[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 501 : กลั่นแกล้งธิดาพรรคมาร!
หลิงหยุนได้จัดการสังหารยอดฝีมือทั้งสิบสี่คนที่หญิงสาวลึกลับผู้นี้นำมาด้วย แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับไม่มีความรู้สึกใดๆเลยแม้แต่น้อย นางยังคงพูดจา และหัวเราะราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
พื้นที่ตรงกลางราวสองสามฟุตระหว่างหลิงหยุนกับหญิงสาวลึกลับนั้น มีซากศพกองอยู่เต็มไปหมด ภาพที่เห็นบนถนนไฮเวย์ในยามค่ำคืนนี้ จึงไม่ต่างจากเทพสององค์ที่กำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่..
‘ข้าต้องหาทางเอาชนะนางให้ได้..!’
หลิงหยุนนึกใคร่ครวญอยู่ในใจว่า.. หญิงสาวลึกลับผู้นี้น่าจะเป็นแกนนำระดับสูงขององค์กรนักฆ่าอย่างแน่นอน และหากเขาสามารถจับตัวนางได้ องค์กรนักฆ่าก็คงต้องล่มสลายลงไปด้วย..
มิเช่นนั้นแล้ว.. หากองค์กรนักฆ่ายังอยู่ มือสังหารระดับสวรรค์อาจถูกส่งมาจัดการกับคนรอบตัวเขาได้อีก ถึงตอนนั้นก็คงยากที่เขาจะปกป้องคนรอบข้างได้เช่นกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิงหยุนจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยเผยให้เห็นลักยิ้มมหาเสน่ห์ข้างแก้มซ้ายของตนเอง และพูดขึ้นว่า
“เจ้าถามเช่นนั้นเพราะอิจฉานางหรือยังไง?!”
แววตาของหญิงสาวลึกลับเปลี่ยนเป็นเก้อเขินเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุน แต่ก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่กังวานใสน่าฟัง
“ใช่แล้ว..! เห็นเจ้าเป็นห่วงเป็นใยมือสังสารหญิงกระจอกๆคนหนึ่ง ข้าก็ต้องนึกอิจฉาอยู่แล้ว..”
แม้ว่าหลิงหยุนจะสามารถมองเห็นแค่เรือนร่าง และดวงตาของหญิงสาวลึกลับผู้นี้ และแม้เขาจะรู้ว่านางกำลังพูดโกหก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเองก็ถูกมนต์เสน่ห์ของนางดึงดูดเข้าอย่างจังไม่ว่านางจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม และได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ
‘เรือนร่างและน้ำเสียงของเจ้าช่างมีเสน่ห์ดึงดูดนัก!’
หลิงหยุนถึงกับต้องภาวนาให้จิตใจเป็นสมาธิไม่หวั่นไหว และมนต์เสน่ห์เมื่อครู่ก็จางหายไป หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า
“หากเจ้าอิจฉานาง.. ก็ปลดผ้าคลุมหน้าของเจ้าออก ให้ข้าได้เห็นใบหน้าของเจ้าชัดๆ แล้วข้าอาจจะพิจารณาให้เจ้าเป็น…”
เมื่อหญิงสาวลึกลับเห็นว่าหลิงหยุนสามารถหลุดจากมนต์เสน่ห์ของนางได้อย่างรวดเร็ว ก็ถึงกับยิ้มและตอบกลับไปว่า
“เจ้าคนขี้ขลาด.. ในเมื่อเจ้าอยากเห็นใบหน้าของข้า ก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาเปิดผ้าปิดหน้าของข้าออกได้หรือไม่? เข้ามาสิ.. ข้าจะไม่ต้อบโต้เจ้าด้วย!”
“ย่อมได้…!”
พูดจบ.. ร่างของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหญิงสาวลึกลับทันที และมือของเขาก็สัมผัสเข้ากับผ้าบางเบาที่อยู่บนใบหน้าของนางได้!
