บทที่ 98 ขนมผิงถูกจับ

รักหวานอมเปรี้ยว

“ฮัลโหล ส้มเปรี้ยว!” น้ำเสียงของขนมผิงแทบจะร้องไห้ออกมา “ทำยังไงดีล่ะ มายมิ้นท์จะฟ้องฉัน!”

ที่จริงส้มเปรี้ยวเองก็คิดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะทำแบบนี้ ตอนนี้เธอเองก็ปวดหัวมากเหมือนกัน “เอาล่ะขนมผิง อย่าเพิ่งรีบร้อนไปนะ”

“จะไม่ให้ฉันรีบร้อนใจยังไง!” ขนมผิงอยู่ไม่ติดที่ “ถ้าหล่อนฟ้องฉันขึ้นมา แฟ้มข้อมูลของฉันก็แปดเปื้อน เมื่อถึงเวลานั้นคนในวงการจะมองฉันยังไงล่ะ?”

คนในแวดวงจะมีใครกันที่ยอมรับภรรยาที่มีประวัติแปดเปื้อนแบบนี้

ถ้าเธอไม่อาจแต่งงานกับคนมั่งคั่งได้ ก็หมายความว่าเธอไม่อาจช่วยเหลือกิจการของบริษัทตระกูลมหาเอกรัตนาได้เช่นกัน พ่อของเธอก็คงจะเกลียดเธอ และไปพาลูกนอกสมรสเหล่านั้นกลับมา

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว มือสองข้างของขนมผิงกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น “ส้มเปรี้ยว เธอต้องช่วยฉันนะ ที่ฉันทำไปทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยเธอ”

ส้มเปรี้ยวกัดฟันแน่น รู้สึกไม่สบายใจเอาเลย

อะไรคือการช่วยเธอ?

เธอเพียงแค่บอกอย่างอ้อมค้อมว่าให้ขนมผิงช่วยจัดการมายมิ้นท์หน่อย แต่ไม่ได้ให้ขนมผิงใช้วิธีแบบนี้จัดการนี้

แม้ว่าเธอจะคิดเช่นนี้ จะส้มเปรี้ยวก็ไม่กล้าพูดมันออกมา เธอพยายามบังคับริมฝีปากของตัวเองแล้วพูดว่า “เอาล่ะฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะช่วยเธอเอง”

“ขอบใจ ขอบใจมาก!” น้ำเสียงของขนมผิงร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ และเอ่ยถามต่อไปว่า “อ้อ ส้มเปรี้ยว ครั้งที่แล้ว เธอบอกว่าจะไปขอร้องประธานเปปเปอร์ให้นี่ ถ้าเธอไปขอร้องเขาให้ช่วย มายมิ้นท์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่!”

“ฉันรู้ แต่ว่าครั้งที่เเล้วที่ฉันไปขอให้เขาช่วย เขาปฏิเสธฉัน ไม่รู้ว่าครั้งนี้……”

“ส้มเปรี้ยว เธอลองไปพูดอีกทีสิ ประธานเปปเปอร์รักเธอขนาดนั้น เขาต้องตกลงช่วยเธอแน่ ขนมผิงไม่อยากฟังประโยคปฏิเสธจากเธอ จึงได้พูดขึ้นขัดจังหวะ

แววตาของส้มเปรี้ยวออกเผยถึงความไม่พอใจ แต่ก็จางหายไปในไม่ช้า สีหน้าของเธอดูโศกเศร้าและพูดว่า “แต่ว่า……”

“ส้มเปรี้ยวเธอบอกว่าจะช่วยฉันไง!” ขนมผิงพูดตัดบทเธออีกครั้ง

ในใจของส้มเปรี้ยวรู้สึกหมดความอดทนแล้ว แต่เธอก็พูดออกมาว่า “เอาล่ะ ฉันจะลองดูอีกครั้งนะ”

