ตอนที่ 1838 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (1) / ตอนที่ 1839 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (2)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1838 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (1)

นางเชื่อฉีซู ดังนั้นถ้าเจียวเคอไม่ได้ทำจริงก็ไม่มีทางที่ฉีซูจะบอกว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ว่านางก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะนางเชื่อว่าฉีซูสามารถจัดการเองได้

“คุณหนูใหญ่ตระกูลเจียวมีนิสัยเด็ดเดี่ยวถึงกล้ายอมแต่งงานกับยาจกดีว่าเป็นอนุของเศรษฐี! ข้าเชื่อว่านางไม่ใช่คนที่จะขอร้องให้คนอื่นรับนางไปเป็นอนุ”

“ข้าเชื่อในตัวคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียว ฉีซูจากตระกูลฉีต้องหลงผิดอยากจะครอบครองยอดหญิงทั้งสองเมือง ดังนั้นเมื่อโดนปฏิเสธจากคุณหนูใหญ่ที่หยิ่งทะนงและเด็ดเดี่ยวจึงคิดทำลายชื่อเสียงของนาง”

ฝูงชนพูดคุยกันอย่างออกรส แล้วมองฉีซูกับน้องสาวด้วยสายตาเหยียดหยาม

เจียวเคอยกยิ้มบนใบหน้างดงามและสงบนิ่งของนาง นางจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงที่กอดฉีหลิงอยู่ก่อนดวงตาจะเป็นประกายดุร้าย ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ชอบฉีซูแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสตรีอื่นจะมีสิทธิ์อยู่เคียงข้างเขา

นางไม่กล้าหาเรื่องมู่เสวี่ยซิน แต่ไม่ใช่กับสตรีคนอื่น

“เพราะข้าเป็นบุตรสาวตระกูลเจียว ข้าจึงมีนิสัยหยิ่งทะนงและเด็ดเดี่ยว ไม่เหมือนใครบางคนที่ยอมเสนอตัวเองให้เป็นอนุของบุรุษหน้าตาดี คนแบบนั้นก็แค่ทำลายเกียรติของพวกเราเหล่าสตรี”

นางจ้องไปที่อวิ๋นลั่วเฟิงโดยไม่ละสายตา เพื่อสื่อว่าคนที่นางพูดถึงก็คืออวิ๋นลั่วเฟิง

ตอนแรกอวิ๋นลั่วเฟิงไม่คิดจะยุ่งเรื่องวุ่นวายนี้และให้ฉีซูเป็นคนแก้ปัญหาด้วยตัวเอง นางไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่นาง ตอนนั้นเองนางก็เลื่อนดวงตาสีนิลที่เต็มไปด้วยประกายคมปลาบมองไปยังเจียวเคอ

สายตาของนางทำให้เจียวเคอรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงแผ่นหลัง แล้วหยาดเหงื่อเย็นๆ ก็ไหลออกมาเพราะความกลัว แต่ว่าในเมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงยอมเป็นอนุของบุรุษที่ไม่มีอะไรเลย นางก็คงไม่ได้มาจากตระกูลที่มีอำนาจ ดังนั้นไม่นานสีหน้าของเจียวเคอจึงผ่อนคลายขึ้น

เพียะ!

ไม่ต้องรอให้อวิ๋นลั่วเฟิงลงมือ ฉีซูก็พุ่งเข้าไปตบหน้าเจียวเคอ เขาไม่ได้ยั้งมือตอนที่ฟาดฝ่ามือจึงทำให้เจียวเคอกระเด็นไป

ฉีซูที่ยืนอยู่ในจุดเดิมของเจียวเคอกำลังกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงคล้ายมีบางอย่างแตกหัก ขณะที่ดวงตาอ่อนโยนของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล

“เจียวเคอ ข้าไม่เคยสั่งสอนตอนที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้แต่เจ้ากลับกล้าทำให้แม่นางอวิ๋นอับอาย นางเป็นอาจารย์ของฉีหลิงแต่เจ้ากลับกล้าพูดแบบนี้กันนางงั้นหรือ เจ้าทำตัวราวกับว่าข้าเป็นคนที่รังแกได้ง่ายถึงเพียงนั้น”

ฉีซูอยากจะลงมือกับเจียวเคอมานานแล้ว ไม่ว่าเรื่องของอวิ๋นลั่วเฟิงจะเกิดขึ้นหรือไม่ เขาก็ไม่มีทางปล่อยนางไป

