บทที่ 105 เย่เทียนคือปรมาจารย์ปรุงยา

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ใครๆ ก็รู้ว่าการปรุงยาเป็นเรื่องลึกลับมาก คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้เลย

แต่เย่เทียนกลับสามารถนำยาออกมาช่วยฉินเจิ้งได้ ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้กับผู้คนมากในตอนนั้น

และเป็นเพราะยาเม็ดนั้นที่ทำให้ทุกคนมีท่าทีเคารพเย่เทียนมากขึ้น

แต่ทว่า สิ่งที่ยิ่งหมิงซวนพูดในตอนนี้ ก็ทำให้ทุกคนคิดอะไรได้หลายอย่าง

ถูกต้อง เย่เทียนเพิ่งอายุเท่าไหร่กัน แค่นำยาออกมาได้ มันไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขารู้วิธีปรุงยาเลย!

นอกจากนี้ การปรุงยาก็ซับซ้อนยากที่จะเข้าใจ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงยาออกมา เว้นแต่ว่าจะเป็นผู้วิเศษที่หมกมุ่นอยู่กับมันมาหลายปี

และเย่เทียนอย่างมากก็มีอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น แล้วจะปรุงยาได้อย่างไร?

เมื่อคิดเรื่องพวกนี้อย่างรอบคอบแล้ว ทุกคนก็เริ่มมองดูเย่เทียนด้วยสายตาดูถูกอย่างไม่รู้ตัว

เย่เทียนย่อมเข้าใจดีว่ายิ่งหมิงซวนหมายความแฝงถึงอะไร เขาแอบส่ายหน้าในใจ คนตื้นเขินพูดด้วยก็เสียเวลา คนคนนี้มองคนอย่างมีอคติ ยากที่จะประสบความสำเร็จ!

มีเพียงฉินโล่หยินที่ขมวดคิ้ว เธอฟังออกถึงเจตนาร้ายที่แฝงอยู่ในคำพูดของยิ่งหมิงซวน การได้ไปมาหาสู่กับเย่เทียนหลายครั้ง ทำให้ฉินโล่หยินรู้ว่าเย่เทียนนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นเธอจึงปกป้องเย่เทียนโดยไม่รู้ตัว

“เย่เทียนไม่เคยพูดว่าเขาสามารถปรุงยาได้ นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉัน”

“คุณฉิน ถ้าจะพูดตรงๆ ก็คือ ทุกวันนี้คนหลอกลวงสามารถพบได้ทุกที่ คุณอย่ามองข้ามคนที่มีเจตนาแอบแฝงพวกนี้ล่ะ!”

เยี่ยนจื่อเฉินพูดด้วยรอยยิ้มอันจอมปลอม

ถูกชายหนุ่มเจ้าสำราญและคนที่มีชื่อเสียงในเมืองจินเหน็บแนมด้วยคำพูดเช่นนี้ เย่เทียนกลับไม่ตอบโต้ใดๆ เลย

ท่าทีดังกล่าวทำให้ทุกคนคิดว่าเย่เทียนยอมรับในคำพูดของฉินโล่หยิน

“ไม่รู้ว่าไปได้ยามาจากไหน คิดว่าสามารถตีสนิทกับคนที่มีตำแหน่งสูงในตระกูลฉินได้แล้วเหรอ? เย่เทียน ฉันเคยบอกคุณไปตั้งนานแล้วว่า น้ำของคนรวยนั้นลึกมาก คุณไม่สามารถเอื้อมถึงได้หรอก”

หลินอ้าวเสว่แอบพูดในใจ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากได้สัมผัสกับเย่เทียนหลายครั้ง หลินอ้าวเสว่ก็รู้สึกผิดหวังในตัวเย่เทียนมากขึ้นเรื่อยๆ

คนหนึ่งที่เอาคุยโว ฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ แต่กลับไม่มีความสามารถอะไรเลย ตอนนั้นเธอตกหลุมรักคนอย่างเขาได้อย่างไรกันนะ?

หลินอ้าวเสว่รู้สึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเธอเสียเวลาไปมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!