“ขอบใจมากส้มเปรี้ยว!” ขนมผิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังวางสายลงส้มเปรี้ยวก็เดินออกไปจากห้องและขับรถตรงไปที่นวบดินทร์กรุ๊ป

“ประธานเปปเปอร์ครับ คุณส้มเปรี้ยวเดินทางมาพบครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์เคาะประตูและเดินเข้าไปในห้องทำงานประธาน

เปปเปอร์กำลังจัดการกับเอกสาร เมื่อเขาได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นตอบว่า “ให้เธอเข้ามา”

ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับว่า “ครับ”

ในไม่ช้าส้มเปรี้ยวก็เดินเข้ามาด้านใน

เมื่อเธอเดินเข้ามาก็ได้กลิ่นควันบุหรี่จางๆ ในอากาศ เธอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยพูดว่า “คุณสูบบุหรี่เหรอคะ?”

เปปเปอร์พยักหน้า “ครับ สูบไปตัวหนึ่ง”

“คุณสูบบุหรี่ทำไมเนี่ย ฉันเกลียดควันบุหรี่ที่สุดเลย” ส้มเปรี้ยวใช้มือข้างหนึ่งพัดบริเวณจมูกของเธอ

เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นพิจารณามองดูเธอ “เกลียดเหรอ? คุณบอกผมว่าคุณไม่เกลียดควันบุหรี่นี่? เมื่อก่อนตอนที่เราเขียนจดหมายหากัน ผมยังเคยถามคุณว่ารังเกียจมั้ยถ้าผมสูบบุหรี่ คุณบอกว่าไม่ และแนะนำให้ผมสูบบุหรี่กลิ่นมินต์ นี่ก็กลิ่นมิ้นท์นะ”

ส้มเปรี้ยวรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด แต่เธอไม่แสดงสีหน้าออกมา เพียงยิ้มแล้วตอบกลับว่า “นั่นมันเมื่อก่อนนี่คะ ฉันนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ถึงหกปี ตอนนี้ไม่ชินกับการดมควันบุหรี่พวกนี้แล้วแหละค่ะ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เปปเปอร์ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงขจัดความสงสัยในใจออกไป

ส้มเปรี้ยวเห็นว่าแววตาของเขาสงบลงเป็นปกติก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ยิ่งเกือบจะหลุดแล้วไหมล่ะ!

ถ้ารู้อย่างนี้เธอคงไม่เผาจดหมายเหล่านั้นทิ้งไปง่ายๆ หรอก ควรที่จะอ่านมันสักรอบหนึ่งก่อน เพื่อจะได้ไม่หลุดแบบนี้อีก

ในใจของส้มเปรี้ยวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ในไม่ช้าเธอก็จัดการกับอารมณ์ตนเองได้อย่างดี “อ้อ เปปเปอร์คะ ต่อจากนี้คุณยาสูบบุหรี่อีกเลยนะคะ มันไม่ดีต่อสุขภาพคุณ”

“ครับ” เปปเปอร์พยักหน้าตอบรับ

ส้มเปรี้ยวเข้าไปโอบกอดแขนของเขา “คุณนี่ดีจังเลยนะคะ”

ดีเหรอ?

เปปเปอร์ก้มหน้าลง ในสมองของเขามีคำพูดที่มายมิ้นท์พูดออกมาในงานแถลงข่าวมื้อเช้าผุดขึ้น

เนื่องจากเป็นเพราะเขามีอคติต่อเธอ จึงได้ใช้ความรุนแรงเย็นชากับเธอมาถึงหกปี

ตัวเขาแบบนี้ถือว่าดีเหรอ? เปปเปอร์รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย เขาดึงแขนตัวเองกลับมาน้ำเสียงเยือกเย็นลงกว่าเดิม “ส้มเปรี้ยว ผมอยากจะรู้จริงว่าเมื่อหกปีก่อนทำไมคุณถึงบอกกับมายมิ้นท์ว่าผมเป็นพี่ชายของคุณแต่ไม่ใช่แฟน?”

