ตอนที่ 1635 : ความจริง

ระบบเจ้าสำนัก

ตอนที่ 1635 : ความจริง

 

สุดท้ายจางหยูและซางอี๋ว์ก็มาถึงโลกสวรรค์ร้าง

 

ทันทีที่เข้ามาในโลกสวรรค์ร้าง จางหยูก็ต้องตะลึงกับฉากอันงดงามของที่นี่ โลกสวรรค์ร้างนั้นเต็มไปด้วยคลื่นพลังเก่าแก่ราวกับคงอยู่มานาน พื้นดินหนาแน่นและมิติแข็งแกร่งยากจะสั่นไหวได้ มันราวกับดินแดนของเทพ

 

หากไม่ใช่เพราะได้ยินมาก่อน จางหยูคงยากจะคิดว่าโลกขั้น 9 จะแกร่งแบบนี้ได้

 

มันไม่เหมือนกับโลกขั้น 9 ที่เขาเคยเห็นในอดีต โลกนี้เหมือนกับโลกที่เหนือกว่าโลกขั้น 9

 

กระแสเวลาที่ยิ่งใหญ่นั้นแม้แต่จางหยูก็ยังรู้สึกตะลึงในใจราวกับว่ามันมีพลังที่ไม่อาจจะต้านทานได้อยู่ !

 

จางหยูสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมสติ สักพักเขาถึงได้ประคองสติตัวเองได้

 

โลกสวรรค์ร้างและโลกขั้น 9 อื่น ๆ นั้นต่างกันอย่างมาก มันมีแค่มิติเดียว โลกสวรรค์ร้างนั้นเป็นหนึ่งเดียว ท้องฟ้าทั้งสูงและกว้างใหญ่ มันมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน ทุกชีวิตอยู่ในท้องฟ้าเดียวกันและในมิติเดียวกัน

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเขาไม่เห็นร่างมนุษย์ทั่วไปรึผู้อมตะเลย ที่นี่คนที่อ่อนแอที่สุดก็คือกุยหยวน !

 

“โลกสวรรค์ร้าง” จางหยูยอมรับว่าโลกนี้แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีหลายคนอยากจะมาที่นี่

 

การที่โดดเด่นในโลกนี้ได้ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก

 

จางหยูสลัดความสงสัยที่มีก่อนจะถามซางอี๋ว์ถึงที่อยู่ของสือซวน

 

สือซวนนั้นโด่งดังมาก เขาพำนักอยู่ที่ภูเขาลั่วเสีย ไม่ว่าจะไปถามใครก็ล้วนแต่รู้เรื่องของเขาทั้งนั้น

 

ไม่นาน จางหยูและซางอี๋ว์ก็ได้บินไปยังยอดเขาลั่วเสีย เพราะโลกสวรรค์ร้างนี้กว้างใหญ่รวมถึงภูเขาลั่วเสียนั้นอยู่ไกล ทำให้ทั้งสองใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะมาถึงภูเขาลั่วเสีย จางหยูยืนยันได้ว่าโลกแห่งนี้กว้างใหญ่มาก แค่เดินทางมายังภูเขาลั่วเสียก็ยังใช้เวลานานแบบนี้ หากเดินทางไกลออกไปอีก เกรงว่าอาจจะต้องใช้เวลานาน

กว่านี้หลายเท่า

 

ที่ยอดเขาลั่วเสีย

 

จางหยูและซางอี๋ว์ได้หยุดอยู่ที่ด้านนอกภูเขา

 

ไกลออกไปเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ สันเขาแต่ละลูกสูงเสียดฟ้าและมีสีสันที่แตกต่างกันไป วิถีของโลกผสมรวมกัน มันราวกับดินแดนแห่งความฝัน

 

แม้ว่าซางอี๋ว์จะเคยมาที่โลกสวรรค์ร้างอยู่หลายครั้งแต่นางก็เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน

 

ดูเหมือนว่าเจ้าของที่นี่จะไม่ใช่คนธรรมดา !

 

จางหยูเข้าใจการสร้างมากกว่าซางอี๋ว์ เขารับรู้ได้ว่ามีพลังการสร้างลึกลับผสมรวมกับที่นี่ด้วย ที่นี่คือสิ่งที่คนสร้างขึ้นมา

 

คนที่สร้างที่นี่ขึ้นมาดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าของที่นี่…สือซวน !