ทว่าตอนแรกเขาตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ลับๆ แต่การใส่ร้ายของเจียวเคอทำให้ฉีซูเดือดดาลจนไม่สามารถยับยั้งความโกรธได้

“เคอเอ๋อร์” ในที่สุดเจียวเชาก็ได้สติแล้วรีบเดินเข้าไปหาเจียวเคอก่อนจะพยุงนางขึ้นจากพื้น

“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ บาดเจ็บหรือเปล่า” พูดถึงตรงนี้เขาก็หันไปหาฉีซูด้วยสายตาโกรธเคือง “ฉีซู เจ้ากล้ามากที่ทำร้ายน้องสาวข้า!”

“ข้าไม่ได้จะทำแค่ตีนาง แต่วันหนึ่งข้าจะสังหารนางด้วย!” ทันทีที่เขาพูดถึงเขาว่า ‘สังหาร’ เขาก็ไม่ได้เก็บจิตสังหารของตนเลยแม้แต่น้อย

“เจ้า…” เจียวเชาหน้าเปลี่ยนสี “ฉีซู น้องสาวของข้าไม่ได้พูดอะไรผิด เจ้าบอกว่านางอยากเป็นอนุของเจ้าแต่เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้! เจ้ามีองค์หญิงเป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว และน้องสาวข้าก็มีนิสัยเด็ดเดี่ยว นางไม่มีทางทำเรื่องอย่างขโมยคนรักของคนอื่นแน่! เทียบกับสตรีที่อยู่ข้างเจ้าคนนั้น นางเทียบไปไม่ได้แม้แต่เส้นผมสักเส้นของน้องสาวข้า!”

พูดตามจริงแล้วแม้แต่เจียวเชาเองก็ไม่รู้ว่าเจียวเคอไปสารภาพรักกับฉีซู ถ้าเขารู้เขาต้องหยุดนางไว้แน่นอน

แต่ไม่ใช่เพราะเขามีนิสัยซื่อตรงหรือมีคุณธรรม แต่เป็นเพราะเขากลัวว่าเจียวเคอจะทำให้จวนราชครูเสื่อมเสียชื่อเสียงต่างหาก

…………………………

ตอนที่ 1839 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (2)

ถึงอย่างไรฉีซูก็ไม่มีคนคุ้มครองอีกต่อไปแล้ว และตอนนี้จักรพรรดิก็ล้มนอนหมอนเสื่ออยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังรักองค์หญิงสี่อย่างลึกซึ้ง

ถ้าองค์หญิงสี่ไม่พอใจเรื่องนี้ขึ้นมา จวนราชครูต้องจบเห่แน่!

อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาแล้วเหลือบมองเจียวเคอที่มีเจียวเชาช่วยพยุงอยู่

สีหน้าตอนนี้ของเจียวเคอซีดเผือดจนทำให้คนรอบๆ เกิดความสงสารและอยากเข้ามาปกป้อง พวกเขายังคงสาปแช่งฉีซูอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเหยียดหยามการกระทำของอวิ๋นลั่วเฟิง

“เจ้าบอกว่าสตรีผู้นี้เป็นอาจารย์ของฉีหลิงงั้นหรือ จะตลกเกินไปแล้ว สวะอย่างนางจะต้องมีอาจารย์ไปทำไม ต่อให้เจ้าอยากจะหาข้อแก้ตัวก็ควรจะหาอะไรที่ดีกว่านี้! เห็นกันอยู่ว่านางก็เป็นแค่นางโลมที่มายั่วยวนเจ้า”

เมื่อเห็นน้องสาวของตัวเองถูกรังแก เจียวเชาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างมาดร้ายด้วยสายตาเหยียดหยาม

“คนชั่ว ใครอนุญาตให้เจ้ารังแกอาจารย์ของข้า!”

