หลังจากมองลูเซียน อีริคก็อ่านข้อคิดเห็นต่อ “ส่วนท่านเจฟฟรีย์ ความเห็นของเขาก็คือ ‘การออกแบบการทดลองที่ยอดเยี่ยม การค้นคว้าและการตีความอย่างรอบคอบ’ แล้วเขาก็ยังบอกว่าความรู้ของเจ้ายังมีไม่พอ รวมถึงจุดอ่อนของเวทมนตร์ใหม่ที่เจ้าสร้างขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ท่านเจฟฟรีย์กล่าวว่า ‘จุดประสงค์ของงานวิจัยชิ้นนี้ไม่ใช่การแสดงให้เห็นว่าเวทมนตร์นี้สมบูรณ์แบบอย่างไร แต่แสดงให้เห็นถึงวิธีการนำคลื่นเสียงมาใช้ งานวิจัยนี้จึงเป็นการค้นพบใหม่และเฉียบคม”

ลาร์ซาเองก็ตั้งใจฟังความเห็นนั้น ดวงตาเขาก็เป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนตื่นเต้น

“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คืองานวิจัยชิ้นนี้ยังขาดการอภิปรายเชิงลึก ด้วยเหตุนี้ มันอาจจะไม่ก้าวไกลเท่าที่ควร แน่นอนว่าเราต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เขียนเป็นเพียงนักเวทที่ไม่มีระดับอาร์คานา และสิ่งที่เขาทดลองนั้นน่าประทับใจมาก ในขณะเดียวกัน งานวิจัยชิ้นนี้ก็แสดงให้เราเห็นว่าสัตว์ที่ไม่มีเวทมนตร์นั้นน่าศึกษาเช่นกัน” อีริคอ่านความคิดเห็นของเจฟฟรีย์ช้าๆ ชัดๆ “สิ่งที่ข้าต้องการชี้ให้เห็นคือ วิธีการคิดของผู้เขียนนั้นสอดคล้องกับลักษณะสำคัญของวิธีศึกษาวิจัยของจอมเวทที่แท้จริง ซึ่งก็คือ การสังเกตอย่างจดจ่อ การตั้งสมมติฐานชัดเจน การออกแบบการทดลองอย่างรอบคอบ การวิเคราะห์อย่างจริงจัง  การอนุมานอย่างมีเหตุผลและการนำไปใช้ สิ่งที่ข้าประหลาดใจก็คือ ผู้เขียนไม่ได้ระดับอาร์คานา จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผู้เขียนจึงสมควรได้รับค่าชื่อเสียงอาร์คานาสี่ค่าและคะแนนอาร์คานาสี่คะแนน”

“แล้วผลสรุปเป็นยังไงล่ะ?” ลาร์ซาถามอย่างกระตือรือร้น เขาดูตื่นเต้นกว่าลูเซียนเสียอีก

“เมื่อเอาการตัดสินของกรรมการสองคนมารวมกัน เขาจะได้รับค่าชื่อเสียงอาร์คานาสี่ค่ากับคะแนนอาร์คานาอีกห้าคะแนน” อีริคตอบ

ถ้าเทียบกับการ์ฟีลด์ เจฟฟรีย์ดูจะลงรายละเอียดมากกว่า หรือก็คือเก็บทุกเม็ด ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งสองคนให้ความเห็นที่เหมือนกันมาก

ในขณะเดียวกัน การบรรยายอย่างละเอียดยังทำให้อีริคกับลาร์ซาได้เห็นภาพคร่าวๆ ของเรื่องที่ลูเซียนทำการวิจัยอาร์คานาและเวทมนตร์ใหม่ของเขา

