ในฐานะที่เย่เทียนเป็นปรมาจารย์ปรุงยา คุณยอมแล้วหรือยัง?
ประโยคธรรมดาดังลั่นขึ้นในห้องโถงราวกับฟ้าผ่าลงกลางพื้นดิน
ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกทันที จ้องมองเย่เทียนอย่างไม่เชื่อสายตา ยังไม่อาจยอมรับข้อมูลที่น่าตกใจได้ชั่วขณะ
“เย่เทียนเป็นปรมาจารย์ปรุงยา?”
ฉินเจิ้งเองก็ประหลาดใจจนถึงขีดสุดเช่นกัน เขาอดหันไปมองมู่หยุนเทียนไม่ได้
ความโกรธถูกวาดขึ้นทั่วใบหน้าของมู่หยุนเทียน แต่เขาไม่ตอบอะไร แต่การแสดงออกเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะบอกทุกสิ่ง!
“มิน่าล่ะ เหล่ามู่ถึงบอกให้หมิงซวนขอโทษเย่เทียน”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เย่เทียนสามารถเอายาแบบนั้นออกมาได้และช่วยชีวิตผมไว้ ผมนี่มันตาแก่เลอะเลือนจริงๆ ตัวจริงอยู่ตรงหน้า แต่มีตาหามีแววไม่!”
“ในฐานะปรมาจารย์ปรุงยา เป็นความจริงที่ใครก็ไม่อาจล่วงเกินได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ความสูญเสียจะเป็นจำนวนมหาศาลนับร้อยล้าน!”
ฉินเจิ้งรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ ทั้งดีใจและหวาดกลัว
โชคดีที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรมากเกินไป ไม่ได้ออกมาให้ท้ายยิ่งหมิงซวนในตอนแรก
สีหน้าของฉินชิงหู่เปลี่ยนไป ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าตัวเองฉลาดมากที่บอกให้ลูกชายของตนขอโทษเย่เทียน!
ฉินโล่หยินมองเย่เทียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสายตาแพรวพราวกว่าใคร เธอไม่เคยคิดฝันว่าเย่เทียนจะเป็นปรมาจารย์ปรุงยาในตำนาน!
ส่วนฉินเจิงหรงในเวลานี้เขาแอบกลืนน้ำลาย เมื่อคิดถึงผลที่ตามมาของการไม่ก้มหัวให้เย่เทียน ในใจก็นึกหวาดกลัวขึ้นมา
ส่วนเยี่ยนจื่อเฉิน เขายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ตั้งนานแล้ว ใบหน้าซีดเซียว อยากจะตบหน้าตัวเองสักสองครั้ง
เมื่อครู่เขายังเหน็บแนมว่าเย่เทียนเป็นพวกต้มตุ๋น แต่ตอนนี้เย่เทียนกลายเป็นปรมาจารย์ปรุงยาที่พ่อของเขาย้ำแล้วย้ำอีกให้สร้างความสัมพันธ์อันดีไว้ แต่เขากลับเหิมเกริมไม่มีกาลเทศะ
ไม่ใช่แค่หาเรื่องเย่เทียนเท่านั้น แต่ยังคิดหาวิธียั่วยุเย่เทียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดสั่นสะท้านไปทั้งตัวไม่ได้ รู้ว่าตัวเองไม่สามารถได้รับการให้อภัยจากเย่เทียนแน่นอน หลังจากกลับมาที่เมืองจิน ก็หาคำอธิบายไม่ได้เช่นกัน เขาจบเห่แล้ว!
หลินอ้าวเสว่กัดริมฝีปากแวววับแน่น สายตาที่มองเย่เทียน มีแววเสียใจ ตกใจ และยิ่งสงสัยมากขึ้น
“นี่คือความมั่นใจของคุณเองเหรอ? ช่างเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ปรมาจารย์ปรุงยาก็เพียงพอที่จะเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลใดๆ ในเจียงหนันได้แล้ว!”
