ตอนที่ 867 มองไปรอบๆ

Elixir Supplier

บทสนทนาระหว่างเมี่ยวชิงเฟิงกับชายชราเป็นสําเนียงท้องถิ่นของพวกเขาซึ่งเป็นเรื่องยากสําหรับคนนอกในการทําความเข้าใจ

“หัวหน้า พวกเขากําลังพูดอะไรอยู่เหรอครับ?”

“พวกเขากําลังชมว่าคุณหน้าตาดียังไงล่ะ”

“หา จะเป็นไปได้เหรอครับ?”

“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?” หยางกวนเฟิงถาม “พวกเขาใช้สําเนียงท้องถิ่นของพวกเขามันเป็นภาษาที่มีแต่คนในหมู่บ้านของพวกเขาเท่านั้นที่จะเข้าใจแล้วคุณคิดว่าผมเข้าใจไหมล่ะ?”

ชายหนุ่มอึ้ง เขาไม่คิดว่าผู้กองจะเล่นมุกแบบนี้ได้ด้วย

“เขาบอกว่า เขาตรวจให้คุณได้ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงยิ้มไปทางพวกเขาทั้งสอง

“มา ช่วยดูให้เขาหน่อย” เมี่ยวชิงเฟิงชี้ไปทางชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเขา

“ทําไมเป็นผมล่ะ?”

“คุณมันทําตัวน่าโมโห เลยต้องตรวจคุณยังไงล่ะ”

“หัวหน้าทําไมถึงมาว่าผมว่าทําตัวน่าโมโหได้ล่ะ?”

“คุณมันปากเหม็น”

“นั่นเพราะผมกินเต้าหูเหม็น”

“ไปตรวจส์ เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว”

การตรวจของชายชราไม่ใช่การจับชีพจรแต่เป็นการมอง เขาจะจับจ้องอีกฝ่ายในขณะที่ถามคําถามไปด้วยแต่ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามเขาว่าอะไรโชคดีที่มีคนแปลอยู่ข้างๆเขา

เมียวชิงเฟิงถามคําถาม ส่วนชายหนุ่มก็ตอบคําถามพวกเขาไป ชายชรายังตรวจดูฝ้าที่ลิ้นของเขาแล้วยังเลิกเสื้อของเขาขึ้นเพื่อตรวจดูหน้าอก,หน้าท้อง,และแผ่นหลัง

“เป็นยังไงบ้างครับ?” ชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ป่วยเป็นอะไรรู้สึกสับสนกับการกระทําของอีกฝ่ายคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?

“เราเพิ่งตรวจสุขภาพกันไปเมื่อเดือนที่แล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นสุขภาพของคุณก็ดูปกติดีใช่เปล่า?” หยางกวนเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยถาม

“ใช่ครับ ตอนนั้นผมผ่านเกณฑ์ทุกข้อ แต่พอเขามองมาและทํานั่นทํานี่กับผมแล้ว มันก็อดรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้น่ะสิครับ!”

ชายชราเริ่มพูด แต่เขาก็ยังคงพูดสําเนียงท้องถิ่นอยู่เหมือนเดิม คนนอกทั้งสองไม่เข้าใจว่าพวกเขากําลังพูดอะไรกันอยู่เลย

“เขาบอกว่า คุณมีสุขภาพดีครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “แต่ช่วงนี้คุณพักผ่อนไม่เพียงพอต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้นะครับ”

“โอ้ ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจ” ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ส่วนคุณ” เมี่ยวชิงเฟิงชี้ไปทางหยางกวนเพิ่ง

“ร่างกายของคุณมีปัญหา

“โอ้ ปัญหาอะไรเหรอครับ?” หยางกวนเฟิงไม่ได้ถาม แต่เป็นชายหนุ่มข้างเขาเป็นฝ่ายถาม แทน เพราะความเป็นห่วง

ผู้กองของเขาคนนี้ทั้งดื้อด้านและหัวร้อน ตอนที่โมโหเขาไม่เคยคิดจะไว้หน้าหัวหน้าของตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่กลับดีต่อลูกน้องอย่างพวกเขามากเวลาที่ได้ของดีมาเขาก็มักจะคิดถึงพวกเขาเสมอ เขาทั้งนับถือและชื่นชมผู้กองมาก พอตอนนี้มาได้ยินว่า ร่างกายของอีกฝ่ายมีปัญหา เขาเลยรู้สึกเป็นกังวล แล้วยังวิตกกังวลมากกว่าตอนที่คิดว่าตัวเองอาจป่วยด้วยซ้ำ

