ถึงแม้วันนี้ลาซาร์จะอึ้งไปหลายรอบ แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่อีริคอ่าน เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองลูเซียนราวกับว่ากำลังมองสัตว์ประหลาด “ลูเซียน เจ้ารู้ไหมว่ามันหมายความว่าอะไร? ข้าพนันได้เลยว่าเจ้าไม่รู้ นักเวทที่อยู่ต่ำกว่าระดับกลางส่วนใหญ่จะไม่เคยได้รับจดหมายเชิญให้ตีพิมพ์ผลงาน แน่นอนว่าข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ค่าชื่อเสียงอาร์คานาของพวกเรามักได้มาจากกรรมการ และพวกเราส่วนมากจะไม่ได้ค่าชื่อเสียงเจ็ดค่าในเวลาไม่กี่ปี”

“คงเป็นโชคดีของข้า” ลูเซียนอยากถ่อมตัวอยู่

“ไม่เอาน่า… โชคดีงั้นหรือ?! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโชคเลย สหาย” ลาซาร์โบกมือทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้น “นี่เป็นปีที่สี่นับตั้งแต่ข้าเรียนจบ ในบรรดางานวิจัยที่ข้าเขียนซึ่งมีอย่างน้อยสิบชิ้น สามชิ้นกรรมการตรวจสอบผ่าน และสามชิ้นนั้น มีเพียงชิ้นเดียวที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร ‘อภิปรายอาร์คานา’… เป็นเรื่องเกือบสุดท้ายในวารสารเดือนนั้นแน่ะ! ข้าได้ยินมาว่ามีแต่อัจฉริยะเท่านั้นที่จะได้รับหนังสือเชิญอย่างนี้ อย่างท่านยูลิสิส หรือท่านเฟลิเป”

ถึงแม้ว่าลาซาร์จะรู้สึกเสียใจ แต่เขาก็ไม่เสียดสีลูเซียนเลย เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ

ปากของอีริคขยับเล็กน้อยราวกับว่าเขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแล้วรีบหยุด เขาใช้เวลายี่สิบปีในการได้รับค่าชื่อเสียงอาร์คานาหนึ่งร้อยค่า และได้เป็นจอมเวทระดับสาม ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจเบาๆ “คำว่า ‘การค้นพบใหม่’ …ไม่แปลกใจเลยที่วารสารนี้จะส่งหนังสือเชิญมาโดยตรงถึงแม้การนำงานวิจัยของเจ้าไปใช้จะค่อนข้างจำกัด อีวานส์ มันยอดเยี่ยมจริงๆ ที่งานวิจัยของเจ้าได้รับคำว่า ‘การค้นพบใหม่’ จากคณะกรรมการ ทุกๆ ปี มีงานวิจัยไม่ถึงสิบชิ้นที่จะได้รับการยกยองเช่นนี้ ยกเว้นงานวิจัยของมหาจอมเวทและมหาจอมเวท”

“อย่างนั้นเอง…” ในที่สุดลูเซียนก็ตระหนักว่าคำสำคัญนี้สำคัญอย่างไร

ลาซาร์ซ่อนความรู้สึกท้อใจแล้วพูดกับลูเซียนอย่างตื่นเต้น พลางชูนิ้วเพื่อคะแนนของเขา “การค้นพบใหม่, ความก้าวหน้าครั้งใหญ่, ความสำคัญอย่างยิ่งยวด, สามารถโน้มน้าวใจได้อย่างสูง, ควรค่าแก่การอภิปราย พวกนี้คือสำคัญที่คณะกรรมการใช้พูดถึงข้อดีของงานวิจัยชิ้นหนึ่งๆ แน่นอนว่า ถ้าพวกเขามีความเห็นว่างานวิจัยของเจ้ามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง งั้นก็ยินดีด้วยนะ อีวานส์ เจ้าจะได้เป็นมหาจอมเวทแน่นอน!”

