ตอนที่ 1634 : มาถึงโลกสวรรค์ร้าง

ระบบเจ้าสำนัก

ตอนที่ 1634 : มาถึงโลกสวรรค์ร้าง

 

ซางอี๋ว์มองไปที่จางหยู “หากท่านแก้แค้นให้กับข้าได้ ข้าจะยอมตอบแทนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร่างกายรึวิญญาณก็ตาม !”

 

“ข้าไม่สนใจในสิ่งที่เจ้าเสนอมา” จางหยูมองไปที่ซางอี๋ว์ “แต่สำนักคังเฉียงของข้ายังขาดคนอยู่ หากเจ้าสนใจ เจ้าก็ไปช่วยดูแลสำนักคังเฉียง แต่ตอนนี้รอจนกว่าจะจัดการปัญหาของเจ้าก่อน”

 

หากมองจากทั้งความโกลาหลแล้วผู้ควบคุมขั้นที่ 4 นั้นไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่สำหรับสำนักคังเฉียงแล้วมันช่วยได้อย่างมาก

 

ครอบครัวของนางถูกทำลาย นางไม่มีความทะเยอทะยานใด ๆ นอกจากเรื่องแก้แค้นให้กับพ่อ นางก็ไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวอะไรอีก คนแบบนี้คือคนที่สำนักคังเฉียงต้องการในตอนนี้

 

อีกไม่นานโลกป่าก็ต้องเป็นที่รู้จักของทุกคน ยิ่งดูแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็สามารถรับรองความปลอดภัยของโลกได้เท่านั้น เขาต้องการคนไปปกป้องโลกป่าเอาไว้

 

การเติบโตของกองกำลังนั้นมาพร้อมกับความอิจฉาจากคนอื่น ๆ ตอนนี้ซางอี๋ว์คือคนที่เหมาะสมที่สุดเพราะนางมีความแข็งแกร่งเพียงพอ จางหยูไม่สงสัยเลยว่านางจะช่วยสำนักคังเฉียงได้อย่างแน่นอน

 

“สำนักคังเฉียงรึ ?” ซางอี๋ว์แสดงท่าทีสับสน

 

“เจ้าจะรู้เองในไม่ช้า” จางหยูไม่ได้อธิบายอะไรมาเพราะเขายังต้องตรวจสอบเรื่องของนางอีก

 

เขาจะสร้างกองกำลังใหม่เพื่อรับมือกับภัยที่มีต่อโลกป่าในอนาคต เขาไม่ได้ให้นางเข้าร่วมสำนักคังเฉียง

 

เมื่อพูดคุยกันจบทั้งสองก็พากันเดินทางต่อ

 

การเดินทางนี้ยาวนาน แม้ว่าจะมีซางอี๋ว์อยู่ด้วยแต่จางหยูก็ยังรู้สึกเบื่อ

 

ที่สำคัญที่สุดคือความเร็วของซางอี๋ว์นั้นช้ากว่าเขามาก หากเขาเดินทางเพียงลำพัง เขาคงเดินทางถึงที่หมายได้เร็วกว่านี้มาก แต่ด้วยการที่มีซางอี๋ว์อยู่ด้วย เขาจึงต้องจำกัดความเร็วเอาไว้ไม่อย่างงั้นซางอี๋ว์คงตามไม่ทันอย่างแน่นอน

 

ตอนนี้เขารู้สึกอิจฉาโจวหั่วขึ้นมานิด ๆ ที่มีปราสาทสวนที่ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง

 

“อย่างนี้มันช้าเกินไป “จางหยูอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า

 

ซางอี๋ว์รู้สึกอายขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะนางแล้ว จางหยูคงไม่จำเป็นต้องลดความเร็วลงแบบนี้

 

“หากข้าไม่ได้รีบหนีออกมา ข้าคงเอาทางเดินนภามากับข้าด้วย” ซางอี๋ว์รู้สึกผิด “ทางเดินนภานั้นคือหนึ่งในสมบัติที่จุคนได้หลายหมื่นคน ความเร็วสูงสุดของมันนั้นเทียบได้กับผู้ควบคุมขั้นที่ 6…” มันจะทำให้คนหลายหมื่นคนเดินทางได้เร็วเหมือนผู้ควบคุมขั้นที่ 6 ของแบบนั้นถือว่าเป็นสมบัติที่โดดเด่น

 

“เจ้ารู้รึไม่ว่าจะซื้อสมบัติพวกนั้นได้จากที่ไหน ?” จางหยูถามขึ้นมา

 

ซางอี๋ว์ได้ตอบกลับ “สมบัติแบบนั้นมีในโลกขั้นที่ 9 หลายใบแต่ความเร็วนั้นมีจำกัด มันเร็วกว่ารึเทียบเท่าผู้ควบคุมขั้นที่ 6 สมบัติแบบนี้หาได้ในโลกสวรรค์ร้าง” ซางอี๋ว์เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “แต่สมบัติที่สามารถจุคนได้นั้นหาได้ยากมาก ซึ่งมีแค่โลกสวรรค์ร้างที่เป็นโลกขั้นที่ 9 ระดับสูงเท่านั้นที่จะมีสมบัติแบบนั้นได้ มันมี

แค่ผู้ควบคุมขั้น 7 และ 8 เท่านั้นที่จะมีสมบัติแบบนั้น”

 

ตอนนั้นเองนางก็ฉุกคิดบางอย่างได้และพูดขึ้น “แน่นอนว่านอกจากโลกสวรรค์ร้างแล้ว ที่อื่นก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่ว่าสมบัติเหล่านั้นมักจะสืบทอดอยู่ในสำนักหรือตระกูลใหญ่ ๆ เท่านั้น ซึ่งสมบัติเหล่านั้นล้วนมีเจ้าของ ถ้าอยากจะซื้อขายก็มีแค่ในโลกสวรรค์ร้างหรือไม่ก็ลองเสี่ยงโชคดู”

 

“เสี่ยงโชคงั้นรึ ?”