หญิงสาวลึกลับเพียงแค่หัวเราะคิกคัก และบิดร่างเพียงเล็กน้อย ควันสีฟ้าก็กระจายตัวออกมา แล้วร่างของนางก็ลอยห่างถอยหลังไปราวเจ็ดแปดเมตรพร้อมกับร้องขึ้นว่า
“เจ้าคนชั่ว.. บังอาจจู่โจมข้า!”
หลิงหยุนผิดหวังอย่างมาก! ไม่รู้ว่าหญิงสาวลึกลับผู้นี้ไปฝึกวิชาตัวเบามาจากที่ใหน? หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างขั้นสุด และเกือบจะสามารถเปิดผ้าคลุมหน้าของนางได้แล้ว แต่หญิงสาวลึกลับนางนี้กลับหลบหลีกจนได้ และหลิงหยุนก็ทำไม่สำเร็จ!
เขาพูดกับนางยิ้มๆ “ใหนเจ้าบอกว่าจะไม่ตอบโต้ยังไงล่ะ?”
หญิงสาวลึกลับหัวเราะคิกคัก และตอบหลิงหยุนกลับไป “ข้าบอกเจ้าว่าข้าจะไม่ตอบโต้.. แต่ไม่ได้พูดว่าจะไม่หลบหลีก.. หากเจ้ามีปัญญา ก็ตามจับข้าให้ได้สิ..!”
หลิงหยุนยังคงไม่รู้สึกหวาดกลัว หรือโกรธนาง เขาจึงตอบกลับยิ้มๆเช่นกัน “ได้.. ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะจับตัวเจ้า ดูว่าเจ้าจะหนีไปใหนได้!”
หลิงหยุนเริ่มเดินพลังหยิน-หยางภายในร่างกาย และใช้มังกรพรางร่างขั้นสูงสุด เป็นผลให้หลิงหยุนทิ้งเงาไว้ที่เดิม ส่วนร่างจริงเคลื่อนเข้าหาหญิงสาวลึกลับอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวลึกลับเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเรือนร่างงดงามของนางก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่ป่าด้านนอกถนนไฮเวย์..
หลิงหยุนต้องการรู้ข่าวคราวของเสี่ยวเม่ยเม่ย ต่อให้ต้องลุยทะเลเพลิง หรือภูเขาดาบก็ตาม หลิงหยุนจึงกระโดดตามร่างของหญิงสาวลึกลับที่มีอุปนิสัยแปลกประหลาดนี้ไป นางปล่อยให้เขาลงมือสังหารนักฆ่าที่พามาด้วย แต่กลับไม่เคยพูดถึงมันเลย เขาจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่านางมาเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่?
ทั้งสองคนต่างก็ไล่ล่ากันไปโดยใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสุดของตนเอง และแทบจะเรียกได้ว่านิ้วโป้งของคนทั้งคู่นั้นแตะพื้นดินเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถกระโดดออกห่างจากถนนไฮเวย์ไปจนสุดเขตทางด้านตะวันออกด้วยความเร็วที่ไม่อาจประเมินได้!
หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างขั้นสุดซึ่งมีความรวดเร็วเป็นที่น่าตกใจอย่างมาก แต่หญิงสาวลึกลับเองก็ไม่ได้ช้าไปกว่าหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย ร่างของนางนำหน้าหลิงหยุนไปราวสองร้อยเมตร และท่วงท่าของนางนั้นก็ช่างงดงามราวกับนางฟ้าที่กำลังเหาะเหิน..
ผ่านไปราวสองสามนาที.. ทั้งคู่ก็ไปอยู่ในป่าลึกแห่งหนึ่งทางด้านตะวันออก ห่างจากถนนไฮเวย์ไปไกลถึงสิบกว่ากิโลเมตร หญิงสาวลึกลับจึงได้หยุด และหันกลับไปพูดกับหลิงหยุน..
“เจ้าเด็กวายร้าย.. นึกไม่ถึงว่าวิชาตัวเบาของเจ้าจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้ นี่เจ้ายอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อคนอื่นถึงเพียงนี้เชียวรึ..?”
