ตอนที่ 282 หินเลือด

หยางโปตอบกลับอย่างลังเลเล็กน้อย ” ช่วงนี้แม่สบายดีนะ ? “

” สบายดี ” แม่หยางตอบกลับ

หยางโปตอบรับเสียงเบา อ้าปากอยากจะถามเรื่องของพ่อกับหยางหล่าง แต่กลับอ้าปากไม่ออก เขารู้ว่าทั้งสองคนได้รับการติดสินโทษแล้ว ตอนนี้ก็ติดคุกอยู่ เกรงว่าพวกเขาจะอยากให้หยางโปตายมาก แม่หยางน่าจะเกลียดเขาไปแล้ว

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน แม่หยางถึงค่อยกระแอมเสียงเบา ” ดึกมากแล้ว เธอก็รีบไปพักผ่อนเถอะ “

” อื้ม แม่ก็รีบพักผ่อนนะ ” หยางโปตอบ

วางสายแล้วเขาก็เดินอยู่ใต้แสงไฟถนนเพียงลำพัง แสงไฟมืดหม่น จู่ๆ หยางโปก็เกิดเศร้าขึ้นมา

 

ใกล้ถึงตรุษจีนแล้ว ทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวาย ตอนเช้าตรู่หยางโปไปซื้อของที่ตลาดสดใกล้ๆ ตลอดทั้งเช้า เวลานี้เขาเพิ่งพบว่าตัวเองทำอาหารน้อยมาก ตอนที่เดินออกมา ในมือก็ถือแค่ผักเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ

ตอนบ่ายมีเวลาว่าง หยางโปก็หยิบเอาบันทึกที่ได้มาในช่วงก่อนหน้านี้ขึ้นมาแปล พราะว่าไม่เข้าใจอักษรของเผ่าอี้ หยางโปแปลได้ช้ามาก อักษรบางตัวถึงขนาดไม่ชัดเจน แต่ยังดีที่เขาสามารถเดาบางความหมายในนั้นออกได้

ช่วงแรกเป็นการแนะนำตัวเอง เจ้าของบันทึกเล่มนี้เป็นซูหนีบางคนก่อนหน้านี้ อ้างอิงตามที่เขาว่าลายแทงสมบัตินั้นเขาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่ตามหาแคว้นเย่หลางโบราณมาตลอด เขาเชื่อว่าพวกเขาเป็นชนรุ่นหลังของแคว้นเย่หลาง

 

หยางโปเริ่มแปลก็ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เดิมทีเขายังผิดหวังที่ทำลายแทงสมบัติหนังวัวแผ่นนั้นหาย ด้านหลังของบันทึกเล่มนี้มีลายแทงอยู่ แน่นอนว่ามันลดความลำบากในการตามหาไปเยอะมาก

หยางโปแปลอยู่ตลอดทั้งบ่ายก็ยังแปลไม่ถึงหนึ่งหน้า มันช้ามากจริงๆ แต่เขาก็ไม่สะดวกที่จะนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จำต้องสืบค้นไปอย่างช้าๆ

ค่ำวันนั้นรถยนต์ของเขาก็มาส่งที่ด้านล่าง ป้ายทะเบียนประกันภัยจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ผลลัพธ์แบบนี้ทำให้หยางโปพอใจมากจริงๆ เขาจอดรถเอาไว้ที่โรงรถ แล้วก็รอคืนข้ามปีไปอย่างสบายใจ

แพนเจียหยวนคึกคักขึ้นเรื่อยๆ หยางโปที่เดินอยู่ในนั้นรู้สึกถึงแรงผลักดันได้อย่างชัดเจน แต่ว่าเมื่อเป็นแบบนี้ สินค้าใหม่ภายในแพนเจียหยวนก็ยิ่งมากขึ้น ทำให้หยางโปมีหนทางให้เลือกเฟ้น

 

ตอนเช้าจ่ายเงินซื้อเครื่องลายครามหลวงสมัยจักรพรรดิก่วงซู ราชวงศ์ชิงชิ้นหนึ่งมาหนึ่งพันหยวน หยางโปมาหยุดอยู่ที่แผงเล็กๆ ของร้านสลักตราประทับร้านหนึ่ง ตราประทับที่นี่ไม่ได้ใช้เครื่องจักร แต่สลักขัดเงาขึ้นด้วยมือ ในมือของเขายังมีหินหวงเถียนสลักก้อนหนึ่ง และจำเป็นต้องหาร้านสลักตราฝีมือดีสักร้าน

