บทที่ 256สิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้

The king of War

ในตอนที่หานเซี่ยวเทียนกำลังเล่าความหลังให้หยางเฉินฟังอยู่นั้น ก็มีผู้นำตระกูลเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงสิบกว่าคนแห่กันมาที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของร้านอาหารจุนถิง

แม้แต่ผู้นำตระกูลเฉิน เฉินซิงไห่ ก็ยืนตัวสั่นอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นเหมือนกัน

“โอ้วพระเจ้า! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย? ผู้นำตระกูลเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงต่างก็มากันจนครบเลย!”

“หรือมีคนที่ใหญ่โตมากๆ มา? ไม่อย่างนั้นเฉินซิงไห่จะมาด้วยเองได้ยังไง?”

“แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสีหน้าของคนพวกนี้มันดูซีดๆ นะ?”

……

ภายในร้านอาหารจุนถิง ลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างพากันทำหน้าตกใจ

คนใหญ่คนโตที่ปกติไม่ค่อยเห็นหน้า ตอนนี้กลับอยู่กันครบเลย

ในเวลาเดียวกัน เมืองโจวเฉิง ตระกูลหยวน

ภายในวิลล่าโดดเดี่ยวหลังหนึ่ง

หยวนมู่นั่งอยู่บนโซฟาแสนหรูที่อยู่ข้างๆ ยกมือขึ้นมาดูเวลา “นี่ก็สิบเอ็ดโมงแล้ว เรื่องสนุกๆ น่าจะจบไปแล้วมั้ง?”

ตรงข้ามของเขา หยวนเซ่านั่งอยู่ตรงนั้น พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “พี่ครับ เรื่องสนุกๆ น่าจะจบไปแล้วนะ ไม่แน่ไอ้หนูนั่น อาจจะถูกหักแขนหักขาต่อหน้าทุกคนไปแล้ว ฮ่าฮ่า!”

หยวนมู่ไม่พูดอะไร ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ราวกับมีเรื่องใหญ่บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น

“พี่ครับ พี่เป็นอะไรครับ? ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่อารมณ์ไม่ดีเลยครับ?”

หยวนเซ่าจ้องมองหยวนมู่ด้วยความสงสัย แล้วพูดต่อว่า “พี่รังสรรค์บทละครที่มันยอดเยี่ยมขนาดนี้ออกมา ยืมมือตระกูลเฉินไปฆ่าไอ้หนูนั่น ถ้ามันไม่ธรรมดาจริง งั้นอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขา จะต้องไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ แน่ พอถึงตอนนั้น อำนาจของตระกูลเฉินต้องถูกลดทอนไปมาก เมืองโจวเฉิงในวันข้างหน้า ตระกูลหยวนของเราก็จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

หยวนมู่ส่ายหน้า “ตราบใดที่ผลยังไม่ออกมา เราเองก็ไม่ควรดีใจไปก่อน”

และในตอนนั้นเอง มือถือของหยวนมู่ก็ได้ดังขึ้น เขารีบรับสายทันที “คุณชายมู่ เกิดเรื่องแล้วครับ!”

“ว่าไงนะ?”

หยวนมู่ลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พูดมาให้ชัดๆ ซิ!”

“ตอนแรกทุกอย่างก็ราบรื่นดี มันเป็นไปตามที่คุณคิดไว้ทุกอย่าง แต่ไม่นึกเลย จู่ๆ ก็มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น”

“ผู้นำตระกูลหานแห่งเมืองเอก หานเซี่ยวเทียน บอกว่าหยางเฉินเป็นผู่มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ และพามันไปต่อหน้าทุกคน แถมยังทิ้งท้ายไว้ว่า ทุกคนที่ไปหาเรื่องหยางเฉิน ต้องได้รับการให้อภัยจากหยางเฉินภายในวันนี้ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะทำให้ตระกูลของพวกเขาต้องล่มสลายครับ!”

อีกฝ่ายเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้หยวนมู่ฟัง

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว!”

หลังจากที่หยวนมู่วางสาย สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที

เรื่องมันไม่ได้เป็นไปตามที่เขาวางแผนไว้ทุกอย่าง ทั้งการปรากฏตัวของลั่วปิงกับซูเฉิงอู่ และการมาของหานเซี่ยวเทียนยิงเป็นเรื่องที่ผิดคาดมากๆ

“พี่ครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

หยวนเซ่าถามไปด้วยความสงสัย

หยวนมู่หันมามองเขา แล้วเล่าข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาให้เขาฟัง

“พี่ครับ นี่มันไม่ใช่เรื่องดีเหรอครับ? แล้วที่ยังจะทำหน้าเคร่งเคลียดอยู่อีกทำไมครับ?”