“ฮ่าฮ่า แม้ว่าเย่เทียนจะไม่รู้วิธีปรุงยา แต่ก็สามารถได้ยาวิเศษนั่นมา นี่ก็ถือว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ฉินเจิ้งพยายามเข้ามาพูดไกล่เกลี่ย

แน่นอนว่าในใจลึกๆ เขาก็เริ่มดูถูกเย่เทียนเช่นกัน ไม่ให้ความสำคัญกับเย่เทียนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ยิ่งหมิงซวนก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ ลำพังแค่คนตัวเล็กๆ ยังคิดจะมาสู้กับเขา? แค่พูดไม่กี่คำก็ทำลายศักดิ์ศรีที่เย่เทียนสร้างขึ้นมาได้ในที่สุด มันทำให้เขาภาคภูมิใจมาก

ในเวลานี้ ที่ด้านนอกประตูมีคนเข้ามาอีกหลายคน

“ท่านจี้ ท่านมู่ เรียนเชิญทั้งสองท่านเข้ามาข้างใน พ่อของผมกำลังรอพวกคุณสองคนอยู่!”

เสียงหัวเราะดังสะใจของฉินชิงหู่ดังมาแต่ไกล

เมื่อได้ยินเสียงนั้น แม้แต่ฉินเจิ้งก็ต้องยืนขึ้น

ถึงอย่างไร เรื่องที่ต้องการหารือในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจเก่าแก่กว่าศตวรรษของตระกูลฉิน แม้แต่เขาก็ยังต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบและตั้งใจ

“ตาแก่ฉิน คุณดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเลยนะ!”

จี้เจิ้งโก๋เดินเข้ามาจากทางด้านนอก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างทะนงตัว

“ฮ่าฮ่า ทุกอย่างต้องขอบคุณเพื่อนที่คบกันโดยไม่ต้องสนใจคุณวุฒิและวัยวุฒิ!”

ฉินเจิ้งตอบอย่างสุภาพ ทอดสายตาไปยังด้านหลังโดยไม่รู้ตัว แต่กลับไม่เห็นปรมาจารย์ปรุงยาในตำนาน ซึ่งทำให้เขาอดหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้

ในเวลานี้ มู่หยุนเทียนและคนอื่นๆ ได้เดินเข้ามาในห้องโถงจากด้านนอกหมดแล้ว

ทุกคนยืนขึ้น พากันแสดงความเคารพต่อมู่หยุนเทียนและจี้เจิ้งโก๋

มีเพียงเย่เทียนเท่านั้นที่นั่งบนเก้าอี้อย่างเฉยเมย ราวกับว่ามองไม่เห็นมู่หยุนเทียนและคนอื่นๆ

“เย่เทียน คุณทำไมทำกิริยาแบบนี้? ไม่ว่าจะเป็นท่านจี้หรือแม้กระทั่งอาจารย์ของผมล้วนเป็นคนที่มีบารมีสูงส่งเป็นที่น่านับหน้าถือตา ทำไมคุณไม่ลุกขึ้นมาคารวะ?”

ยิ่งหมิงซวนจับตาดูเย่เทียนทุกการเคลื่อนไหว ทันทีที่เห็นว่าเย่เทียนไม่ขยับเขยื้อน ก็เข้ามาตำหนิเขาทันที

เมื่อทุกคนได้ยินเสียงก็หันกลับมาและเห็นว่าเย่เทียนยังนั่งอยู่บนเก้าอี้จริงๆ ทุกคนสีหน้าบึ้งตึง รู้สึกว่าเย่เทียนไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลย

เยี่ยนจื่อเฉินยืนยิ้มเยาะอยู่ทางด้านหนึ่งอย่างเย่อหยิ่ง ดูสิว่าคุณจะจองหองได้แค่ไหน รับประกันได้เลยว่าคุณจะต้องพบกับบทเรียนที่สาสมเมื่อยิ่งหมิงซวนด่าทอ”

เมื่อนึกถึงจุดจบที่น่าสังเวชที่เย่เทียนต้องเผชิญ เยี่ยนจื่อเฉินก็รู้สึกเหมือนได้กินไอศกรีมในวันที่ร้อนที่สุด สบายตัวไปตั้งแต่หัวจรดเท้า!