“งานวิจัยของเจ้าพูดถึงการทำงานของคลื่นความถี่สูงในการระบุและตรวจสอบตำแหน่งโดยศึกษาอวัยวะต่างๆ ของค้างคาวงั้นหรือ? โอ้โห… เยี่ยมเลย… ถึงแม้การสังเกตสัตว์ต่างๆ ก็เป็นจุดแข็งของเจ้าเพราะเจ้าทำตามระบบเวทมนตร์โบราณก็เถอะ ข้าก็ศึกษาค้างคาวอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ข้าไม่คิดจะสนใจเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องพฤติกรรมการบินของมัน” ในฐานะนักเวทระดับสอง ตอนที่ลาร์ซากำลังพยายามวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับสามที่สำคัญที่สุดเวทหนึ่ง ซึ่งก็คือ ‘เวทลอยตัว’ เขาก็สังเกตสัตว์ส่วนใหญ่ที่บินได้ แต่เขาก็ไม่เคยค้นพบอะไรเช่นนี้มาก่อน ลาร์ซารู้สึกเสียดายมากจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ลาร์ซาเองก็รู้ว่าวิธีการทำวิจัยนี้เป็นสิ่งที่นักเวทโบราณเชี่ยวชาญ ดังนั้นเขาจึงดีใจกับลูเซียนและสวมกอดลูเซียนด้วยความจริงใจ “ยินดีด้วย อีวานส์ ข้าเพิ่งเคยเจอคนที่ได้รับค่าชื่อเสียงอาร์คานามากขนาดนี้ตั้งแต่วันแรก ข้ามั่นใจว่าอีกไม่นานเจ้าก็จะได้ระดับอาร์คานา”

มหาจอมเวทหลายคนนั้นสามารถได้รับค่าชื่อเสียงอาร์คานามากกว่าหนึ่งร้อยค่าภายในวันเดียวเพราะว่างานวิชาการที่เคยทำ ดังนั้น การได้รับค่าชื่อเสียงเจ็ดค่าในหนึ่งวันจึงไม่ใช่เรื่องน่าทึ่งอะไร

“เจ้าจะอธิบายงานวิจัยของเจ้าให้ละเอียดอีกหน่อยได้ไหม อีวานส์?” ลาร์ซาถาม “เจ้าพัฒนางานวิจัยจากค้างคาวพวกนั้นได้อย่างไร?”

แม้แต่อีริคก็หันกลับมา เขาอยากรู้เต็มแก่

เมื่อลูเซียนกำลังจะตอบ ลาร์ซาก็กระเซ้า “งานวิจัยของเจ้าได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะลอกงานเจ้าหรอก ฮ่าๆ อีกอย่างนะ ถ้ามีคนเอางานของเจ้าไปอ้างอิง เจ้าก็จะได้ค่าชื่อเสียงเพิ่มด้วย”

“จริงๆ แล้วมันไม่ได้ซับซ้อนมากนักหรอก ลาร์ซา เจ้าเคยเห็นค้างคาวบินในถ้ำมืดๆ หรือเปล่า?” ลูเซียนยิ้ม “แล้วทำไมพวกมันถึงไม่บินชนอะไรในทั้งที่มืดอย่างนั้นล่ะ?”

สำหรับจอมเวทสองคน ลูเซียนอธิบายสั้นๆ ก็เพียงพอแล้ว อีริคจับหัวที่ล้านไปครึ่งหัวแล้วพูดว่า “ผลของการศึกษาอาร์คานาดูธรรมดามาก แต่ถ้าไม่ตั้งใจสังเกตและช่างสงสัย พวกเขาก็จะไม่เจอคำตอบ ข้าไม่รู้ว่าข้าพลาดโอกาสที่จะตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นสำคัญไปกี่ครั้งกี่หนกัน”

ถึงแม้อีริคจะยังสงสัยว่าลูเซียนเป็นผู้สร้างเวทมนตร์ใหม่นี้เองจริงหรือเปล่า หรือมันอาจเป็นเวทมนตร์เฉพาะที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักเวทโบราณสักคนจากอาณาจักรเวทมนตร์โบราณ แต่ก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ความจริงได้

“โอ้โห… ลูเซียน มันยอดเยี่ยมจริงๆ! บางทีข้าควรจะเลี้ยงสัตว์เล็กๆ ไว้ที่บ้านนะ ฮ่าๆ แล้วดูซิว่าข้าจะค้นพบอะไร” ลาร์ซารู้สึกประทับใจมาก เขามองว่าลูเซียนนั้นเชื่อใจได้มากกว่าเดิมเสียอีก เพราะลูเซียนไม่หวงความรู้ที่ศึกษา