เมื่อลูเซียนรับม้วนกระดาษมาจากอีริค ระฆังก็ส่งเสียง เกิดแสงก็สว่างวาบขึ้นในกรงอีกครั้ง

ม้วนกระดาษอันใหม่เพิ่งมาถึง

อีริคหยิบกระดาษม้วนนั้น แล้วเมื่อเขาคลี่มันออก สีหน้าเขาก็ดูท้อแท้เล็กน้อยเช่นเดียวกับลาซาร์ในตอนนี้

“อีวานส์ เจ้าได้จดหมายเชิญอีกแล้ว จากวารสาร ‘คลื่นเสียง’ น่ะ” อีริคบอกลูเซียน เขาพยายามใจเย็น “ทางนี้ก็สัญญาแบบเดียวกัน แต่เพิ่มตรงที่สามารถแนะนำงานวิจัยของเจ้าให้วารสารดัชนีอีกสามฉบับได้”

ทั้งอีริคและลาซาร์รู้สึกว่าพวกเขาคงจะทึ่งไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ตราบใดที่ไม่มีจดหมายเชิญจากวารสาร ‘อาร์คานา’ หรือ ‘เวทมนตร์’

“เจ้าจะเลือกฉบับไหน ลูเซียน?” ลาซาร์ยิ้ม “ส่วนตัวข้ายังแนะนำ ‘คลื่นเสียง’ เหมือนเดิม เป็นมืออาชีพมากกว่า แถมให้ข้อเสนอดีกว่าด้วย”

“ขอบใจนะ ลาซาร์ แต่ข้าชอบ ‘อาร์คานาสามัญ’ มากกว่า” ลูเซียนยิ้ม “เหตุผลง่ายๆ นั่นคือ ‘อาร์คานาสามัญ’ ส่งจดหมายเชิญคนแรก หมายความว่าพวกเขาเห็นท่านค่างานวิจัยของข้า”

ลาซาร์ไม่เห็นด้วยกับลูเซียนนัก แต่เมื่อเขาจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง ระฆังก็ส่งเสียงสามครั้ง

อีริคมองเหรียญตราอาร์คานาของลูเซียนในมือแล้วพูดกับเขา “อีวานส์ วันนี้เราต้องกลับแล้ว ข้าเกรงว่าพรุ่งนี้เจ้าต้องกลับมาที่นี่อีกเพื่อเปิดใช้งานเหรียญตรา”

“ท่านอีริค… ข้าขอทำวันนี้เลยได้ไหมขอรับ?” ลูเซียนถามอย่างผิดหวังเล็กน้อย “ข้าตั้งใจว่าจะไป ‘ห้องสมุดอาร์คานาสามัญ’ กับ ‘สำนักงานแลกเปลี่ยนเวทมนตร์’”

อีริคส่ายหน้า “พรอสเปลล์กับพวกชีวินสายเวทอื่นๆ ไม่ทำงานเกินเวลาแม้แต่นาทีเดียวยกเว้นอาจารย์ของพวกเขาจะขอ แม้วันนี้เจ้าจะมีเหรียญตราอาร์คานา เจ้าก็ไปสองที่นั้นไม่ได้เพราะปิดแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมา อย่าห่วงเลย ค่าชื่อเสียงกับคะแนนจะเป็นของเจ้าอยู่แล้ว”

ลาซาร์พยักหน้า “ไปกินมื้อค่ำกันเถอะ อีวานส์ ส่วนใหญ่นะ พวกชีวินสายเวทน่ะขี้เกียจจะตาย” พูดปุ๊บ ก็มองปราดไปยังกำแพงเปล่งแสงแล้วเสริมว่า “แน่นอน เจ้าพวกนั้นทำงานได้ดีแล้วก็ขยันนะถ้าจำเป็น ยังไงก็ตาม อย่าลืมทำตามคำแนะนำและเติมคำท้ายชื่อเจ้าเพื่อความแตกต่างนะ ลูเซียน”

“อืม ถ้าอย่างนั้นก็ลาก่อนนะขอรับ ท่านอีริค” ลูเซียนค้อมตัวน้อยๆ แล้วติดเหรียญตราอาร์คานาที่ยังไม่ได้เปิดใช้งานไว้บนเสื้อ

….

