ตอนที่ 1836 ช่างตีเหล็กชรา (5) / ตอนที่ 1837 ช่างตีเหล็กชรา (6)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1836 ช่างตีเหล็กชรา (5)

แต่…สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือฉีหลิงเองก็มีความคิดนี้เช่นกัน

“ฉีหลิง” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดไปครู่หนึ่ง “เจ้าอยู่ข้างพี่ชายเจ้าเถอะ ข้าจะไปตามหานางให้เอง”

ฉีหลิงยังเด็กเกินไป แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงจะพานางไปสถานที่อันตรายอย่างป่าบททดสอบสวรรค์ได้อย่างไร

“แต่ว่า…”

“อย่าดื้อ!” สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงมืดครึ้ม “ในเมื่อเจ้านับถือข้าเป็นอาจารย์ก็ต้องเชื่อฟังข้า”

ฉีหลิงเสียใจแต่ก็ไม่ได้ขัดคำสั่งของอวิ๋นลั่วเฟิง นางพูดแค่ว่า “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่กับท่านพี่”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ผ่อนคลายลงแล้วลูบศีรษะฉีหลิงเบาๆ

“สบายใจได้ ข้าจะพานางกลับมาแน่นอน!”

เมื่อได้ยินคำยืนยันจากอวิ๋นลั่วเฟิง ฉีหลิงก็เผยรอยยิ้มสดใสทันที แล้วความกังวลที่นางซ่อนไว้ก็หายไป

“หลิงเอ๋อร์เชื่อในตัวอาจารย์เจ้าค่ะ”

ในเมื่ออาจารย์ของนางพูดอย่างนั้น ท่านป้าอวิ๋นก็จะต้องกลับมาแน่นอน…

“อ้อ จริงสิ อาจารย์เจ้าคะ ในตอนที่พวกเรามีเวลาข้าอยากไปเยี่ยมพี่หญิงมู่เจ้าค่ะ ข้ารู้สึกกังวลเรื่องนางอย่างไรไม่รู้”

ฉีหลิงกะพริบดวงตากลมโตสดใสของนางแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างน่าสงสาร เพราะกลัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะปฏิเสธ

อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปพักหนึ่ง นางหลุบตาต่ำขณะคิดถึงจักรพรรดิที่ล้มหมอนนอนเสื่อ และพระสนมฉินที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉี

เมื่อฉีหลิงเห็นอย่างนั้นก็เข้าใจว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่อยากยุ่งกับราชวงศ์ ดังนั้นนางจึงรีบพูดขึ้นว่า “อาจารย์ ถ้าท่านไม่ชอบ ข้าไม่ไปก็ได้เจ้าค่ะ”

“ข้าไม่ได้ห้ามเจ้าไปพบนางแต่…” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุด “พวกเราควรหาเวลาที่เหมาะสม และข้าจะไปที่นั่นกับเจ้าด้วย”

ที่สำคัญกว่านั้นถึงแม้ว่าฉีหลิงอยากเจอกับมู่เสวี่ยซินแต่ก็คงไม่มีใครยอม นอกจากว่าพวกนางจะมาเจอกันข้างนอก…

เห็นได้ชัดว่ามู่เสวี่ยซินกำลังวุ่นวายกับอาการเจ็บป่วยของจักรพรรดิอยู่ ดังนั้นนางคงไม่มีเวลามาเดินเล่นข้างนอก และฉีหลิงเองก็ไม่สามารถเข้าไปในจวนได้ เช่นนั้นพวกนางก็คงไม่ได้เจอกัน …

ทันทีที่พวกนางเดินเข้าไปในร้านหลงเฟิง พวกนางก็เห็นฉีซูรออยู่แล้ว

เขาดีใจและกำลังจะเรียกเอ่ยปากพวกนาง แต่ดันได้ยินเสียงดูถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน

“โอ้โห ดูสิว่าข้าเจอใคร พี่น้องตระกูลฉีนี่เอง หมาขี้แพ้อย่างพวกเจ้ายังมีหน้ากลับมาอีกหรือ”

ฉีซูค่อยๆ ขมวดคิ้ว เขาหันไปมองด้านข้างอย่างเย็นชาแล้วพบคนสองสามคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามา

