ตอนที่ 305 เข้าใกล้ศัตรู
ตอนที่ 305 เข้าใกล้ศัตรู

“ฉีเฉิงเฟิง เจ้าอดทนเอาไว้ก่อนนะ! ข้าจะพาเจ้ากลับไปอาบน้ำที่บ้าน” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาพร้อมกับโอบเอวฉีเฉิงเฟิงเอาไว้แล้วออกแรงวิ่ง

วิ่งไปได้ไม่นานเหงื่อก็เริ่มไหลซึมออกมาตามขมับของหญิงสาว นางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เพื่อมองดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ซูหวานหว่านกลับเห็นรอยยิ้มจาง ๆ บริเวณมุมปากของฉีเฉิงเฟิง

เหตุใดเขาต้องแอบยิ้ม?

พลั่ก!

ซูหวานหว่านปล่อยมือจากเอวของฉีเฉิงเฟิงทันใด และพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ฉีเฉิงเฟิง เจ้ากล้าโกหกข้าอย่างงั้นหรือ! ก่อนหน้าข้าตกใจจนลืมตรวจชีพจรเจ้า แต่เมื่อครูข้าได้ตรวจชีพจรเจ้าดูแล้วปรากฏว่าทุกอย่างยังคงปกติ ใครจะไปคิดว่าเจ้าไม่ได้โดนยาอะไรเลย! แต่เจ้ากลับโกหกข้า!”

“ใครจะไปคิดว่าฮูหยินจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ ข้ากำลังคิดว่าใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ฉวยโอกาสเจ้าเสียหน่อย ฮึ่ม” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาพลางถอนหายใจ เขาลุกขึ้นจากพื้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณเอวราวกับมันจะหัก จนอดไม่ได้ที่ร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ภายในใจ ใครเป็นคนสั่งให้เขาแกล้งซูหวานหว่านเอง จึงทำให้เขาต้องเจ็บตัวเช่นนี้

“ฉวยโอกาส? หึ!” ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมา นางเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจฉีเฉิงเฟิงอีก ส่วนชายหนุ่มก็รีบเดินตามหญิงสาวไปทันทีพร้อมกับพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “รอด้วยสิฮูหยิน!”

คำเรียกนางช่างแตกต่างจากเมื่อก่อน และซูหวานหว่านก็มีความสุขมากเมื่อได้ยินคำเรียกแบบนี้

ทั้งสองคนเดินอยู่บนถนนภายในเมือง โดยที่ซูหวานหว่านได้สวมหน้ากากไว้บนใบหน้า และกำลังจะเข้าไปในโรงน้ำชาเพื่อหาอาหารกิน แต่ก่อนที่นางจะเดินเข้าไป ก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังขายลูกพลับอยู่หน้าโรงน้ำชา ในตอนที่จะก้าวเข้าไป ก็ได้ยินเสียงของชายคนนั้นกำลังถกเถียงพูดคุยกับลูกค้า ‘ตระกูลเฉียน’

“เจ้าบอกว่า เจ้านั้นคือนายท่านตระกูลเฉียน! อีกทั้งยังทำกิจการค้าเกลืออีก เช่นนั้นแล้วเหตุใดถึงไม่มีคนติดตามเจ้าเลยเล่า อีกทั้งยังขี้เหนียวขนาดนี้ กับลูกพลับสิบลูกราคาห้าเหรียญกลับไม่จ่าย ยังจะมาต่อราคาเหลือสามเหรียญ ราคาของมันห่างกันแค่สองเหรียญเท่านั้น!” ชายที่ขายลูกพลับพูดขึ้น

“ข้าเพิ่งจะเข้ามาในเมืองหลวงเป็นครั้งแรก และข้าเองก็มีเงินติดตัวมาไม่มาก ถ้าเจ้าไม่ขาย ข้าก็ไม่ซื้อ” นายท่านเฉียนบอก

“เจ้า…” ชายคนนั้นเกาหัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

เห็นอย่างนั้นซูหวานหว่านจึงเดินเข้าไปกระซิบชายคนขายพลับว่า “นายท่านเฉียนเป็นคนประหยัด เจ้าอย่าได้คิดสิ่งใดให้มากความ เจ้าขายให้กับเขาเถอะ แล้วข้าจะบอกวิธีขายลูกพลับอย่างไรให้ได้ราคาดีแก่เจ้า”

“จริงเหรอ?” ชายหนุ่มคนมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสีหน้าที่แปลกใจเล็กน้อย หญิงสาวจึงพยักหน้า เมื่อคนคนนั้นเห็นสายตาจริงใจของนาง จึงรีบนำลูกพลับสิบลูกใส่ห่อและส่งให้นายท่านเฉียน “รับไปสิ! ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แล้วกัน”

นายท่านเฉียนรู้แล้วว่าซูหวานหว่านพูดอะไร จึงกล่าวออกมาอย่างมีความสุขทันที “ขอบคุณแม่นางน้อยมา ข้ามีธุระที่ต้องไปทำข้าขอตัวก่อนนะ”

“อืม” ซูหวานหว่านพยักหน้ารับ และฉีเฉิงเฟิงที่เพิ่งจะเดินตามหลังมา ก็หยิบหน้ากากขึ้นมาใส่อำพรางตัวเองเหมือนกับซูหวานหว่าน

ชายคนขายมองไปที่ซูหวานหว่านและพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางน้อยเจ้ามีวิธีอะไรดี ๆ ก็รีบบอกข้ามาสิ!”