“อย่างที่กรรมการสองท่านได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้งานวิจัยของเจ้าเป็น ‘การค้นพบใหม่’ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะตีพิมพ์งานในวารสารที่เหมาะได้ เมื่อคนเริ่มอ้างอิงงานวิจัยของเจ้ามากขึ้น เจ้าก็จะได้ค่าชื่อเสียงอาร์คานาเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่ในตอนนี้” ลาร์ซาบอกลูเซียนอย่างตื่นเต้น

“ถูกต้อง พอตีพิมพ์งานไปได้สักสองสามเดือนนะ เจ้ารอรับค่าชื่อเสียงเพิ่มจากงานวิจัยของคนอื่นได้เลย ฮ่าๆ” อีริคก็เห็นว่าน่าสนใจเช่นกัน “อีวานส์ ถ้าสามเดือนให้หลังเจ้าไม่ผ่านการประเมินอาร์คานาเพื่อได้ค่าชื่อเสียงอาร์คานาพื้นฐานหนึ่งค่า เจ้าก็จะเป็นนักเวทคนแรกที่มีค่าชื่อเสียงมากกว่าสิบค่าแต่ไม่มีระดับอาร์คานาเลย”

เมื่อได้ฟังความคิดเห็นของพวกเขา ลูเซียนก็ใช้โอกาสนี้ถามว่า “ถ้างั้น ข้าควรเลือกวารสารฉบับไหนดีล่ะ ท่านอีริค ลาร์ซา? ส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่าหัวข้อวิจัยของข้าเรื่องคลื่นเสียงนั้นต่อยอดได้ไม่มากนัก แล้วก็คงมีนักเวทไม่กี่คนที่เอาไปอ้างอิง”

“ถูกต้องอีกอย่าง พอผ่านไประยะหนึ่งเมื่อเจ้าได้ค่าชื่อเสียงมาก นักเวทจำนวนมากขึ้นๆ ก็จะเริ่มอ้างอิงงานของคนอื่นๆ ที่ต่อยอดงานวิจัยของเจ้า แต่ไม่ได้อ้างอิงจากงานของเจ้าโดยตรงอีกต่อไป เจ้าก็ยังจะได้เครดิตจากงานวิจัยของเจ้าอยู่ แต่แน่นอนว่ามันจะช้าลงและมั่นคงมากขึ้น” อีริคพยักหน้า “ถ้าเจ้าอยากให้คนอ้างอิงงานวิจัยมากขึ้น ก็ต้องวารสาร ‘อาร์คานา’ กับ ‘เวทมนตร์’ วารสารสองฉบับนี้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกเวทมนตร์ แต่ส่วนใหญ่จะตีพิมพ์เฉพาะงานวิจัยชิ้นสำคัญที่สุดของพวกมหาจอมเวท ดังนั้นคงยังไม่ใช่ตัวเลือกของเจ้าในตอนนี้”

ลูเซียนพยักหน้า เขารู้ว่าคำแนะนำของอีริคนั้นมีเหตุผลมาก

“แต่ก็ยังมีวารสารอื่นๆ อีกสี่สิบสองฉบับ คือ สิบเอ็ดฉบับเป็นของสำนักต่างๆ เจ็ดฉบับได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายต่างๆ ของสภา สามฉบับเป็นวารสารดัชนี สิบแปดฉบับอยู่ในสาขาย่อย สามฉบับสำหรับจอมมเวทชั้นต้น ที่เหลือเป็นฉบับเล็กๆ ที่ยังสภายังไม่อนุมัติ ซึ่งเจ้าก็จะไม่ได้ค่าชื่อเสียงอาร์คานา” อีริคอธิบาย