การได้เผชิญหน้ากับศตรูในลักษณะนี้ทำให้หลิงหยุนแทบกระอักเลือด เพราะแม้จะรู้ว่าเป็นศัตรู แต่นางก็ทำตัวราวกับไม่ใช่ศัตรู บางครั้งนางก็พูดจาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนฟัง บางคราก็ทำท่าทางราวกับเด็กสาวที่เอาแต่ใจ ทำให้ยากที่หลิงหยุนจะทำใจลงมือสังหารนางได้
จากการวิ่งไล่ล่ากันมาเมื่อครู่ หลิงหยุนได้แอบประเมินอยู่ในใจเงียบๆว่า หากลงมือต่อสู้กันจริงๆ กำลังความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ก็คงยากที่จะเอาชนะหญิงสาวลึกลับผู้นี้ได้ แต่หากใช้ระยะเวลาในการต่อสู้นานกว่านี้ และพลังชี่ของนางค่อยๆอ่อนลง หลิงหยุนก็ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ให้แก่นางอย่างแน่นอน!
หลังจากที่เข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นปรับร่างกาย (ด่านสุดท้ายคือขั้นที่ 7-9) พลังหยิน-หยางในร่างกายของเขาก็เติบโตขึ้นมาก จึงมีพลังชี่มากพอ และแทบจะไม่รู้จักหมด
แม้หญิงสาวลึกลับจากองค์กรนักฆ่าผู้นี้จะมีพลังชี่ และวรยุทธที่แข็งแกร่ง หรือมีวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศ แต่อย่างน้อยหลิงหยุนก็มีสองอย่างที่เหนือกว่านาง!
ความแข็งแรง และอดทนซึ่งเป็นลักษณะทางกายภาพของเพศชาย!
อีกทั้งวิชาดาราคุ้มกาย (หรือดารกะดายัน) ที่หลิงหยุนฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นที่สองแล้วนั้น ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับเขาอย่างที่สุด!
ไม่เพียงเท่านั้น.. หลังจากที่หลิงหยุนผ่านบททดสอบที่เหี้ยมโหดจากสายฟ้าเทวะสีทองมาแล้ว ก็ยิ่งเหมือนกับเพิ่มความคงกะพันให้กับร่างกายของเขา ดาบธรรมดายากที่จะฟันแทงเข้า เรียกได้ว่าเขาแทบไม่ต้องโคจรดาราคุ้มกายเพื่อปกป้องตนเองเลยด้วยซ้ำไป และตราบใดที่ไม่ใช้กระบี่ที่ทรงอานุภาพอย่างกระบี่โลหิตแดนใต้แล้วก็ยากที่จะทำร้ายหลิงหยุนได้!
แม้ผ้าสีดำของหญิงสาวลึกลับนั้นจะไม่สามารถถูกทำลายด้วยไฟและกระบี่ แต่หลิงหยุนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า.. เขาจะใช้มือเปล่าจับผ้าสีดำนั่นไว้ และปะลองพละกำลังกับหญิงสาวลึกลับผู้นี้ดูสักครั้ง
‘ข้าจะปะลองกำลังกับเจ้าดูสักครั้ง ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้กันแน่?’
และนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปหลังจากที่ลงมือสังหารบรรดายอดฝีมือขั้นเซียงเทียนจนหมดแล้ว
หลังจากที่หญิงสาวลึกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ หลิงหยุนเองก็หยุดยืนห่างจากนางไปราวสิบเมตร สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างของนางอย่างพินิจพิจารณา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ตอนนี้เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่าเสี่ยวเม่ยเม่ยอยู่ที่ใหน?”
หญิงสาวลึกลับเหลือบมองหลิงหยุนที่ยืนอยู่ก่อนจะตอบไปว่า “ข้าเพิ่งจะวิ่งหนีเจ้ามายังไม่ทันได้หายเหน็ดเหนื่อย เจ้าจะไม่เว้นช่วงให้ข้าได้พักหายใจบ้างเลยหรืออย่างไร?”