 

มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ผู้คนจะคิดว่าสือซวนอยู่ที่นี่ก็เพื่อให้สมกับชื่อเสียงของเขา แต่จางหยูเข้าใจว่าเพราะสือซวนพำนักอยู่ที่นี่จึงทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าภูเขาลั่วเสีย

 

ในอีกความหมายคือหากสือซวนพำนักอยู่ที่อื่น งั้นชื่อภูเขาลั่วเสียอาจจะตกเป็นของที่อื่นแทน

 

ตอนที่จางหยูและซางอี๋ว์กำลังจะเข้าไปในภูเขานั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “แขกผู้มีเกียรติ สือซวนรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ต้อนรับเจ้าทั้งสอง”

 

เมื่อพูดจบก็มีแสงราวกับพรมแดงก่อตัวขึ้นมาจากยอดเขาค่อย ๆ พุ่งเข้ามาหาจางหยูและซางอี๋ว์ ราวกับทางเดินไปสู่สวรรค์

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นสายตาของซางอี๋ว์ก็แสดงความโกรธแค้นออกมานางถึงกับหายใจถี่ขึ้น

 

จางหยูเองก็แปลกใจ ไม่คิดเลยว่าสือซวนจะรับรู้ถึงการมาของพวกเขาได้ เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะคิด “รึเพราะปราณโดยรอบ ?”

 

แม้เขาจะไม่รู้ว่าปราณที่นี่มีอะไรแฝงอยู่แต่จางหยูก็ยังใจกล้าและไม่กลัววิธีของสือซวน เขาได้ก้าวขึ้นไปบนพรมแสงอย่างใจเย็นและเดินทางไปยังยอดเขา

 

ซางอี๋ว์ลังเลชั่วครู่ก่อนจะเดินตามจางหยูไปทันที

 

นางไม่รู้ว่าจางหยูมีความแข็งแกร่งเพียงพอจะช่วยนางรึไม่ และไม่รู้ว่าจางหยูจะช่วยนางรึเปล่าแต่เนื่องจากนางไม่มีทางเลือกอื่น นางจึงได้แต่ตามไปเท่านั้น

 

ไม่นานจางหยูและซางอี๋ว์ก็มาถึงยอดเขา

 

บนยอดเขาแห่งนี้มีต้นท้อที่เบ่งบานตลอดทั้งปีราวกับว่าไม่มีวันร่วงโรย อากาศที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม พื้นดินเต็มไปด้วยดอกท้อ ทำให้ที่นี่ดูงดงามขึ้นไปอีก

 

ที่ริมผานั้นมีประตูหินตั้งอยู่ มันไม่ได้มีลวดลายอะไรสลักเอาไว้ ข้าง ๆนั้นมีชายแก่ยิ้มให้กับจางหยูและซางอี๋ว์อยู่ เขาปกปกปิดคลื่นพลังเอาไว้

 

“ข้า เฒ่าสือซวน ข้าไม่รู้ว่าสหายทั้งสองมีนามว่าอะไรกัน ?” ชายแก่ลุกขึ้นยืนและยิ้มออกมา

 

จางหยูป้องมือ “ข้า จางหยู” ในเวลาเดียวกันเขาก็ถามซางอี๋ว์ด้วยความสงสัย “พ่อเจ้าตายเพราะเขาจริง ๆ รึ ? เจ้าเข้าใจผิดรึไม่ ?”

 

“ไม่ผิดแน่” แม้ว่าซางอี๋ว์จะสับสนแต่สือซวนก็คือคนร้ายไม่มีผิด “แม้ว่าข้าจะไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัดแต่ข้ามั่นใจว่าพ่อข้าโดนเขาฆ่า จริง ๆ หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็ลองถามเขาดูก็ได้” นางได้ถามข่าวนี้มาหลายครั้งแล้ว นางมั่นใจเรื่องนี้

 

“มันมีความลับอะไรอีกรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา

 

“ไม่ว่าจะปิดบังอะไรไว้แต่เขาก็ฆ่าพ่อข้า ความแค้นนี้ต้องสะสาง !”ซางอี๋ว์แสดงสายตาเคียดแค้นออกมา

 

จางหยูไม่ได้ห้าม แม้ว่าเขาจะอยากได้ตัวซางอี๋ว์และอยากให้นางภักดีกับเขาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำทุกอย่างที่นางต้องการ

 

เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะมองไปที่สือซวน เขาต้องเข้าใจทุกอย่างก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อ

 