“อย่างนั้นเอง ท่านช่วยลงรายละเอียดอีกหน่อยได้ไหมขอรับ ท่านอีริค?” ลูเซียนถาม

“ทั้งวารสาร ‘เวทสายธาตุ’ และ ‘โฮล์ม’ นั้นทรงอิทธิพลมาก แต่ก็เข้มงวดมากเช่นกัน ส่วนตัวแล้ว ข้าไม่แนะนำให้เจ้าส่งไปนะ อีวานส์ เพราะงานวิจัยของเจ้าอาจจะยังไม่สำคัญมากพอ” ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการนักเวท อีริคจึงวิเคราะห์ให้ลูเซียนฟังอย่างละเอียด

“ดังนั้นข้าควรเลือกฉบับที่อยู่ในสาขาย่อยใช่ไหมขอรับ?” ลูเซียนเอียงศีรษะเล็กน้อย

“ในบรรดาวารสารพวกนั้นนะ วารสาร ‘คลื่นเสียง’ นั้นน่าเชื่อถือที่สุดแล้วสำหรับงานของเจ้า และค่อนข้างทรงอิทธิพลด้วย ส่วนวารสาร ‘อาร์คานาสามัญ’ ทรงอิทธิพลมากกว่า ‘คลื่นเสียง’ และเข้มงวดในการตรวจสอบงานวิจัยมากกว่าด้วย” อีริคหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ถ้าเจ้าส่งงานวิจัยไปยังวารสาร ‘อภิปรายอาร์คานา’ หรือ ‘วารสารแห่งการวิจัยเวทมนตร์’ ซึ่งมีเนื้อหากว้างกว่าสำหรับจอมเวทอาร์คานาระดับต้นๆ ข้ามั่นใจว่างานวิจัยของเจ้าจะได้ตีพิมพ์ แต่เรื่องทรงอิทธิพลนั้นไม่มีเลย ดังนั้น สรุปว่าจะลองเสี่ยงหรือจะเอาแบบแน่นอน ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้านั่นแหละ อีวานส์”

ลูเซียนพยักหน้าอย่างจริงใจ “ข้าเข้าใจ ขอบใจท่านที่อธิบายอย่างละเอียดนะขอรับ ท่านอีริค”

“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นหน้าที่ของข้า” หน้าตาแข็งกระด้างของอีริคมีรอยยิ้มบางๆ  “นี่ก็เกือบหกโมงแล้ว คืนนี้ก็ทบทวนดูแล้วกัน พยายามส่งงานวิจัยในวันพรุ่งนี้ก่อนที่วารสารของเดือนนี้จะออก”

ลาร์ซาก็ให้คำแนะนำเช่นกัน “ข้าแนะนำวารสาร ‘คลื่นเสียง’ อย่างว่าละ มันน่าเชื่อถือที่สุดสำหรับเรื่องด้านนี้”

“ตกลง ลาร์ซา ข้าจะไปคิดดู” ลูเซียนตอบ ขณะที่พูดนั้น เขาก็ยื่นเหรียญตราอาร์คานาให้อีริคเปิดใช้งาน  อีริครับเหรียญตราไป และเมื่อเขากำลังจะดำเนินการ เขาก็เห็นม้วนกระดาษม้วนที่สามในกรงซึ่งถูกเมิน

อีริคคลี่ม้วนกระดาษอย่างงงงัน

“ในนั้นเขียนอะไรไว้น่ะ ท่านอีริค?” ลาร์ซาถามด้วยความสงสัย

อีริคถือกระดาษในมือ สีหน้าของเขาดูทึ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก เขาหันกลับไป สูดหายใจลึกแล้วพูดกับลูเซียน “อีวานส์ วารสาร ‘อาร์คานาสามัญ’ อยากให้เจ้าส่งงานวิจัยไปตีพิมพ์ ถ้าเจ้าส่งไป ทางนั้นให้สัญญาว่างานวิจัยของเจ้าจะอยู่ในกลุ่มงานวิจัยที่สำคัญที่สุดสิบห้าเรื่องของเดือนนี้”

ในฐานะจอมเวทระดับสาม อีริคไม่เคยได้รับหนังสือเชิญให้ส่งผลงานไปตีพิมพ์ มีแต่จดหมายปฏิเสธเท่านั้น

…………………………………………………………………….