นางบอกหลิงหยุนว่าเหน็ดเหนื่อยและต้องการเวลาพักหายใจ แต่ใบหน้าของนางกลับไม่แดง และลมหายใจก็ไม่เหนื่อยหอบ แววตายังคงสดใสชวนมองเช่นเคย ลักษณะท่าทางของนางไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ และไม่คิดที่จะกระโดดลงไปในหลุมพรางที่นางขุดล่อไว้..
แล้วก็ได้ผล.. เมื่อหญิงสาวลึกลับเห็นหลิงหยุนไม่ตอบโต้ นางจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “เจ้าต้องตอบคำถามของข้าก่อนว่าเจ้าได้กระบี่โลหิตแดนใต้มาจากที่ใด? และตอนนี้เจ้าซ่อนมันไว้ที่ใหน? ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าข้าจะบอกข่าวคราวของเสี่ยวเม่ยเม่ยให้เจ้ารู้!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปทันที “ไม่มีทาง.. เจ้าตอบคำถามของข้าก่อนสิ!”
หญิงสาวลึกลับมองหลิงหยุนอย่างกระอักกระอ่วน นางถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “หากเจ้าไม่ตอบคำถามของข้า.. ชั่วชีวิตเจ้าก็จะไม่มีทางได้รู้ว่านางอยู่ที่ใหน? เจ้าไม่กลัวงั้นรึ?”
หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน “หากเสี่ยวเม่ยเม่ยเป็นอะไรไปจริงๆ ข้าก็จะบุกไปถล่ม และจัดการทลายองค์กรนักฆ่าด้วยตัวข้าเอง ข้าจะตามฆ่ามือสังหารขององค์กรนักฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว หากเจ้าไม่เชื่อว่าข้ากล้าทำ จะลองดูก็ได้นี่!”
ใบหน้าสวยงามของหญิงสาวลึกลับเปลี่ยนเป็นเย็นชา และจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาเย้ยหยันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ข้าไม่นึกหวาดกลัวลมปากของเจ้าแม้แต่น้อย.. เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์กรนักฆ่าอยู่ที่ใด แล้วจะไปจัดการถล่มองค์กรนักฆ่าได้อย่างไรกัน?”
หลิงหยุนเกาศรีษะ และตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด “เจ้าจะเลิกพล่ามไร้สาระได้หรือยัง? นี่แม่สาวน้อย.. ข้ายังมีเรื่องต้องไปสะสางอีกมากมาย ไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอกนะ!”
มาถึงเวลานี้.. หลิงหยุนเริ่มพอจะเดาออกว่า หญิงสาวลึกลับที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ได้มาเพื่อสังหารเขา แต่ดูเหมือนนางจะมาเพื่อทดสอบความสามารถของเขาเสียมากกว่า
“ไม่ว่าจะเล่น หรือว่าต่อสู้.. อาหญิงก็เกรงว่าเจ้าจะสู้ข้าไม่ได้ทั้งสองอย่าง?!”
หญิงสาวลึกลับวาดเท้าออกไปข้างหน้าเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างยกขึ้นสะบัด และผ้าแพรสีดำบางเบาก็ล่องลอยออกมา ผ้าแพรสีดำทั้งสองเส้นปลิวสะบัดราวกับมังกรสีดำสองตัวกำลังพุ่งใส่หลิงหยุน
ครั้งนี้หลิงหยุนถึงกับแอบหัวเราะอยู่ในใจ เขายืนนิ่งไม่หลบ และรอจนกระทั่งผ้าแพรบางเบาทั้งสองเส้นพุ่งมาอยู่ตรงหน้าของตนเอง จากนั้นจึงได้ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า และคว้าผ้าทั้งสองไว้ในกำมือทันที!
“แม่มดน้อย.. เจ้าอยากจะปะมือกับเข้า ดูว่าคราวนี้เจ้าจะตอบโต้อย่างไร?”