“ไม่แปลกใจเลยที่คุณคุยโวว่าตระกูลเย่จะขอร้องให้คุณกลับไป ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะเพิกเฉยต่อลูกหลานตระกูลเศรษฐีอย่างเยี่ยนจื่อเฉิน”
“ปรมาจารย์ปรุงยา สามารถมองทุกคนที่อยู่ในที่นี้อย่างเย้ยหยันได้จริงๆ!”
หลินอ้าวเสว่คิดๆ แล้วก็ยิ่งเกลียดเย่เทียนมากขึ้นอย่างน่าประหลาด
ในเมื่อคุณมีความสามารถมากขนาดนี้ ทำไมไม่บอกฉันก่อน? หรือว่าเรื่องในอดีตทำให้คุณเสียใจจนถึงขนาดไม่อยากเจอฉันเลยเหรอ?
อารมณ์ของเธอซับซ้อน สีหน้าของยิ่งหมิงซวนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ยิ่งดุร้ายมากขึ้น
“เขาคือปรมาจารย์ปรุงยาเหรอ?”
“ใช่แล้ว ที่อยู่ตรงหน้าคุณคนนี้ เป็นปรมาจารย์ปรุงยาจริงๆ ตอนนี้ คุณขอโทษได้หรือยัง?”
จี้เยียนหรันก้าวไปข้างหน้าช้าๆ มาถึงข้างกายเย่เทียน เธอจับจ้องไปที่ลูกรักพระเจ้าอย่างยิ่งหมิงซวน
ยิ่งหมิงซวนยังไม่อาจยอมรับได้ชั่วขณะหนึ่ง จิตใจยุ่งเหยิง
เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะมีสถานะเช่นนี้ แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขายังโกรธอยู่!
ถูกต้อง โกรธอยู่
ยิ่งหมิงซวนได้รับความเคารพในทุกที่ที่เขาไป ตอนนี้แม้ว่าจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเย่เทียนแล้ว เขาก็ยังไม่ยินดีก้มหัวให้เย่เทียน
แต่ในขณะนี้ เขาเองก็รู้ว่าไม่อาจฝ่าฝืนได้ เว้นแต่ว่า…
แสงสว่างส่องประกายเข้ามาในความคิด ยิ่งหมิงซวนหัวเราะลั่นขึ้นมาทันที
“ปรมาจารย์ปรุงยาผู้เก่งกาจ! ผมนี่ตาถั่วจริงๆ!”
ขณะที่เขาพูด สายตาก็ค่อยๆ เฉียบคมขึ้น “แต่ว่า คุณเป็นปรมาจารย์ปรุงยาแล้วยังไงล่ะ? ผมก็เป็นนักบู๊ระดับเหลืองชั้นสูง อยู่ห่างจากระดับดำแค่ก้าวเดียว แล้วคุณล่ะถือได้ว่าเป็นอะไร?”
“หมิงซวน คุณคิดจะทำอะไร!”
มู่หยุนเทียนตะโกนออกมาอย่างฉับพลัน รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติโดยสัญชาตญาณ
“อาจารย์ ได้โปรดให้อภัยลูกศิษย์อย่างผม สำหรับความอกตัญญูของผมในวันนี้! ผมเป็นนักบู๊คนหนึ่ง คนที่ทำให้ผมก้มหัวให้ได้ มีเพียงผู้อาวุโสด้านวรยุทธที่มีบารมีสูงส่งเป็นที่นับหน้าถือตาอย่างท่านอาจารย์เท่านั้น”
ยิ่งหมิงซวนคารวะให้มู่หยุนเทียนก่อน แล้วจึงยืดเอวให้ตรงดุจหอก สายตาคมกริบดั่งมีด มองตรงไปที่เย่เทียน
“คุณต้องการให้ผมขอโทษ แน่นอนว่าได้ แต่เงื่อนไขข้อแรกคุณต้องเอาชนะผมให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น ผมยิ่งหมิงซวนจะไม่ยอมรับ!”
ในคำพูดเหล่านี้เผยให้เห็นความภาคภูมิใจของยิ่งหมิงซวนในฐานะนักบู๊!
อยากให้ผมขอโทษเหรอ? ได้สิ! คุณเข้ามาเอาชนะผมให้ได้! ตีผมจนกว่าจะยอมแพ้ แล้วผมจะขอโทษคุณ!
