ้าอยู่มากมาย เหตุใดเจ้ายังต้องเป็นห่วงเป็นใยนางด้วย?”
ดวงตาของหญิงสาวลึกลับที่จ้องมองหลิงหยุนเปลี่ยนไป ทันทีที่นางได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลิงหยุนเมื่อได้ยินชื่อของเสี่ยวเม่ยเม่ย นางจึงรู้ได้ว่านางค้นพบจุดอ่อนของหลิงหยุนเข้าแล้ว และได้แต่นึกกระหยิ่มในใจ