หลิงหยุนจับผ้าแพรทั้งสองผืนไว้ในมือพร้อมกับร้องตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังหยิน-หยางซึ่งเต็มด้วยไอร้อน และไอเย็น ก็พุ่งออกจากมือของหลิงหยุนเข้าโจมตีหญิงสาวลึกลับผ่านผ้าแพรสีดำนี้!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิงหยุนก็ใช้มังกรพรางร่างขั้นสุดพุ่งเข้าไปหาร่างของหญิงสาวลึกลับซึ่งอยู่ห่างไปหลายสิบเมตรทันที
และนี่คือการปะลองพลังชี่ และความแข็งแกร่งของคนทั้งคู่!
………….
หลิงหยุนนับว่าแข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว เพราะหากเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนคนอื่นๆ ใช้มือจับผ้าแพรสีดำเช่นเดียวกับหลิงหยุน ก็คงต้องถูกพลังชี่ที่แปลกประหลาดของนางสังหารไปแล้ว แต่พลังหยิน-หยางของหลิงหยุนกลับสามารถต้านทานพลังชี่เหล่านั้นได้!
ครั้งนี้พลังสายฟ้าต่างๆในร่างกายของหลิงหยุนก็ถูกดึงมาใช้เช่นกัน จึงไม่ต้องพูดถึงพลังเวทย์มนต์ของหญิงสาวลึกลับผู้นี้!
นับว่าการจู่โจมของหลิงหยุนได้ผล! แม้พลังหยิน-หยางของหลิงหยุนจะไม่สามารถทะลุผ่านพลังชี่ที่หมุนวนอยู่รอบตัวหญิงสาวลึกลับผู้นี้ได้ แต่กำลังที่แข็งแกร่งของเขาก็สามารถจู่โจมเข้าใส่หญิงสาวลึกลับได้ จนนางเองก็เกือบจะล้มคะมำเข้าใส่หลิงหยุน!
“หลิงหยุน.. เจ้าคนชั่ว!”
ในที่สุด.. หญิงสาวลึกลับก็ไม่สามารถสงบนิ่งอยู่ได้อีก แววตาของนางเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจจนไม่อาจปิดบังไว้ได้ และใบหน้าก็เริ่มแดง..
“ผ้าแพรดำของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาพร้อมกับโคจรดาราคุ้มกายไปทั่วร่างกาย แล้วจึงกระตุกผ้าแพรสีดำเข้ารัดเข้ากับรอบเอวของตนเอง จากนั้นก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว และผ้าแพรสีดำก็ค่อยๆรัดเข้ากับลำตัวของเขา
แม้ว่าหญิงสาวลึกลับจะมีวรยุทธ์ที่เหนือกว่าหลิงหยุน แต่พละกำลังและความแข็งแกร่งนั้นด้อยกว่า ร่างของนางจึงค่อยๆถูกผ้าแพรสีดำดึงเข้าไปใกล้ร่างของหลิงหยุนเรื่อยๆ!
และครั้งนี้หากหญิงสาวลึกลับไม่ยอมปล่อยมือจากผ้าที่จับอยู่ ร่างของนางก็จะต้องโผเข้าสู่อ้อมกอดของหลิงหยุนอย่างแน่นอน!
แต่ผ้าแพรสีดำผืนนี้เป็นอาวุธของพรรคมาร และหญิงสาวลึกลับนางนี้ก็คือผู้ที่ดำรงตำแหน่งธิดาพรรคมารคนปัจจุบัน เช่นนี้แล้วนางจะยอมปล่อยสมบัติล้ำค่าของตนเองได้อย่างไร?
“หลิงหยุน.. เจ้าคนไร้ยางอาย!” ธิดาพรรคมารโกรธมากจนถึงกับกรีดร้องออกมา
“เจ้ารู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว!”
หลิงหยุนแสยะยิ้ม.. เมื่อเห็นว่าแม่มดน้อยกำลังเข้าใกล้อ้อมกอดของเขามากขึ้นเรื่อยๆ