หยวนเซ่าพูดด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น “ถึงแม้ไอ้หนูนั่นจะยังไม่ตาย แต่ตระกูลเฉินกับพวกตระกูลเศรษฐีที่มีสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา ก็ไปล่วงเกินหานเซี่ยวเทียนเข้าแล้ว นี่มันเป็นโอกาสอันดีที่ตระกูลหยวนของเราจะได้ครอบครองเมืองโจวเฉิงเลยนะครับ!”

“พี่ครับ ผมจะไปหาคุณปู่ตอนนี้เลย แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง คุณปู่ต้องดีใจมากแน่ๆ ครับ”

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

หยวนมู่ตะโกนออกมาเสียงดัง ขมวดคิ้วแล้วพูดไปว่า “เรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แกเห็นแค่ภายนอก สิ่งที่มันซ่อนอยู่ภายในนั้นแกไม่ได้เข้าใจอะไรเลย!”

“พี่ครับ มีอะไรที่มันซ่อนไว้อีกครับ?” หยวนเซ่านั้นไม่เข้าใจจริงๆ

หยวนมู่พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “แกอย่าลืมนะ ว่าเราเป็นที่ส่งนักฆ่าไปจัดการเฉินอิงจวิ้น ตอนนี้ตระกูลหานเข้ามายุ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่ตระกูลหานเข้ามาสืบหาความจริง มันก็มีความเป็นไปได้มากที่จะสาวมาถึงเรา”

“แกคิดว่า ถ้าหานเซี่ยวเทียนรู้ว่าการตายของเฉินอิงจวิ้นนั้นเกี่ยวข้องกับเรา คิดว่าตระกูลหานจะยอมอยู่เฉยรึไง?”

พอได้ฟังการอธิบายของหยวนมู่ หยวนเซ่าที่ยังทำหน้าดีใจเมื่อกี้ สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปทันที

“หานเซี่ยวเทียนนั้นเป็นคนระดับไหน? เขาจะไปช่วยไอ้หนูนั่นสืบค้นเรื่องนี้ได้ยังไงครับ?” หยวนเซ่าถามไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

“เพื่อไอ้หนูนั่นแล้ว เขาถึงขั้นข่มขู่เศรษฐีมากมายของเมืองโจวเฉิงให้ไปขอโทษ แล้วจะไม่ช่วยไอ้หนูนั่นได้ยังไงล่ะ?” หยวนมู่ถามกลับ

“พี่ครับ แล้วเราควรทำยังไงดี? ถามมันสาวมาถึงเราจริง ตอนนั้นจะไม่ได้มีแค่เราที่จะซวย ตระกูลหยวนทั้งตระกูลก็คงจบสิ้นแน่นอน!” หยวนเซ่าแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

ฐานะของตระกูลหานในเมืองเอก ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลหยวนอันต้อยต่ำจะไปเทียบเคียงด้วยได้

หยวนมู่พูดตำหนิ “จะร้อนรนไปทำไม? ตอนนี้มันยังสาวมาไม่ถึงเราไม่ใช่รึไง?”

“แต่ว่า พี่เองก็พูดมาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่หานเซี่ยวเทียนจะช่วยไอ้หนูนั่นสืบหาความจริง” หยวนเซ่าถามด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

“หยวนเซ่า แกฟังฉันให้ดีๆ นะ เรื่องในครั้งนี้ ฟ้าดินรู้เห็น แกรู้ฉันรู้ ไม่ว่าใคร ก็ห้ามหลุดปากออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นวันสิ้นโลกของตระกูลมู่แน่นอน!”

ทันใดนั้น หยวนมู่ก็พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “แม้แต่คุณปู่ เราก็จะบอกให้ท่านรู้ไม่ได้!”

หยวนเซ่าพยักหน้าถี่ๆ “พี่ครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไม่บอกใครทั้งนั้นครับ!”