“เขาเป็นถึงนายท่านเฉียน! เจ้าก็แค่เปลี่ยนคำพูดบอกว่านายท่านเฉียนได้มาซื้อลูกพลับของเจ้ากลับไปครึ่งกล่องในราคาแปดเหรียญ เจ้าคิดว่าวิธีการนี้คนอื่นจะไม่สนใจอย่างงั้นเหรอ?” ซูหวานหว่านพูดออกมาพร้อมกับกะพริบตาพูดต่อว่า “ข้าได้บอกเคล็ดลับไปแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าว่าทำไมเจ้าถึงว่านายท่านเฉียนเป็นคนขี้เหนียว”

“เขาน่ะ! พวกเจ้ายังคงไม่รู้อะไรสินะ” ชายคนขายลูกพลับกล่าวออกมาพร้อมกับส่ายหัวอย่างไม่พอใจ ราวกับว่ากำลังคิดถึงปัญหาอะไรบางอย่างและกล่าวออกมาว่า “ฮูหยินเฉียนนางชอบกินลูกพลับ ดังนั้นนายท่านเฉียนจึงมาซื้อมันไป อีกทั้งเมื่อวานเขาได้สั่งมันไปเป็นจำนวนมากพอสมควร พอข้าให้ภรรยาของข้าและคนใช้ไปส่งของ แต่พวกเขากลับมาเปลี่ยนแปลงขอลดราคา! มันช่าง…เฮอะ!”

“แล้วพวกเจ้าตกลงไหม?” ซูหวานหว่านถามออกมา รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก

“แน่ว่าจะต้องตอบตกลงไป! เหตุใดจะไม่ตอบตกลงเล่า!” ชายคนนั้นทอดถอนหายใจ “ข้าได้สอบถามกับคนใช้ของตระกูลเฉียน ถึงได้รู้ว่าฮูหยินเฉียนนั้นป่วยหนัก และอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ซึ่งนายท่านเฉียนเองก็ไม่เคยยอมแพ้กับการรักษาฮูหยินเฉียน เงินทั้งหมดที่เขามีอยู่ล้วนแต่ถูกนำไปใช้กับการรักษาฮูหยินเฉียนทั้งนั้น”

“นายท่านเฉียนเป็นคนดีจริง ๆ อย่างงั้นหรือ” ซูหวานหว่านพึมพำออกมา พาฉีเฉิงเฟิงเดินเข้าไปในโรงน้ำชา และเข้าไปยังห้องส่วนตัว

ฉีเฉิงเฟิงรินน้ำชาและกล่าวออกมาว่า “เจ้ากำลังสงสัยว่าที่เกลือของตระกูลเจ้ามีสารพิษเจือปนเป็นฝีมือของเขาอย่างงั้นหรือ?”

“แล้วข้าไม่ควรสงสัยเขาอย่างงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นถาม “ตระกูลจ้าวของข้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แล้วอีกอย่างตระกูลเฉียนของพวกเขาก็ยังเข้ามาที่เมืองหลวงนี้อีก ตระกูลเฉียนของเขาน่าสงสัยสุดแล้วในตอนนี้”

ฉีเฉิงเฟิงกล่าวออกมา “นายท่านเฉียนเป็นคนตระหนี่ ขี้เหนียว และมีหลายครั้งที่เขาไม่เต็มใจที่จะถวายเงินช่วยเหลือแก่ฮ่องเต้ เมื่อก่อนตอนนั้นเขานั้นได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้ไปขายเกลือในสถานที่ไกลมาก และมีความเจริญรุ่งเรืองน้อยที่สุด และเงินที่เขาได้มาแต่ละปีมันน้อยกว่าพ่อค้าเกลือคนอื่น ๆ แต่ว่าเขาก็พอใจ และเขาเองก็ยังไม่มีปัญหาเลยตลอดหลายปีที่ผ่าน”

“แต่ว่าอาการป่วยของฮูหยินของหนักมาก อีกทั้งเขาก็เข้ามาในเมืองหลวงด้วยระยะทางที่มันไกลมากหลายพันลี้เพื่อมาถึงที่นี่ เจ้าไม่คิดว่ามันจะแปลกเหรอ?” ซูหวานหว่านกล่าวออกมา มือของนางไปสะบัดโดนถ้วยน้ำชา ทำให้มันหกใส่โต๊ะเล็กน้อย และซูหวานหว่านก็เอ่ยออกมาช้า ๆ ว่า “เมื่อลองคิดไปคิดมาแล้ว มันไม่สามารถที่จะตัดเขาออกจากเรื่องนี้ได้เลย”