ฉีหลิงในตอนแรกหวาดกลัวพี่น้องตระกูลเจียวจึงแอบอยู่ในอ้อมกอดของอวิ๋นลั่วเฟิง แต่เมื่อได้ยินว่ามีคนทำให้อาจารย์ที่เคารพของนางอับอาย นางก็โกรธจัดแล้วรีบออกจากอ้อมกอดของอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะกางกรงเล็บกระโจนเข้าใส่

เจียวเชาไม่ได้ขยับตัว เขาไม่ได้คิดว่าการจัดการกับเด็กผู้หญิงในที่สาธารณะเป็นเรื่องอับอาย แต่เขาไม่อยากให้มือตัวเองแปดเปื้อน

ถึงแม้ว่าเจียวเชาจะไม่ได้ลงมือ แต่เด็กชายอายุราวแปดเก้าปีก็พุ่งออกมาแล้วเข้าโจมตีฉีหลิงอย่างโหดเหี้ยม

“เสี่ยวหลิง!” หัวใจของฉีซูกระตุกทันที

ถึงแม้ว่าเสี่ยวหลิงจะไม่ได้เป็นขยะแล้วแต่นางเพิ่งเริ่มฝึกพลังฌานได้ไม่นาน อีกอย่างนางยังเด็กนัก แล้วจะต่อกรกับเด็กชายอายุแปดเก้าปีได้อย่างไร

ตลอดเหตุการณ์อวิ๋นลั่วเฟิงยืนอยู่ที่ข้างหนึ่งโดยไม่กะพริบตา นางอยากเห็นว่าสองสามเดือนมานี้การฝึกพลังฌานของฉีหลิงพัฒนาไปขนาดไหนแล้ว

ตอนที่นางช่วยฉีหลิงฝึกพลังฌาน นางได้ใช้พลังฌานเพื่อบำรุงร่างกายของฉีหลิงด้วย พูดอีกอย่างก็คือนางไม่ได้ใช้พลังฌานจากโลกคัมภีร์เซียนโอสถอย่างเดียว แต่ยังใช้น้ำยาผสานฌานไปจำนวนมหาศาล

ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงมั่นใจว่าสามเดือนที่ฉีหลิงฝึกพลังฌานต้องได้ผลลัพธ์เท่ากับคนอื่นที่ฝึกพลังฌานถึงสามปี หากตอนนี้นางเอาชนะเด็กชายคนนี้ไม่ได้ ก็หมายความว่าพรสวรรค์ของนางย่ำแย่มาก

เด็กชายพุ่งเข้าไปหาฉีหลิงด้วยดวงตาเป็นประกายชั่วร้าย การโจมตีของเขารุนแรงมากราวกับว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อายุเพียงห้าปี

ตอนที่ทุกคนคิดว่าถ้าฉีหลิงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส ฉีหลิงก็หลบการโจมตีของเขา

เด็กชายชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะได้สติกลับมา ฉีหลิงก็คว้าแขนของเขาอย่างรวดเร็วแล้วกัดลงไปเต็มแรง

“อ๊าก!” เด็กชายกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วยกมือเพื่อสะบัดฉีหลิงออก แต่ว่าฉีหลิงกัดเขาแน่นมากและไม่มีท่าว่าจะปล่อย

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เด็กชายโกรธจัดแล้วเงื้อมือโจมตีศีรษะของฉีหลิง

ดวงตากลมโตของฉีหลิงเป็นประกาย แล้วชั่วพริบตาที่การโจมตีของเด็กหนุ่มกำลังจะถึงตัว นางก็ปล่อยแขนแล้วกระโดดหลบ

แต่ว่า…เด็กหนุ่มไม่สามารถหยุดมือไว้ได้ทำให้เขาโจมตีแขนของตัวเอง ฝูงชนได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนที่แล้วไม่นานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสก็ดังขึ้น

“ใครใช้ให้เจ้าเป็นผู้ติดตามของคนชั่วสองคนนี้กันล่ะ ข้าจะตีเจ้าจนกว่าตาย!”

ฉีหลิงโกรธจนหน้าแดง แล้วอาศัยจังหวะที่เขายังไม่ได้สติกลับมารีบกระโจนเข้าไปแล้วกดร่างของเขาลงพื้นอย่างแรง หมัดเล็กๆ ของนางถูกปกคลุมด้วยพลังฌานก่อนจะกระแทกเข้าที่หน้าอกของเด็กชายอย่างแรง

“ใครก็ตามที่เป็นพวกเดียวกับคนชั่วสองคนนี้ก็ย่อมไม่มีจิตสำนึกที่ดีเหมือนกัน ใครใช้ให้พวกเขารังแกอาจารย์ของข้า!”

ดังนั้นตอนที่ฉีหลิงโจมตีเด็กชายคนนี้ นางถึงไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียว ใครใช้ให้เขาเป็นผู้ติดตามของพี่น้องตระกูลเจียวล่ะ