ร้านเล็กมาก ขนาดสักห้าหกตารางเมตร ภายในจัดวางตราประทับและของประดับเอาไว้ทุกรูปแบบ แล้วก็มีวัตถุดิบที่ควรมีอย่างหินเถียนหวง หินเลือด หินโมรา เขาสัตว์งาช้างไว้ทั้งหมดทุกอย่าง

เมื่อมองเห็นเถ้าแก่ร้านผมขาวทั้งศีรษะ ดวงตาแฝงไปด้วยความลุ่มลึก สวมผ้ากันเปื้อนสีขาว กำลังแกะสลักอย่างละเอียดปราณีต

รออยู่ครู่หนึ่ง เถ้าแก่ถึงค่อยเงยหน้าขึ้นมามองหยางโป ” เธอคิดจะสลักอะไร ? “

 

หยางโปหัวเราะ ” ผมอยากดูก่อน ยังไม่ได้ตัดสินใจ “

คนผู้นั้นก็ไม่ตอบกลับ ก้มหน้าแกะสลักต่อไป

หยางโปรู้ว่าคนที่มีความสามารถบางคนมักจะอารมณ์ร้าย พวกเขาก็จะไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าทัศนคติในการให้บริการ

หยางโปสำรวจมานานมากแล้วก็ไม่กล้ามั่นใจว่าจะเอาหินเถียนหวงสลักของตัวเองให้อีกฝ่ายแกะสลักดีหรือไม่ เพราะว่าเขาไม่กล้าตัดสินระดับทักษะของอีกฝ่าย เขาหันไปมองวัตถุดิบตราสลักจำนวนมหาศาล วัตถุดิบเหล่านี้ต่างติดราคาเอาไว้ทั้งหมด

หยางโปมองไปรอบด้าน พบว่าราคาของวัตถุดิบที่นี่แม่นยำมาก ตอนที่คิดจะหันหลังจากไป จู่ๆ เขาก็มองเห็นหินเลือดดิบที่กองเอาไว้หน้าประตู เขาก็อดที่จะเดินเข้าไปดูไม่ได้

 

” นี่คือหินเลือดดิบชางฮว่าเหรอครับ ? ” หยางโปกล่าวกับเถ้าแก่

เถ้าแก่วางอุปกรณ์ในมือลงแล้วก็มองบริเวณอยู่ไกลๆ แล้วถึงค่อยมองหยางโป ” อื้ม เป็นหินเลือดดิบ “

หยางโปมองหินดิบแล้วเห็นว่าเปลือกนอกของหินดิบหนา ปรากฏแค่ริ้วแดงบางเฉียบให้เห็น หินเลือดเป็นหินตราประทับอย่างหนึ่ง เพราะว่าสีสันสดใสราวกับเลือดตามชื่อ

หยางโปมองหินดิบสี่ห้าก้อนที่วางอยู่ในมุมตรงหน้า ดูไปแล้วธรรมดามาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าริ้วแดงภายนอกนั้น หยางโปอาจจะไม่สนใจ เขาจ้องมองหินเลือดแล้วก็เอ่ยถามเถ้าแก่ว่า ” เถ้าแก่ชอบหินเลือดมากเหรอครับ ? “

” หินดิบพวกนี้เพื่อนเก่าฉันส่งมาให้น่ะ ฉันเลยไม่มีเวลาผ่าดูน่ะ ” เถ้าแก่กล่าว

 

หยางโปมองวัตถุดิบแล้วก็หัวเราะ ” ท่านบอกราคามาหน่อยผมอยากจะซื้อ “

เถ้าแก่ศีรษะขาวโพลน หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา เขาจ้องมองหยางโป ” เจ้าหนุ่มสายตาไม่เลว เธอชอบวัตถุดิบก้อนนั้นเหรอ ? “

หยางโปมองด้านล่างครั้งหนึ่งแล้วก็หยิบวัตถุดิบสองก้อนขึ้นมา หินดิบก้อนหนึ่งเล็กกว่าหน่อย วัตถุดิบก้อนนี้เป็นชิ้นที่เขาหมายตา อีกก้อนใหญ่กว่าสักช่วงหนึ่ง ใหญ่ไม่ถึงขนาดไข่ของไก่บ้าน เขาหยิบขึ้นมาแล้ววางลงตรงหน้าของเถ้าแก่