“กระเพาะ, ลําไส้, แล้วก็ไต ทั้งหมดที่ว่ามาคือส่วนที่มีปัญหา” ชายชราพูดโดยมีเมี่ยวชิงเฟิงแปลอยู่ข้างเขา

“หา แล้วมันเป็นหนักไหมครับ?” ชายหนุ่มรีบถามทันที

“มันไม่ได้หนักมากครับ แต่เขาต้องได้รับการรักษาและพักฟื้น” เมี่ยวชิงเฟิงแปลตามคําพูดของชายชรา “สิ่งแรกที่ต้องทําก็คือ ต้องปรับเรื่องเวลาการทํางานและเวลาพักผ่อนและกินยาบํารุงร่างกาย

“คุณจะให้เขาจ่ายยาให้คุณไหมครับ?”

“ดีครับ” หยางกวนเฟิงตอบโดยไม่แม้แต่จะคิด

“ได้ครับ รอสักครู่” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “คุณไม่มีทางหาซื้อยาแบบนี้จากข้างนอกได้แล้วผมขอรับรองเลยนะครับว่าหลังจากที่คุณกินยาเข้าไปแล้วมันจะเห็นผลในทันทีเลย”

“ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องขอบคุณล่วงหน้าแล้ว” หยางกวนเพิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม

เขารู้ว่าร่างกายของตัวเองมีความผิดปกติอยู่ มันถูกตรวจพบในระหว่างการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดลําไส้ของเขาทํางานได้ไม่ดี เขามีแผลในกระเพาะอาหารซึ่งการใช้ชีวิตและการกินของเขามี ผลกับเรื่องนี้อย่างมาก

หลังจากเข้าไปอยู่ในอีกห้องหนึ่งเป็นเวลานาน ชายชราก็เดินออกมาพร้อมกับยาตัวหนึ่ง

“ในนี้มียาอยู่ 7 เม็ด” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ให้กินวันละเม็ด หลังทานอาหารเช้าได้ชั่วโมงครึ่งอย่าลืมนะครับหลังจากเจ็ดวันคุณก็จะหายดี”

“ได้ครับ ขอบคุณมาก เท่าไหร่ครับ?” หยางกวนเพิ่งหยิบกระเป๋าเงินออกมา

ชายชราโบกมือ

“ไม่คิดเงินครับ”

“จะทําแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ?” หยางกวนเฟิงไม่เห็นด้วย เขายังคงหยิบเงินออกมา 500 หยวนและยื่นให้กับชายชรา

“ไม่เอา!” ชายชราดูไม่พอใจมาก

“คุณต้องรับไว้นะครับ ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะถือว่าเป็นการติดสินบนนะครับ”หยางกวนเฟิงพูด

“แบบนี้จะเรียกว่าการติดสินบนได้ด้วยเหรอครับ?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม “แล้วอีกอย่างในนี้ก็มีแค่พวกเราไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าคุณไม่พูด เขาไม่พูด แล้วใครจะรู้?”

“คุณรู้ ผมรู้ ฟ้าดินรู้ ช่วยพูดกับเขาให้ด้วยเถอะครับ”

“ก็ได้ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูดกับชายชราสองสามประโยค จากนั้นอีกฝ่ายก็ยอมรับเงินไป

“เฮ้อ แบบนี้ถึงจะถูกต้อง ผมจะได้สบายใจด้วย” หยางกวนเพิ่งพูด

“เราไปกันเลยไหมครับ?”

“ไปต่อเถอะครับ”

ทั้งสามเดินไปรอบๆหมู่บ้าน ระหว่างทาง พวกเขายังได้เจอชาวบ้านบางคนด้วยเมี่ยวชิงเฟงมักเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายพวกเขาก่อนเสมอเมื่อพวกเขาพบกับเด็กๆเขาก็จะหยอกล้อกับพวกเขามันเห็นได้ชัดว่าชาวบ้านล้วนเป็นมิตรต่อกันการสื่อสารระหว่างพวกเขาเป็นไปอย่างเรียบง่ายและสงบสุขพวกเขายังให้ความรู้สึกของความบริสุทธิ์และเรียบง่ายแฝงอยู่ด้วยมันเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เพราะพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมากนักทําให้มีการส่งต่อสิ่งของและวัฒนธร รมในสมัยโบราณต่อๆกันมา

“ผู้กองหยางคิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม

“ผู้คนที่นี้มีชีวิตที่เรียบง่ายมาก และพวกเขาก็ดูพอใจกับมัน!”