หลังจากพูดแบบนั้นออกมา ซูหวานหว่านดื่มน้ำราวกับว่านางนั้นกำลังดื่มเหล้าอย่างไรอย่างงั้น หญิงสาวกินขนมเข้าไปสองสามชิ้น และนางก็หยิบกล่องยาเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วพูดว่า “จะได้ทำกิจการการค้าเกลือต่อหรือไม่มันไม่ได้สำคัญ แต่ชื่อเสียงของตระกูลจ้าวของข้ามันไม่สมควรถูกคนอื่นมาใส่ร้ายจนเสียชื่อเช่นนี้! ไปเถอะ พวกเขาไปดูที่บ้านของตระกูลเฉียนกัน”

ซูหวานหว่านรีบเดินออกไปทันที และฉีเฉิงเฟิงก็เดินตามไปทันที หญิงสาวขอให้นกบนท้องฟ้านั้นนำทางไปบ้านของตระกูลเฉียน ใช้เวลาเดินทางพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย

ณ บ้าน ‘ตระกูลเฉียน’ ภาพตรงหน้าให้ซูหวานหว่านนั้นประหลาดใจมาก เพราะนายท่านเฉียนเป็นถึงพ่อค้าเกลือ แต่เขากลับเช่าบ้านเล็ก ๆ ของคนอื่นอาศัยอยู่ แล้วมีป้ายแขวนเอาไว้หน้าประตูหน้าบ้าน ‘ตระกูลเฉียน’ และมีเพียงคนยืนเฝ้ายามอยู่เท่านั้น เมื่อสังเกตดูบริเวณรอบ ๆ บ้าน มันสามารถมองเข้าไปข้างในบ้านได้อย่างชัดเจน และข้างในบ้านก็มีห้องนอนอยู่ห้าห้องติดกัน

ซูหวานหว่านตกใจมาก ดูเหมือนว่าตระกูลเฉียนจะไม่ได้มั่งคั่ง! อีกทั้งที่อยู่อาศัยของคนใช้ก็แย่กว่าตระกูลจ้าวเป็นไหน ๆ!

“สาวน้อย คุณชาย ไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งสองคนมาทำอะไรที่นี่?” เมื่อคนใช้เห็นทั้งสองคนก็ได้เดินเข้ามาถาม

ซูหวานหว่านวางกล่องยาลงบนพื้น และเปิดให้คนใช้ดูแล้วพูดว่า “ข้าเป็นหมอ และข้าได้ยินข่าวมาว่าฮูหยินเฉียนป่วยหนัก ข้ามาที่นี่เพื่อจะเข้ามาดูอาการป่วยของฮูหยินเฉียน”

คนใช้เหลือบไปมองทั้งสอง และทันใดก็เห็นว่าเป็นต้นโสมที่มีอายุราว ๆ สามสิบสี่สิบปีวางอยู่ข้างใน จึงพูดออกมาทันทีว่า “แม่นาง ท่านอาจจะยังไม่รู้อะไร สมุนไพรของท่านหรือสิ่งอื่น ๆ ที่ท่านนำมา เจ้านายของข้าอาจจะไม่ซื้อมัน และแน่นอนค่ารักษามาจะต้องแพงมากแน่นอน ซึ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเจ้านายของเราได้ไปเรียกหมอมาดูอาการแล้ว และมันคงต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากแน่ เช่นนั้นแล้วเชิญท่านทั้งสองกลับไปเถอะ”

“เชิญหมอมาตรวจแล้วเหรอ?”ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว ดมกลิ่นยาในอากาศและกล่าวว่า “ฮูหยินของพวกเจ้ากินยาพิษมาโดยตลอด? เจ้าไม่อยากให้ข้าเข้าไปตรวจดูอาการของฮูหยินหน่อยรึ?”

“เจ้ากล้ามาพูดจาสาปแช่งฮูหยินของพวกเราว่ากินยาพิษอย่างงั้นหรือ!” คนใช้คนนั้นโกรธมาก แต่ก่อนที่เขาจะพูดขัดอะไรออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมาจากในห้อง

ชายในชุดคลุมสีเทาเดินออกมาช้า ๆ เมื่อเห็นซูหวานหว่านก็ยิ้มออกมา “คุณหนูจ้าว เจ้ายังไม่ถูกจับอีกอย่างงั้นหรือ? เจ้าอย่าคิดนะว่าที่ตระกูลจ้าวของเจ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้วจะมากล่าวโทษตระกูลเฉียนว่าหมายมายึดกิจการเสีย …เจ้ามาทำอะไรที่หน้าประตูบ้านตระกูลเฉียนอีก!”

บุคคลผู้นี้จำนางได้! ซูหวานหว่านตกใจไปครู่หนึ่ง และก็ได้ยินว่าหมอฉินกล่าวออกมาว่า “ถ้าคุณหนูจ้าวยังไม่ยอมออกไป ข้าคงจะต้องเรียกพลลาดตระเวนมาจับเจ้าเข้าคุกเสียแล้ว!”