ถ้าในตอนนั้นเธอพูดความจริงออกไปบางทีเขาอาจจะไม่ได้ทำแบบนั้นกับมายมิ้นท์

เหมือนกับที่มายมิ้นท์พูดว่า ถ้าเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาและส้มเปรี้ยวคบกันอยู่ เธอก็คงจะไม่แต่งงานกับเขาหรอก แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทุกครั้งที่คิดว่ามายมิ้นท์ไม่อยากจะแต่งงานกับเขา ในใจลึกๆ ของเปปเปอร์ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

เมื่อส้มเปรี้ยวได้ยินเขาเอ่ยถามดังนั้น ดวงตาของเธอก็สั่นไหวแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะเปปเปอร์ ที่จริงฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่ตอนนั้นฉันยังเด็ก พ่อกับแม่ไม่อยากให้ฉันมีแฟน ฉันกลัวว่ารูมเมทรู้เรื่องแล้วจะพูดออกไปหลุดปาก ถ้าเรื่องไปถึงหูพ่อแม่ ฉันก็เลย……”

เธอก้มหน้าลงดึงเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “คุณจะด่าฉันก็ได้นะคะ”

เมื่อเห็นท่าทางของส้มเปรี้ยวที่น่าสมเพชแบบนั้น เปปเปอร์ก็ใจอ่อน เขาเอามือขึ้นลูบศีรษะเธอพูดว่า “เอาเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“เปปเปอร์ คุณไม่โกรธฉันแล้วเหรอ?” ส้มเปรี้ยวเงยหน้าขึ้นแล้วมองดูเขา

เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก “ครับ”

ส้มเปรี้ยวยิ้มแล้วเข้าไปกอดเขา ในมุมที่เขามองไม่เห็นใบหน้าของเธอแววตาคู่นั้นเป็นประกายอย่างมีเลศนัย

ที่จริงในตอนนั้นที่เธอพูดออกไปไม่ใช่เพราะว่ากลัวพ่อแม่จะรู้ว่าเธอมีแฟน พ่อแม่เธออยากจะให้เธอแต่งงานกับเปปเปอร์จะตายไป เพียงแต่เธอต้องการจะเล่นงานมายมิ้นท์เท่านั้น

ในตอนนั้นมายมิ้นท์อยากสารภาพรักกับเปปเปอร์ เธอจึงได้แกล้งบอกกับมายมิ้นท์ว่าเปปเปอร์เป็นเหมือนพี่ชาย เพราะเธอต้องการที่จะใช้ช่วงเวลาที่มายมิ้นท์ไปสารภาพรักต่อเปปเปอร์ ตอนนั้นเธอจะออกมาประกาศตัวว่าเธอถึงจะเป็นแฟนตัวจริงของเปปเปอร์ เธอจะทำให้มายมิ้นท์ต้องอับอายขายหน้า แต่คาดไม่ถึงว่าเธอยังไม่ทันรอจัดการมายมิ้นท์กลับเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นก่อน

เมื่อคิดได้ดังนี้ ส้มเปรี้ยวก็แค้นคนขับรถที่ชนเธอเหลือเกิน

หากไม่ใช่เพราะคนขับรถคนนั้น เธอน่าจะได้แต่งงานกับเปปเปอร์ไปนานแล้ว จะเหลือไว้ให้มายมิ้นท์เหรอ?