ถูกแล้ว มันคือความพึงพอใจ ตลอดทางที่เดินผ่านมา สิ่งที่เขาเห็นบนใบหน้าของคนเหล่านี้ก็คือความพึงพอใจเขาเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนมานานหลายปีเขารู้ว่าอันไหนจริงและอันไหนปลอม สีหน้าของคนเหล่านั้นไม่ใช่ของปลอมสีหน้าของพวกเขาคือความจริง พวกเขาพึงพอใจกับชีวิตแบบนี้ไม่ว่าจะคนแก่หรือหนุ่ม

แล้วยังมีเด็กๆรวมอยู่ด้วย

“แล้วพวกเขาทํายังไงเวลาที่ต้องไปเรียน?”

“ข้างในนี้มีโรงเรียนอยู่ คนในนี้จะรับหน้าที่สอนพวกเขาเองครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

“แล้วเวลาขึ้นชั้นมัธยมกับมหาวิทยาลัยล่ะครับ?”

“สําหรับเรื่องนั้น พวกเขาต้องออกจากหมู่บ้านเพื่อไปเรียนข้างนอกครับ”

“ตอนที่ผมมาที่นี่ ผมคํานวณว่ามันคงใช้เวลาไปประมาณสองชั่วโมงในการขับรถจากที่นี้ไปถึงเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดถ้าเด็กคนไหนอยากไปเรียนมันคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ใช่ไหมครับ?”

“มันล่าบากอยู่บ้าง แต่พวกเขาสามารถพักอยู่ข้างนอกได้ครับ” เมี่ยวซึ่งเพิ่งพูด

“ผมเข้าใจแล้วครับ ต้องขอโทษด้วย ผมก็แค่สงสัยเท่านั้นเลยถามออกไป”

“ไม่มีปัญหาครับ” เมี่ยวซึ่งเพิ่งพูด

หยางกวนเพิ่งเดินไปรอบหมู่บ้านอีกครั้งและไม่พบอะไรเลย

“ผู้กองหยาง ตอนนี้ก็เที่ยงแล้วนะครับ พวกเราเดินกันเยอะมาก คุณคงจะหิวแล้วให้ผมพาพวกเขาไปลองชิมอาหารอร่อยๆของหมู่บ้านเราดีไหมครับ?”

“ดีครับ” หยางกวนเพิ่งพูด

พวกเขาไปทานอาหารที่บ้านของเมี่ยวชิงเฟิง น้องสาวของเมี่ยวชิงเฟิงเป็นคนทํากับข้าวให้อาหารแต่ละอย่างที่เธอทํามีกลิ่นหอมน่าทาน วัตถุดิบล้วนเป็นของที่หาได้จากที่นี่อาหารรสชาติดีวิธีการทําก็แปลกใหม่เมื่อใส่ผงปรุงรสสูตรลับลงไปมันก็ให้รสชาติที่ยอดเยี่ยมมาก

“อื้มมม มันอร่อยมาก!” ชายหนุ่มยกนิ้วโป้งให้ครั้งแล้วครั้งเล่า

“ขอบคุณค่ะ” น้องสาวของเมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อเธอยิ้มก็ยิ่งดูสวยขึ้นกว่าเดิมชายหนุ่มถึงกับตกตะลึงในความงามของเธอ
ติ้ง!

หยางกวนเฟิงใช้ขาเตะเขาใต้โต๊ะ

ไอ้เด็กเหลือขอ!อย่ามาทําให้ฉันต้องขายหน้าที่นี่นะ!

“ผู้กองหยาง จะดื่มสักหน่อยไหมครับ?”

“ไม่ครับ ขอบคุณ” หยางกวนเฟิงปฏิเสธ

“มันเป็นเหล้าที่ทําขึ้นมาเอง ไม่แรงเท่าไหร่”

“ไม่ดีกว่า ผมคงต้องขอผ่าน ขอบคุณนะครับ”

เมี่ยวชิงเฟิงยิ้ม “น่าเสียดาย เหล่าแบบนี้หาดื่มข้างนอกไม่ได้หรอกนะครับ”

หลังจากได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มก็จ้องไปที่เหยือกเหล้า เขาเป็นพวกคอเหล้าและชื่นชอบเหล้าดีดี

“จะดื่มสักหน่อยไหมครับ?”

“ไม่ครับ ผมยังต้องขับรถอยู่!”