ในห้องโถงของฝ่ายบริหารจัดการนักเวท ขณะที่ซินดี้กับโดนากำลังจะกลับ ทั้งสองก็เห็นลาซาร์กับลูเซียนเดินออกมาจากห้องทำงานของอีริค

“ยินดี… เอ๊ะ? ท่านอีวานส์ ทำไมเหรียญตราอาร์คานาของท่านยังไม่…” ซินดี้ถาม แต่นางก็ยั้งปากทันทีเพราะไม่อยากทำให้ลูเซียนอึดอัดใจ

“เปล่าๆๆ…” ลาซาร์ ในฐานะเพื่อนของลูเซียน รู้สึกภูมิใจมากและเริ่มอวด “ท่านอีวานส์ที่รักของพวกเราเป็นนักเวทคนแรกที่งานวิจัยอาร์คานาได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการตั้งแต่วันแรกที่มายังหอคอยอัลลิน นักเวทคนแรกที่ได้รับคำวิจารณ์ว่า ‘การค้นพบใหม่’ จากงานวิจัยชิ้นแรก นักเวทคนแรกที่ได้รับจดหมายเชิญจากวารสารยักษ์ใหญ่สองฉบับให้ตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นแรกเลยนะ…”

มีคำว่า “แรก” ในคำพูดของลาซาร์เต็มไปหมด ซึ่งซินดี้กับโดนาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

ดวงตาของสองสาวเป็นประกายด้วยความชื่นชม “ท่านอีวานส์ ชื่อท่านจะอยู่ในสมุดบันทึกของวันนี้แน่นอนเจ้าค่ะ!!” ซินดี้พูดเสริมด้วยว่า “ท่านอีวานส์ พวกเรารออ่านงานวิจัยท่านนะเจ้าค่ะ แล้วก็ ขออย่าลืมพวกเราเมื่อท่านได้เป็นนักเวทระดับกลางนะ ฮ่าๆ”

“คืนนี้เรามาฉลองให้ท่านอีวานส์กันหน่อยไหม?” โดนาเสนอ

“ถ้าพวกเจ้าไม่รังเกียจ ข้าขอเชิญเจ้าทั้งสองคนมากินมื้อค่ำด้วยกันนะ” ลูเซียนยิ้ม เขาอยากมีเพื่อนเพิ่มอีกที่เมืองอัลลินนี้

“ไปสิ! พวกเราดีใจมากเลย” ซินดี้พยักหน้าอย่างตื่นเต้น “แต่ว่านะ ท่านอีวานส์ ในเมื่อท่านได้ค่าชื่อเสียงอาร์คานาเจ็ดค่าแล้ว ทำไมยังไม่ได้เปิดใช้งานเหรียญอีกล่ะ?”

“ฮ่า ท่านอีริคอึ้งกับความสำเร็จของลูเซียนจนเขาลืมทำน่ะ” ลาซาร์หัวเราะ “พอนึกขึ้นได้ ทุกคนก็กลับกันหมดแล้ว”

“โอ้โห… นึกหน้าอึ้งท่านอีริคอึ้งไม่ออกเลย…” สองสาวหัวเราะคิกคัก

ขณะรอสองสาวเพื่อไปกินมื้อค่ำด้วยกัน ลาซาร์ก็มองลูเซียนแล้วพูดว่า “ลูเซียน ในบรรดาความเห็นที่เจ้าได้รับ เจ้ารู้ไหมว่าอันไหนที่ข้าอิจฉาที่สุด?”