เถ้าแก่ก้มหน้ามองก้อนหินเลือดแล้วก็อดที่จะเงยหน้าพลางหัวเราะมองไปทางหยางโปไม่ได้ ” ดูท่าฉันจะมองผิดไปแล้ว “

 

เถ้าแก่กล่าวจบแล้วก็ชี้ไปที่วัตถุดิบก้อนใหญ่ กลาวว่า ” ก้อนนี้สามพันหยวน ก้อนที่เล็กกว่าหน่อยห้าล้านหยวน ! “

หยางโปตาถลน ” เถ้าแก่ นี่จะเป็นไปได้ยังไง ? นี่ก็แค่วัตถุดิบนะ จะแพงขนาดนี้ได้ยังไง ? “

หยางโปเงยหน้ามองเถ้าแก่แล้วถึงค่อยสังเกตเห็นหน้าของอีกฝ่าย เถ้าแก่ดูแล้วอายุสักหกสิบเจ็ดสิบปี ใบหน้าเหลี่ยมมุมชัดเจน กลางหน้าผากของอีกฝ่ายมีริ้วรอยลึกราวกับสาเหตุนั้นเป็นเพราะว่าขมวดคิ้วอยู่บ่อยครั้ง

เถ้าแก่ยังคังหัวเราะฮ่าฮ่าอย่างยินดี ” เธอว่ายังไงล่ะ ? “

หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง ” ก้อนใหญ่หนึ่งพันหยวน ก้อนเล็กสองหมื่นหยวน “

 

เถ้าแก่ส่ายหน้า ” ถ้าหากเธอมองไม่ออกก็ไม่ต้องเอาหินสองก้อนนี้ไปแล้ว ราคาก็ไม่ต้องคุยกัน “

หยางโปอดที่จะมองอีกฝ่ายไม่ได้ แล้วค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลอกลวงเขา แต่มองสถานการณ์ของหินเลือดออกจริงๆ เขาจึงหัวเราะ ” ถ้างั้นก็ดีเลย มืออาชีพต้องมีคุณธรรม “

หยางโปกล่าวจบแล้วก็หันหลังจะออกไป

เถ้าแก่หัวเราะ ” พ่อหนุ่ม พวกเรามาคุยกันหน่อย เธอน่าจะไม่รีบหรอกนะ “

หยางโปนิ่งชะงักเล็กน้อยแล้วหยุดฝีเท้า ตอนนี้เขาไม่ได้มีธุระอะไร และไม่ได้รีบร้อนจริงๆ

” ได้ครับ ถ้างั้นก็คุยกันหน่อย “

หยางโปกลับไปนั่ง เถ้าแก่ก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมาจากด้านข้าง รินให้หยางโปจอกหนึ่ง ” เธอมองข้างในของหินเลือดออกได้ยังไง ? “

 

หยางโปส่ายหน้า ” ความลับ “

” โอ้ ? ” เถ้าแก่หัวเราะ ” ยังเป็นความลับสินะ ถ้างั้นเธอคิดว่าหินเลือดก่อนนี้เป็นชนิดไหนล่ะ ? “

หยางโปเหลือบมองแล้วก็ไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่กลับเอ่ยถามว่า ” คุณคิดว่าเป็นหินเลือดสักกี่ส่วน ? “

เถ้าแก่จ้องมองหยางโป ” สักห้าสิบเปอร์เซ็น ! “

ระดับความสดและปริมารณของสีเลือดในหินเลือดก็ตัดสินมูลค่าของมัน สีเลือดน้อยกว่า 10% ก็เป็นแบบธรรมดา น้อยกว่า 30% ก็เป็นระดับกลาง มากกว่า 50% ก็เป็นสมบัติ ส่วน 70% ขึ้นไปนั่นล้ำค่าอย่างที่สุด และเป็นสีแดงทั้งหมดนั้นก็เรียกกันว่า ” ต้าหงเผา “

หยางโปหัวเราะ ” สีลือดห้าสิบส่วน น่าจะราคาไม่ถึงห้าแสนหยวนหรอกมั้งครับ ? “