“ขับรถ? ค้างคืนที่นี่แล้วค่อยกลับพรุ่งนี้สิครับ นอนไปคืนหนึ่งตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ไม่เมาแล้ว”

“ถ้าอยาก คุณก็ดื่มเถอะ” หยางกวนเพิ่งพูด

มันมีกฏอยู่แล้วแน่นอน แต่บางครั้งพวกเขาก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์เขาต้องนําความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์เข้ามาร่วมด้วย และเขาก็เป็นคนที่รู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์ตราบใดที่ไม่มีเรื่องของหลักการและศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องบางเรื่องก็ต้องทําเป็นลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งเพื่อให้คนอื่นพอใจและนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทําไมลูกน้องถึงชอบติดตามเขา

“เอ่อ ครับ ขอบคุณครับหัวหน้า!”

“ทําไมคุณไม่ดื่มด้วยล่ะครับ?”

“ไม่ดีกว่า ไม่ใช่ว่าหมอบอกว่ากระเพาะผมมีปัญหาเหรอครับ? ตอนนี้ผมคงยังดื่มไม่ได้”

“ในเหล้ามีสมุนไพรใส่ลงไปหลายตัวเลยนะครับ มันมีฤทธิ์บํารุงร่างกายด้วยไม่เพียงแต่จะไม่ส่งผลเสียกับกระเพาะของคุณเท่านั้น แต่มันยังรักษาโรคได้ด้วย”

“ดื่มสักหน่อยไหมครับ หัวหน้า?”

“ก็ได้ แค่นิดเดียวนะ”

หยางกวนเพิ่งจิบเหล้า มันไม่มีรสร้อนแรง ทั้งยังใสและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มันมีรสหวานอ่อนๆและดื่มง่ายไม่ต่างจากเหล่าผลไม้

“ฮ่า เหล้าดี!” ชายหนุ่มดื่มไปหนึ่งอีก

“คุณไปหาดื่มเหล้าแบบนี้ที่ข้างนอกไม่ได้หรอกนะครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

ในตอนที่ดื่มอยู่นั้น หยางกวนเฟิงก็ได้ถามคําถามบางอย่าง บางคําถามเกี่ยวข้องกับคดีแต่ส่วนใหญ่เป็นคําถามนอกเรื่องเสียมากกว่า

หลังจากมื้ออาหาร พวกเขาก็พักผ่อนกันเล็กน้อย ก่อนจะพากันเดินออกมาจากบ้านไม้ไผ่

“ขอบคุณสําหรับการต้อนรับนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”

เมื่อเด็กสาวกลับเข้าไปในบ้านเพื่อทําความสะอาดจาน เธอก็พบเงินหลายร้อยหยวนวางอยู่ใต้จานตรงที่นั่งของหยางกวนเฟิง

นี่มันอะไรกัน? เธอตกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็เข้าใจการกระทําของอีกฝ่าย

“คนนอกพวกนี้ประหลาดคนจริงๆ” เธอพึมพํากับตัวเอง

“พวกคุณจะไปที่ไหนกันเหรอครับ?”

“เอ่อ ตรงนั้นเป็นทะเลสาบไหมครับ?” หยางกวนเฟิงชี้ไปตรงจุดที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

“อ่อ ใช่ครับ เราไปดูที่นั่นกันไหมครับ?”

“ดีครับ ไปกันเถอะ”

“ทะเลสาบที่นี่มีชื่อเรียกว่าอะไรครับ?”

“ทะเลสาบเซียงเฉา” เมี่ยวชิงเฟิงพูด

*
=เซียง แปลว่า หอม, ย=เฉา แปลว่า สมุนไพร, =y แปลว่าทะเลสาบ

“ทะเลสาบเซียงเฉา? เป็นชื่อที่ดี”

“คุณเห็นเกาะเล็กๆที่อยู่ตรงกลางนั่นไหมครับ? บนเกาะนั้นสมุนไพรปลูกเอาไว้ด้วยมันเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม เราเอามาใช้ทํายารักษาโรคตัวหนึ่งที่ล้ําค่ามาก”

หยางกวนเฟิงพยักหน้า

พวกเขาเดินดูรอบๆทะเลสาบ

“พวกเราขึ้นไปดูบนเขาได้ไหมครับ?” เขาชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล

“ได้ครับ แต่มีบางที่ที่เราไปไม่ได้ เพราะที่นั่นเป็นหลุมฝังศพของคนในหมู่บ้านที่เสียชีวิตแล้วน่ะครับ

“ผมเข้าใจครับ”

เมี่ยวชิงเฟิงนําพวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่ขรุขระเพื่อขึ้นไปบนเขา เมื่อยืนอยู่บนเขาพวกเขาก็สามารถมองเห็นภาพรวมของหมู่บ้านได้อาคารบ้านเรือนเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย

สายตาของหยางกวนเพิ่งตกไปที่ทะเลสาบที่พวกเขาเพิ่งไปดูมา