คนกลุ่มนี้มีพี่น้องชายหญิงคู่หนึ่งเดินนำมา พี่ชายหน้าตาหล่อเหลาทว่าดูกระเซอะกระเซิง ใบหน้าประดับรอยยิ้มหยิ่งยโส ส่วนน้องสาวที่อยู่ข้างเขาก็มีกลิ่นอายสง่างามน่าค้นหา แต่ทันทีที่นางเห็นฉีซู ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ความเกลียดชังนี้คล้ายกับคนที่ถูกคนรักทอดทิ้ง จนความรักแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น

เมื่อฉีหลิงเห็นพวกเขาเข้ามาใกล้ นางก็ตัวสั่นแล้วเผลอหันไปซุกตัวเข้ากับอ้อมกอดของอวิ๋นลั่วเฟิง ใบหน้าเล็กและบอบบางของนางปรากฏร่องรอยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าเมื่อตอนที่ฉีหลิงอยู่ในเมืองจักรพรรดิ พวกเขามีอิทธิพลต่อนางอย่างมาก

“เจียวเฉา เจียวเคอ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

โลกช่างแคบเสียจริง ตอนแรกฉีซูไม่อยากให้คนอื่นจะรู้ข่าวว่าเขากลับมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมาเจอพี่น้องตระกูลเจียวที่นอกโรงเตี๊ยม

“ฉีซู” เจียวเคอเหลือบมองฉีซูอย่างรังเกียจ ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยแววตาโหดเหี้ยม “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าสารภาพรักกับเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้าจะแต่งงานกับมู่เสวี่ยซินคนเดียวไม่ใช่หรือ แล้วสตรีผู้นี้เป็นใคร เจ้าตกหลุมรักคนได้รวดเร็วขนาดนี้เลยรึ คำพูดของเจ้ามันก็แค่ลมปาก!”

…………………………

ตอนที่ 1837 ช่างตีเหล็กชรา (6)

เห็นได้ชัดว่า เจียวเคอไม่ได้พูดถึงมู่เสวี่ยซิน นางเคยอิจฉามู่เสวี่ยซินที่ได้เป็นคู่หมั้นของฉีซู แต่ตัวนางกลับไม่ได้รับความสนใจจากเขา

แต่ว่ามู่เสวี่ยซินเป็นองค์หญิง ต่อให้นางอิจฉาจนตายก็ทำอะไรไม่ได้ นางไม่กล้าพอจะโกรธเคืองมู่เสวี่ยซินจึงได้แต่เอาความเกลียดชังทั้งหมดไปลงที่ฉีซู

ถึงแม้ว่านางจะยินดีเป็นอนุ แต่สิ่งที่นางได้กลับเป็นคำปฏิเสธจากเขาจนทำให้นางเสียหน้า

โชคดีที่สวรรค์มีตาแล้วทำให้ฉีซูโดนไล่ออกจากตระกูลจนไร้ที่พึ่งพา ตอนนั้นนางก็ไปเยาะเย้ยและถากถางพี่น้องคู่นี้รวมถึงอาศัยตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็นแอบทำร้ายฉีหลิงด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะฉีซูมาได้ทันเวลา นางก็คงทำลายพรหมจรรย์ของฉีหลิงไปแล้ว

แม้เรื่องจะผ่านไปเป็นปีแล้วแต่ภายในใจของฉีหลิงก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ขณะที่ดันร่างสั่นเทิ้มของตัวเองเข้าไปในอ้อมกอดของอวิ๋นลั่วเฟิง

เมื่อฉีซูนึกถึงการกระทำก่อนหน้านี้ของเจียวเคอ ดวงตาเย็นชาของเขาก็เกิดประกายสังหาร

อวิ๋นลั่วเฟิงรู้จักนิสัยของฉีซูดี ไม่มีทางที่เขาจะอยากสังหารใครขึ้นมาโดยไร้เหตุผล นอกจากว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องที่แม้แต่สวรรค์ยังเดือดดาล เมื่อรวมกับความหวาดกลัวของฉีหลิงก็เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขาต้องทำเรื่องเลวร้ายบางอย่างกับนาง

ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังปลอบฉีหลิง นางก็กวาดสายตาโหดเหี้ยมไปยังคนกลุ่มนี้ ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าขนลุก

“เจียวเคอ” ฉีซูกำหมัดแน่น “ข้าแค่ปฏิเสธไม่รับเจ้าเป็นอนุ เหตุใดเจ้าถึงต้องเคียดแค้นข้าขนาดนี้ ที่สำคัญเจ้ายังฉวยโอกาสลักพาตัวน้องสาวข้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าไปช่วยนางทันเวลา น้องสาวข้าก็คงต้องเปื้อนมลทินด้วยน้ำมือเจ้าแล้ว เจ้าคิดจะชดใช้เรื่องนี้อย่างไร”

เวลานี้มีคนที่เดินผ่านไปมามากมายมารวมตัวกันที่หน้าประตูโรงเตี๊ยม หลังจากได้ยินคำพูดของฉีซู พวกเขาก็มองเจียวเคออย่างแปลกใจและเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ใบหน้างดงามของเจียวเคอซีดเผือด ขณะที่นางตัวสั่นด้วยความโกรธ “ฉีซู เจ้าอย่ามาใส่ความข้า! ใครอยากเป็นอนุของเจ้ากัน คนที่ไม่มีฐานะอะไรอย่างเจ้า ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมาสู่ขอข้าแต่งงานด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับคิดจะรับข้าไปเป็นอนุงั้นหรือ”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้นางอับอายขายหน้ามาก สมองของนางกำลังเดือดพล่านจากการกระทำเมื่อตอนนั้นของนาง

แน่นอนว่าฉีซูไม่ได้แค่หล่อเหลาแต่ความสามารถของเขาก็ไม่ธรรมดา ในตอนนั้นเขายังเป็นทายาทของตระกูลฉีและได้รับการปกป้องจากอวิ๋นเยว่ชิง จึงเป็นไม่ได้เลยที่นางจะห้ามใจไม่ให้ชื่นชอบบุรุษที่โดดเด่นแบบเขา!

“ฉีซู ชายคนนี้คือฉีซูจากตระกูลฉีงั้นหรือ คนที่ถูกตระกูลไล่ออกเมื่อปีที่แล้วใช่หรือไม่”

“เหอะ ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับมาจริงๆ แต่ที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่าคือบุตรสาวของราชครูจะอยากเป็นอนุของฉีซู แต่หลังจากโดนปฏิเสธกลับโกรธแค้นเพราะความอับอาย”

ใครก็ชอบเหตุการณ์วุ่นวาย แต่นั่นทำให้ใบหน้าโกรธแค้นของเจียวเคอเปลี่ยนเป็นซีดเผือด นางกวาดตามองฝูงชนที่กำลังพูดคุยกันอย่างเดือดดาล

“ใครก็ตามที่กล้าแพร่เรื่องไร้สาระนี้ออกไป ก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า!”

เจียวเคอเชิดหน้าแล้วมองฉีซูอย่างดูถูก “ฉีซู เจ้ากล้าคิดว่าตัวเองคู่ควรกับข้าแล้วยังกล้าใส่ความทำลายชื่อเสียงข้าอีกหรือ เป็นเจ้าที่ไม่ซื่อสัตย์เอง เจ้าไม่พอใจที่มีภรรยาเช่นองค์หญิงและยังหลงผิดอยากได้ข้าไปเป็นอนุอีก! แต่ข้าไม่ยอม เจ้าก็เลยกล่าวหาข้า! ข้าบอกให้อะไรให้นะ ไม่ต้องพูดถึงเป็นอนุเลย ต่อให้เป็นภรรยาเจ้าก็เท่ากับดูถูกฐานะของข้ามากแล้ว!”

“ข้า เจียวเคอ ยอมแต่งงานเป็นภรรยาของยาจกดีกว่าไปเป็นอนุของเศรษฐี! ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ข้าก็รังเกียจเรื่องแบบนี้!”

ประโยคที่ว่ายอมแต่งงานเป็นภรรยาของยาจกดีกว่าไปเป็นอนุของเศรษฐีควรจะเป็นบทพูดที่สูงส่งและดีงาม แต่เมื่อออกจากปากของเจียวเคอก็ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกว่ามันช่างเสแสร้งเหลือเกิน