ไม่มีใครคาดคิด ว่าการตายของเฉินอิงจวิ้นนั้น เป็นชายหนุ่มรุ่นหลังสองคนของตระกูลหวนที่เป็นคนสั่งคนไปทำ

ยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นใหญ่โตในวันนี้ จะเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มสองคนนี้

อีกด้านหนึ่ง ณ ร้านอาหารจุนถิง ภายในหอทรงศักดิ์

หานเซี่ยวเทียนนั้นได้เล่าเรื่องในชายแดนเหนือจนหมดแล้ว เขามองไปที่หยางเฉินแล้วถามว่า “หยางเฉิน พวกที่อยู่ด้านนอกนั่น เธอคิดจะจัดการยังไงเหรอ?”

แววตาของหยางเฉินเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง แล้วเขาก็ค่อยๆ พูดออกมาว่า “เรื่องในครั้งนี้ ผมจะจัดการด้วยตนเองและจะไม่รบกวนเจ้าบ้านหานแล้วครับ”

หานเซี่ยวเทียนอึ้งไปทันที ยิ่งมั่นใจในการคาดการของตัวเองมากขึ้น หยางเฉินนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่จัดการเรื่องนี้คนเดียวหรอก

“พี่หยางคะ นี่พี่ถึงกับปฏิเสธความช่วยเหลือของคุณปู่ พี่รู้นะคะ ว่าพวกที่อยู่ข้างนอกนั่น ต่างก็เป็นผู้นำตระกูลเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงทั้งนั้น ถ้าไม่ได้คุณปู่ของฉันควบคุมเอาไว้ พวกเขาก็คงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องมันจบไปง่ายๆ หรอกนะคะ!”

หานเฟยเฟยเองก็ทำหน้าตกใจเหมือนกัน เธอรู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มที่ชีวิตคุณปู่ของเธอคนนี้มาก จึงอยากที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เขา

“เฟยเฟย!”

หานเซี่ยวเทียนตำหนิออกมา แล้วหันไปพูดกับหยางเฉินว่า “ในเมื่อเธอตัดสินใจออกมาแบบนั้นแล้ว งั้นฉันก็จะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งแล้วกัน ถ้าต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ก็บอกได้ทุกเมื่อเลยนะ”

“ครับ!” หยางเฉินพยักหน้า

ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงห้องโถงตรงชั้นหนึ่ง ผู้นำตระกูลเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงสิบกว่าคน ต่างก็กำลังรอคอยเขาอยู่

“คุณหยางครับ ผมหวงจงสำนึกผิดแล้ว ขอให้คุณช่วยยกโทษให้ด้วยนะครับ!”

“คุณหยางครับ ผมจางซวยสำนึกผิดแล้ว ขอให้คุณช่วยยกโทษให้ด้วยนะครับ!”

“คุณหยางครับ ผมเหวินเต๋อเซิงสำนึกผิดแล้ว ขอให้คุณช่วยยกโทษให้ด้วยนะครับ!”

……

เศรษฐีกลุ่มใหญ่แห่งเมืองโจวเฉิง ต่างแย่งกันพูดขอโทษกับเพื่อให้เขายกโทษให้

แต่หยางเฉินนั้นกลับไม่มองแม้แต่แวบเดียว และได้เดินขึ้นรถของลั่วปิงไปเลย

“ผู้นำเฉิน นี่คุณหยางเขาหมายความว่ายังไงครับ?”

“นี่เขายกโทษให้เราแล้ว? หรือยังไม่ยกโทษให้กันแน่เนี่ย? อย่างน้อยก็น่าจะพูดอะไรบ้างไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไมเจ้าบ้านหานก็ไปแล้วล่ะ?”

พวกเศรษฐีของเมืองโจวเฉิง ต่างพากันทำหน้าหวาดกลัว

เฉินซิงไห่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จึงพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจว่า “แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ?”

พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป

เมืองโจวเฉิง ณ คฤหาสน์ส่วนตัวแห่งหนึ่ง

รถPhaetonสีดำคันหนึ่งค่อยๆ จอดลงที่ลานด้านในหยางเฉินกับลั่วปิงก้าวลงจากรถ

“ท่านประธาน ในคืนวันนั้น หลังจากที่เฉียนเปียวจับตัวมือสังหารได้ ก็เอาตัวมาขังไว้ที่นี่ครับ” ลั่วปิงได้พูดออกมา

ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในคฤหาสน์ ก็มองเห็นชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดดำคนหนึ่งอยู่กลางห้องโถง เขาถูกมัดไว้กับเก้าอี้อย่างแน่นหนา