“หมิงซวน คุณทำไมพูดแบบนี้ รีบขอโทษคุณเย่เดี๋ยวนี้!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่ายิ่งหมิงซวนจะด่าทอเย่เทียน เสียงอันเคร่งขรึมทรงพลังของมู่หยุนเทียนก็ดังขึ้นมาในทันทีทันใด

“ขอโทษคุณเย่?”

ทุกคนตกตะลึง มองไปที่มู่หยุนเทียนอย่างสับสน

ยังไม่ต้องพูดถึงมู่หยุนเทียน ยิ่งหมิงซวนเป็นบุคคลสำคัญในเมืองจิน เขาเป็นนักบู๊ระดับเหลืองขั้นสูง เมื่อเขาไปถึงระดับดำ อนาคตของเขาจะไร้ขีดจำกัด!

แต่ทว่า มู่หยุนเทียนกลับบอกให้เขาต้องขอโทษเย่เทียนที่ยากจนและไม่มีภูมิหลังใดๆ?

เรื่องนี้ทำให้ทุกคนสับสนไปหมด

แม้แต่ยิ่งหมิงซวนเอง ในเวลานี้ก็ยังมองอาจารย์ของเขาด้วยสีหน้างุนงง ความสงสัยทั้งหมดในหัวใจของเขากลั่นออกมาเป็นประโยคเดียว

“ทำไม? มีเหตุผลอะไร?”

“ไม่มีทำไม คุณต้องรีบขอโทษคุณเย่โดยเร็วที่สุด! หวังว่าคุณเย่จะใจกว้างพอที่จะยกโทษให้กับความไร้มารยาทของคุณ!”

มู่หยุนเทียนพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังอย่างไม่ต้องสงสัย!

ต้องรู้ว่า เย่เทียนนั้นครอบครองสูตรยาธาตุไว้ และมีเพียงเขาเท่านั้นที่ปรุงมันได้ แม้แต่มู่หยุนเทียนเองยังต้องประจบประแจงเย่เทียน ด้วยหวังว่าจะได้รับยาธาตุเพิ่มขึ้นอีก เพื่อที่เขาจะได้เข้าถึงวรยุทธในระดับต่อไป

แต่ตอนนี้ ลูกศิษย์ของเขากล้าล่วงเกินเย่เทียน ถ้าทำให้เย่เทียนโมโห ปล่อยให้เขาออกไปอย่างฉุนเฉียว มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่!

แต่ท่าทีของมู่หยุนเทียน กลับทำให้ยิ่งหมิงซวนเกิดความขุ่นเคืองขึ้นในใจ

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุคคลใหญ่โตในเมืองจิน ในคนรุ่นเดียวกัน ใครก็ตามที่พบเขาก็ต้องเข้ามาประจบประแจง!

แม้แต่ผู้นำของตระกูลใหญ่บางกลุ่มก็ยังต้องเข้ามาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม

แต่ตอนนี้อาจารย์ของตน ต้องการให้ตนขอโทษเย่เทียนโดยไม่ถามว่าใครผิดใครถูก?

“ผมไม่ยอม!”

ยิ่งหมิงซวนมีความทะนงตน เขาไม่ยอมก้มหัวให้เย่เทียนเด็ดขาด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่เชื่อฟังมู่หยุนเทียน

มู่หยุนเทียนสีหน้าบึ้งตึงทันที ขณะกำลังจะดุด่าเขา จี้เจิ้งโก๋ที่อยู่ข้างบนก็เข้ามาหาแล้วหัวเราะลั่น “เหล่ามู่ หมิงซวนอายุยังน้อยเต็มไปด้วยความพลุ่งพล่าน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีท่าทีเช่นนี้ คุณอย่าโกรธเลย”

ในขณะเดียวกันจี้เยียนหรันที่เข้ามาพร้อมกับจี้เจิ้งโก๋และนิ่งเงียบไม่พูดจามาตลอด ในเวลานี้ก็รู้สึกโมโหเล็กน้อย อดลุกขึ้นยืนไม่ได้

“ในฐานะที่เย่เทียนเป็นปรมาจารย์ปรุงยา คำตอบแบบนี้ คุณยอมแล้วหรือยัง?”