เขากำหมัดแน่น นึกเย้ยหยันในใจ
นี่คือสิ่งยึดเหนี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา และเป็นสาเหตุพื้นฐานว่าทำไมเขาถึงเป็นขุนศึกที่หยิ่งยโสอยู่เสมอ
ตอนนี้เขาวางสิ่งเหล่านี้ไว้บนโต๊ะ รอดูปฏิกิริยาของเย่เทียน
ในความเห็นของเขา แม้ว่าเย่เทียนจะเป็นปรมาจารย์ปรุงยา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเขาได้ในเรื่องพละกำลัง ท้ายที่สุดเขาก็เป็นนักบู๊ระดับเหลืองชั้นสูง เป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่ร้อยลี้จะพบได้สักคน!
คนในวัยเดียวกับเขาที่สามารถมาถึงระดับนี้ได้ ในเมืองจินอันกว้างใหญ่นั้นนับนิ้วได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น เย่เทียนยังอ่อนกว่าเขาหลายปี เขามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าเย่เทียนไม่กล้ารับคำท้า
เช่นนี้เขาก็จะสามารถรักษาหน้าตาเอาไว้ได้ ไม่จำเป็นต้องก้มหัวขอโทษเย่เทียนแล้ว!
แต่หลังจากสิ้นเสียงของเขา สีหน้าของผู้คนที่อยู่ในนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ยิ่งหมิงซวนเป็นนักบู๊ระดับเหลืองชั้นสูงตัวจริง ศักยภาพแข็งแกร่งมาก คนธรรมดาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?
“ยิ่งหมิงซวน คุณเป็นยอดฝีมือด้านวรยุทธ ทำแบบนี้จะไม่เป็นการรังแกเย่เทียนหรอกเหรอ?”
ฉินโล่หยินเป็นคนแรกที่ตอบสนอง มองเขาพูดด้วยสายตาไม่พอใจ
ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่ายิ่งหมิงซวนมีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าเย่เทียนจะมีความแข็งแกร่ง แต่ไม่มีทางจะเป็นคู่ต่อสู้ของยิ่งหมิงซวนได้!
แต่ดวงตาของจี้เยียนหรันกลับหรี่ลง คนอื่นไม่รู้ แต่เธอรู้อย่างแจ่มแจ้ง
ตอนนั้นที่เฉิงหลงออกหน้า ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเย่เทียนได้ ยิ่งหมิงซวนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเฉิงหลงระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียน
มู่หยุนเทียนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นกัน ขณะที่เขากำลังจะพูด จี้เจิ้งโก๋ก็ดึงเขาไว้
“ช่างมันเถอะ มันเป็นเรื่องระหว่างคนหนุ่ม เราสองคนไม่ควรเข้าไปยุ่งในตอนนี้”
ขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็ขยิบตาให้มู่หยุนเทียน แม้ว่าฝ่ายหลังจะไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ก็อดทนไว้ก่อน
“ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่า เรื่องศิลปะการต่อสู้ก็ควรจัดการตามกฎของศิลปะการต่อสู้ คุณคือเย่เทียนใช่ไหม? ตอนนี้ผมยิ่งหมิงซวนกำลังท้าคุณอยู่ คุณกล้าตอบตกลงไหม!”
ยิ่งหมิงซวนไม่สนใจจี้เยียนหรันอย่างเด็ดขาด จับจ้องเย่เทียนอย่างเย็นชาและบีบให้จนมุม
“ยิ่งหมิงซวน คุณช่วยรักษาหน้ากันหน่อยได้ไหม คุณคิดว่าทุกคนเป็นยอดฝีมือด้านวรยุทธเหมือนคุณงั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของฉินโล่หยินเย็นชาลงอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดจะช่วยกู้หน้าให้เย่เทียน
เย่เทียนที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้นจนจบ ก็หัวเราะเยาะออกมาอย่างกะทันหัน
“คุณไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของผม อย่ามาทำให้ตัวเองขายหน้าดีกว่า!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็เกิดความเงียบงันขึ้นในที่นี้ทันที!