เมื่อเห็นว่าซางอี๋ว์ไม่แนะนำตัวแต่กลับแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาสือซวนก็ไม่ได้โกรธ เขายิ้มให้กับจางหยูและพูดขึ้นว่า “สหายหนุ่มเจ้าเป็นถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 7 ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงมากับคนอ่อนแอแบบนั้นได้ ? “

 

“ข้ามาที่นี่เพราะเหตุผลสองอย่าง” แม้ว่าจางหยูจะประทับใจในตัวสือซวน แต่เขาก็ไม่ได้ลดความระวังลง ยังไงซะเขาก็ไม่รู้จักอีกฝ่าย ใครจะไปรู้ว่าสือซวนอาจจะเสแสร้งก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าในใจสือซวนนั้นคิดอะไรอยู่ “ก่อนอื่นข้าได้ยินมาว่าเจ้า สือซวน คือผู้ควบคุมขั้น 7 อันดับ 3 ของโลกสวรรค์ร้าง ข้าอยากเรียนรู้จากเจ้า”

 

“แล้วอีกเรื่องล่ะ ?” สือซวนแสดงท่าทีแปลกใจออกมา

 

“ข้าสงสัยว่าเจ้าสำนักต้าหยู่ ซางเหอ ตายเพราะเจ้าจริงรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมาตรง ๆ

 

“ซางเหอ…” เมื่อได้ยินชื่อนั้นสือซวนก็อดไม่ได้ที่จะเงียบ

 

เขามองไปที่จางหยูก่อนจะมองไปที่ซางอี๋ว์แล้วพูดขึ้น “เจ้ามาที่นี่ เพราะซางเหอรึ ? สาวน้อยคนนั้นคงเป็นลูกของซางเหอสินะ ?” เขาเหมือนกับรู้มานานแล้วว่าซางเหอนั้นมีลูกสาว เขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้

 

ซางอี๋ว์ไม่ปกปิดความแค้นอีกต่อไป นางจ้องสือซวนเขม็งและกัดฟันแน่น “ทำไมเจ้าถึงได้ฆ่าพ่อของข้า !”

 

สือซวนเงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา “ใช่ ข้าฆ่าซางเหอจริง ๆ”

 

จางหยูแปลกใจ เขาไม่คิดว่าสือซวนจะยอมรับง่าย ๆ แบบนี้

 

“สาวน้อย ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่…” สือซวนถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่ได้แค้นเคืองอะไรกับซางเหอ ข้าไม่มีเหตุผลจะฆ่าเขา ความจริงก็คือ…” เขากลับเปิดปากพูดออกมาเอง

 

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นจางหยูและซางอี๋ว์ก็ต้องอึ้ง

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่เชื่อ มันยากจะเชื่อแต่นี่คือความจริง” สือซวนพูดขึ้น“ไม่นานมานี้ซางเหอมาหาข้า เขาบอกว่าเขาได้สูดเอาปราณลึกลับในสุสานมา จิตผู้สร้างของเขาปนเปื้อน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ เขาคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ว่าเขาไม่อาจจะควบคุมจิตผู้สร้างของตัวเองได้ แม้แต่การฆ่าตัวตายก็ไม่อาจจะทำได้ ดังนั้นเขาจึงมาหาข้า เขาหวังให้ข้าช่วยเขาจัดการสิ่งปนเปื้อน แต่โชคร้ายที่ข้ามีความสามารถจำกัด ข้าไม่อาจจะช่วยเขาได้ ในที่สุดเขาก็ขอให้ข้าปลิดชีวิตเขา ไม่งั้นแล้วเมื่อเขาคุมสติตัวเองไม่อยู่ เขาคงกลายเป็นหุ่นเชิดของสุสาน เขาอาจจะสร้างความเสียหายให้กับคนอื่น”

 

สือซวนมองไปที่ซางอี๋ว์อย่างใจเย็น “เรื่องนี้เจ้าไปถามหลินหลางและจาฮานเพื่อรับรอบความจริงได้ เพราะก่อนที่ซางเหอจะมาหาข้า เขาได้ไปหาพวกนั้นแล้ว อย่างไรก็ตามปราณในสุสานก็เป็นปัญหาอย่างมาก คนทั่วไปไม่กล้าจะแตะต้องมัน น่าเสียดายที่หลินหลางและจาฮานไม่อาจจะช่วยได้ สุดท้ายเขาก็มาหาข้าที่นี่ เป็นธรรมดาที่ข้าไม่อาจจะทำอะไรได้…”

 

ซางอี๋ว์อึ้งไปสักพัก นางไม่อาจจะรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้