 

“ใช่” ซางอี๋ว์ตอบกลับตามจริง “สมบัติหายาก สมบัติล้ำค่าหรือแม้แต่สมบัติที่ทำให้เดินทางได้เร็ว ของเหล่านี้ยากจะหาซื้อได้ทั่วไป วิธีเดียวที่จะได้มันมาก็คือ การเข้าร่วมการประมูล ใครที่ประมูลได้ราคาที่สูงที่สุดก็จะได้มันไป นอกจากประมูลสมบัติล้ำค่าแล้ว ก็ยังมีการประมูลของอื่น ๆ อีกด้วยเช่นแผนที่ขุมทรัพย์ ทรัพยากรบ่มเพาะและอื่น ๆ มีแม้กระทั่งทาสที่แข็งแกร่ง”

 

จางหยูสนใจขึ้นมา “ทาสรึ ?”

 

ซางอี๋ว์เงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้น “สิ่งที่เรียกว่าทาสนั้นอันที่จริงแล้วก็คล้ายกับข้า พวกนั้นโดนศัตรูจับตัวได้และได้กลายเป็นสินค้าในการประมูล …”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมซางอี๋ว์ถึงได้ยอมทุ่มสุดตัว เพราะหากเขาไม่ลงมือ สุดท้ายซางอี๋ว์ก็อาจจะกลายเป็นทาสและกลายเป็นของเล่นของคนอื่น

 

ความโกลาหลนี้โหดร้ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้ มันกลับมีด้านมืดแบบนี้อยู่ด้วย

 

จางหยูส่ายหน้าและไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ รอไปถึงที่นั่นก่อนแล้วค่อยเริ่มทำตามแผน

 

ที่โลกนภา

 

เจ้าสำนัก, ร่างแยกต่าง ๆ รวมถึงร่างแยกเปล่ากว่าแปดแสนร่างล้วน แต่ร่วมมือกันทำหินแห่งการสร้างขึ้นมาทั้งวันทั้งคืน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ผู้สร้างแต่เมื่ออยู่ในโลกตันเถียนและได้สิทธ์ิจากจางหยูแล้ว พลังการสร้างในตัวพวกเขาก็อยู่ในระดับสูงสุด การสร้างหินแห่งการสร้างจึงเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพวกเขา แถมคุณภาพก็ยังสูงอีกด้วย

 

หินร้อยล้านก้อนนี้อาจจะดูมากแต่เมื่อมีร่างแยกเหล่านั้นอยู่ มันก็กินเวลาไม่นานก่อนที่หินทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนเป็นหินแห่งการสร้างคุณภาพของมันเทียบกับหินแห่งการสร้างที่จางหยูเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ได้ มันราวกับผลงานศิลปะระดับจักรวาล

 

แต่เดิมแล้ว จางหยูคิดว่าหินแห่งการสร้างคงสร้างขึ้นมาได้ยากจนเมื่อเจ้าสำนักติดต่อเขามา เขาก็พบว่าหินทั้งหมดนั้นถูกเปลี่ยนเป็นหินแห่งการสร้างแล้ว

 

“หินแห่งการสร้างร้อยล้านก้อน…” จางหยูคิดว่ามันอาจจะมีทางอื่นในการใช้หินแห่งการสร้างได้อีก “ไม่รู้ว่าจะพอรึไม่”

 

หินแห่งการสร้างร้อยล้านก้อนอาจจะฟังดูเยอะ แต่ดูเหมือนว่ามีหลายเรื่องที่เขาต้องใช้หินแห่งการสร้าง เขาเกรงว่ามันอาจจะไม่พอ

 

ตอนที่จางหยูกำลังคิดว่าจะหาหินหยาบเพิ่มดีรึไม่นั้น ซางอี๋ว์ก็เห็นบางอย่างและพูดขึ้นมา “นายท่าน เรากำลังจะถึงโลกสวรรค์ร้างแล้ว”

 

จางหยูได้สติกลับมาก่อนจะแผ่การรับรู้ออกไป จากนั้นเขาก็พบว่าพวกเขาเกือบจะมาถึงโลกสวรรค์ร้างแล้ว

 

ในการรับรู้ของเขานั้นเขารับรู้ได้ถึงเงาตรงหน้า มันคือโลกขั้น 9 ที่ราวกับดวงอาทิตย์ที่แผ่แสงไม่รู้จบออกมา แม้ว่าจะอยู่ไกลออกไปแต่เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความกว้างใหญ่และความแข็งแกร่งของมันได้

 

นี่คือโลกสวรรค์ร้าง !

 

โลกขั้น 9 ที่เก่าแก่และแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ ! แม้แต่การรับรู้ของจางหยูก็ยังไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงขีดจำกัดของมันได้ราวกับว่าที่เขาเห็นอยู่นั้นเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง

 

“เฮ้อ” จางหยูถอนหายใจออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น

 

หลังจากใช้เวลานานในที่สุดเขาก็มาถึงเวทีที่ทุกคนถวิลหาเสียที