“เอ… การค้นพบใหม่งั้นหรือ?” ลูเซียนตอบอย่างลังเล

“ไม่ใช่…” ลาซาร์ส่ายหน้าเบาๆ และดูเศร้าเล็กน้อย “ความเห็นที่บอกเรื่องวิธีคิดแบบจอมเวทของเจ้าน่ะ ในบรรดางานวิจัยที่ข้าส่งไปทั้งหมดและถูกตีกลับนั้น คณะกรรมการมักบอกข้าว่าวิธีคิดของข้ามีปัญหาและไม่ถี่ถ้วนมากพอในฐานะจอมเวท”

“หมั่นอ่านและหมั่นคิดช่วยพัฒนาวิธีคิดได้แน่นอน” ลูเซียนปลอบลาซาร์ “ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าช่วยอ่านงานให้เจ้าได้นะ แบบเพื่อนช่วยตรวจน่ะ”

“เยี่ยมไปเลย! ขอบใจมาก!” ลาซาร์มีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ไม่ต้องกังวลนะ ข้าคงยังไม่เขียนงานชิ้นต่อไปอีกสองสามเดือนเลย อา… แต่ว่านะ วันพรุ่งนี้ เมื่อการประเมินนักเวทฝึกหัดเสร็จสิ้น งานสอนของเจ้าก็จะสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง และเจ้าก็ต้องคิดเรื่องวางฝ่ายารใช้ชีวิตที่นี่ คืนนี้เจ้าก็คิดว่าจะทำอะไรก็แล้วกัน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะให้คำแนะนำเจ้าตอนที่เราไปโซนภารกิจด้วยกัน”

ลูเซียนพยักหน้าหนักแน่น เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือตามคนอื่นให้ทันในเรื่องอาร์คานา

หลังจากทั้งสี่คนกินปลาย่างกับมันฝรั่งทอดซึ่งเป็นอาหารดั้งเดิมของอาณาจักรโฮล์ม ลูเซียนก็เข้าพักในโรงแรมดีๆ ที่ลาซาร์แนะนำ ซึ่งลูเซียนก็หลับสบาย

เช้าวันรุ่งขึ้น ลาซาร์ไปหาลูเซียนที่โรงแรมแล้วไปฝ่ายบริหารจัดการนักเวทด้วยกัน

“มาแล้วนี่ ท่านอีวานส์!” ทันทีที่ก้าวเข้าไปยังโซนสาม ลูเซียนก็ได้ยินเสียงสดใสของไฮดี้กับเลย์เรีย พวกนางมองลูเซียนอย่างตื่นเต้น ในมือมีหนังสือหลายเล่ม ก่อนที่ลูเซียนจะมาถึง พวกนางก็ง่วนกับการทบทวนแบบฝึกหัด

“อรุณสวัสดิ์ ท่านอีวานส์” แอนนิคทักทาย เขาเกาผมสีเหลืองเล็กน้อยพลางยิ้มอย่างมีความสุข

“อรุณสวัสดิ์ ขอให้ท่านทุกคนโชคดี” ลูเชียนกล่าว ทันใดนั้นเขารู้สึกอยากพูดอะไรตลกๆ “ทำตัวสบายๆ ถ้าพวกเจ้าสามคนไม่ผ่านทดสอบ ข้าจะให้แบบทดสอบเพิ่มขึ้น ไม่ต้องห่วง”

“เอ่อ… ขอบใจท่านนะท่านอีวานส์ แต่เราคิดว่าเราไม่เป็นไร” นักเวทฝึกหัดทั้งสามคนส่ายหน้าพร้อมกัน ดูน่ารักทีเดียว

ในตอนนั้นเอง ไซเมียนเดินออกมาจากห้องทำงานรัวปรบมือ “นักเวทฝึกหัดทุกคน ขอให้เข้ามาประเมินได้”

เมื่อมองลูเซียนกับลูกศิษย์ทั้งสามคนของเขาอย่างยโส สีหน้าของสปรินต์ก็ดูมั่นใจ เพราะเขามั่นใจว่าเขาทำได้ดีกว่าทั้งสามคนที่ได้รับการฝึกฝนพิเศษแต่ไร้ประโยชน์

ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง แคทรีนาก็จับจ้องสปรินต์ เธอบอกกับตัวเองว่าในการประเมินครั้งนี้เธอต้องเอาชนะสปรินต์ให้ได้

…….………………………………………………