“อ้อ ส้มเปรี้ยวครับ มาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เปปเปอร์ผลักเธอออกไปอย่างนิ่มนวล

ส้มเปรี้ยวพยายามรวบรวมความคิดและกัดริมฝีปากพูดว่า “ขนมผิง คือ เปปเปอร์คะ คุณมายมิ้นท์จะฟ้องขนมผิง คุณช่วย……”

เปปเปอร์เข้าใจจุดประสงค์ของเธอในทันที สีหน้าของเขาดูมืดมนลงแล้วตอบว่า “ครั้งที่แล้วผมบอกกับคุณไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่าผมจะไม่ช่วยเธอ ต่อให้ทำเพื่อคุณแต่เธอก็ทำผิด การที่เธอมีสภาพแบบนี้นั้นก็เป็นเพราะเธอหาเรื่องเอง”

“ฉันรู้ค่ะ แต่การที่ขนมผิงต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ฉันเองก็ทำใจไม่ได้” ส้มเปรี้ยวถอนหายใจออกมา

เปปเปอร์สัมผัสไปที่ผมของเธอแล้วพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ แม้ว่าขนมผิงจะทำผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ใช่คดีร้ายแรงอะไร อย่างมากก็ถูกจับกุมตัวไว้ไม่กี่วันเท่านั้น”

ส้มเปรี้ยวพยักหน้า “ก็คงต้องให้เป็นไปตามนี้แหละค่ะ ครั้งนี้ขนมผิงหุนหันพลันแล่นเกินไป หวังว่าต่อจากนี้เธอจะระมัดระวังมากขึ้นสักหน่อย”

มองดูแล้วในครั้งนี้เปปเปอร์ไม่ตั้งใจจะเข้าไปช่วยจริงๆ ต่อให้เป็นเธอก็ไม่อาจจะหยุดการฟ้องของมายมิ้นท์ได้

ดูเหมือนว่าครั้งนี้ขนมผิงจะต้องเข้าคุกจริงๆ สินะ ช่วยไม่ได้นี่ รอให้ขนมผิงออกมาแล้วค่อยไปเกลี้ยกล่อมแล้วกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น ส้มเปรี้ยวก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งในห้องทำงานแล้วพูดว่า “เปปเปอร์คะ เดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“ครับ” เปปเปอร์พยักหน้า

ส้มเปรี้ยวเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาขนมผิง

ส่วนด้านขนมผิงที่นั่งรอฟังข่าวดีจากเธออยู่เห็นเบอร์โทรศัพท์ของเธอโทรมาจึงรับขึ้นด้วยความดีใจว่า “ส้มเปรี้ยว เป็นยังไงบ้าง ประธานเปปเปอร์ตอบตกลงจะช่วยฉันใช่ไหม?”

ส้มเปรี้ยวส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ขนมผิง เปปเปอร์ไม่ตกลงช่วย ฉันขอโทษนะ ฉันพยายามที่สุดแล้ว”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้……” ขนมผิงราวกับถูกสายฟ้าฟาดร่างของเธอสั่นไหวจนแทบจะเป็นลมล้มลง

ประธานเปปเปอร์ไม่ช่วยเธอ!

แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ?

“ขนมผิง……”

ส้มเปรี้ยวยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากในสายของขนมผิง

ขนมผิงวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วตะโกนไปทางประตูว่า “ใคร?”

“เจ้าหน้าที่จากทางคอนโดครับ” คนด้านนอกตอบกลับมา

ขนมผิงก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก เธอเดินไปเปิดประตูแต่พบว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของทางคอนโดแต่อย่างใด กลับเป็นตำรวจในเครื่องแบบสองคน

เธอหลงกลเข้าแล้ว!

ขนมผิงรู้ว่าทั้งสองคนจะมาจับเธอไป ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความหวาดกลัว และกำลังจะปิดประตูลงโดยสัญชาตญาณ

แต่ตำรวจทั้งสองคนได้เข้ามาจับประตูเอาไว้ หนึ่งในนั้นหยิบเอกสารประจำตัวออกมาแสดงให้ขนมผิงดู “สวัสดีครับ คุณขนมผิง มีผู้ร้องทุกข์คนหนึ่งชื่อว่าคุณมายมิ้นท์แจ้งความจับคุณในข้อหาทำลายชื่อเสียงของผู้อื่น เชิญคุณไปกับพวกเราด้วย”