ตอนที่ 375

The Divine Nine Dragon Cauldron

ยู่หลิงที่ใต้ลานประลองส่ายหน้า

 

“ลืมซะเถอะ เจ้าอาจจะเอาชนะข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วเจ้าจะไปชนะเว่ยฉีหลินได้ยังไง”

 

นางยอมรับว่าซือหยูมีพรสวรรค์อันน่าตกใจ ธนูของเขานั้นเป็นดั่งของขวัญจากสวรรค์ แม้คนที่แข็งแกร่งอย่างหลิวลี่ก็พ่ายแพ้ในศรเดียว แต่เมื่อได้เห็นความว่ากลัวของเว่ยฉีหลินด้วยตัวเอง ยู่หลิงจึงไม่คิดว่าซือหยูจะมีหวัง

 

หลายคนยอมรับตามที่นางพูด เพราะในท้ายสุด พลังของอาวุธก็เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของยอดฝีมือเท่านั้น ถ้าซือหยูอยากจะเอาชนะเว่ยฉีหลิน เขายังต้องไปอีกไกล

 

แต่ซือหยูนั้นสีหน้าเรียบเฉิย เขาเหลือบมองยู่หลิงอย่างไร้อารมณ์

 

“แม้จะพลังต่ำต้อย ผู้คนก็ต้องลงแรงให้จงหนักเสียหลายเท่า แต่ถ้าจิตใจตั้งมั่นว่าต้องพ่ายแพ้ คนผู้นั้นก็จะแพ้ไปตลอดกาล”

 

ในความคิดของยู่หลิง เว่ยฉีหลินนั้นเป็นคนที่นางจะไม่มีหวังได้เอาชนะ นางไม่คิดจะต่อสู้ นางจะไม่มีวันก้าวข้ามเว่ยฉีหลินได้อีกตลอดไป นางเยาะเย้ยซือหยูไม่ได้

 

“ไม่ต้องฝืนใจเย็นอยู่หรอก หลังจากที่สู้กับเขาแล้วเจ้าก็จะรู้เองว่าเจ้ามันก็แค่ดีแต่พูด!”

 

“เจ้ามันเกิดเยียวยาแล้ว ยู่หลิง”

 

ซือหยูส่ายหน้าเบาๆและไม่สนใจนางอีก

 

เว่ยฉีหลินยืนมือไพล่หลังและไม่สนใจคำพูดจาหยาบคายของซือหยู

 

“ถ้าเจ้าอยากจะสู้กับข้า…”

 

“ก็มาหาข้าสิ”

 

ซือหยูยืนมือไพล่หลังอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้พุ่งเข้าไปโจมตีในทันที

 

“ฟื้นพลังวิญญาณของเจ้าซะ”

 

“ข้าไม่ชอบฉวยโอกาสต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียว”

 

หลังจากที่ต่อสู้กับซงหลวน เว่ยฉีหลินหน้าซีดเล็กน้อย เขาใช้พลังไปค่อนข้างมาก

 

“ไม่จำเป็น พลังวิญญาณและกำลังของข้าในตอนนี้เกินพอที่จะเอาชนะเจ้า”

 

เว่ยฉีหลินส่ายหน้าและเริ่มโจมตีก่อน

 

“ทลายเกราะ!”

 

เขาเหวี่ยงมือและปล่อยเงาหมัดใส่ซือหยู

 

เขาใช้ทวิลักษณ์ในการโจมตีแรก ดูเหมือนว่าเขาอยากจะจบการต่อสู้โดยเร็ว

 

ซือหยูยังคงเรียบเฉย เขาเรียกธนูออกมาและง้างศรวิญญาณ เขาปล่อยมือส่งศรวิญญาณพุ่งไปข้างหน้า ท้องนภาสั่นคลอน

 

ปั้ง–

 

เงาหมัดหายไป ศรวิญญาณของซือหยูก็หายไปเช่นกัน วิชาธนูของซือหยูนั้นเทียบได้กับทวิลักษณ์ของเว่ยฉีหลิน

 

“ข้าจะนับว่าเจ้ารับข้าได้สองกระบวนท่า”

 

เว่ยฉีหลินพูดและยกมือขึ้น

 

“นี่จะเป็นกระบวนท่าที่สาม เจ้าจะลงจากลานประลองไปก็ได้”

 

เขาสะบัดแขนเบาๆ

 

“ทลายอสูร!”

 

เงาฝ่ามือที่แข็งแกร่งและใหญ่ยิ่งกว่าเดิมก่อตัวขึ้น ธนูเงินทำอะไรไม่ได้แน่

 

พรึ่บ–

 

ซือหยูเก็บธนูกลับไปโดยไม่ลังเล

 

เว่ยฉีหยินพูดอย่างไม่แยแส

 

“สามกระบวนท่า เจ้าก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด”

 

หลายคนคิดว่าซือหยูยอมแพ้อย่างที่เว่ยฉีหลินคิด

 

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ–

 

ในตอนนั้นเอง ทุกคนได้ยินเสียงสายฟ้าปะทุลั่น สายอัสนีออกมาทางรูขุมขนของซือหยูปกคลุมทั่วร่าง มันกลายเป็นชั้นเกราะสีม่วง และยังมีสายฟ้าเล็กๆสามร้อยสายร่ายรำอยู่บนดัชนีของเขา มันปะทุรังสีพลังที่ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ

 

“ดัชนีพันสายฟ้า!”

 

ซือหยูยกดัชนีและเล็ง สายฟ้าสามร้อยสายคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ในระยะสองลี้ ยอดฝีมือทุกคนรู้สึกได้ถึงไฟฟ้าอ่อนๆที่กระจายทั่วในอากาศ ร่างกายของพวกเขาเริ่มเป็นอัมพาต

 

นอกจากความตกใจ ทุกคนต้งปล่อยพลังวิญญาณออกมาขัดขวางสายฟ้าที่พยายามจะเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา

 

“นั่นมันสายฟ้าอะไรกัน!”

 

“หรือว่าจะเป็นวิชาสายฟ้าที่เขาเพิ่งจะบรรลุพลังเมื่อครู่? นี่มันมากเกินไปแล้ว!”

 

“ตั้งแต่เมื่อใดกันที่วิชาอำมฤตระดับสองมีอำนาจเช่นนี้?”

 

สายฟ้าหลากสีเปล่งประกายราวกับภาพลวง มันสาดแสงส่องทั้งลานประลอง ซือหยูเล็งดัชนี สายฟ้าที่ปลายดัชนีกลายเป็นวงแหวนกระจ่างที่มีห้าสีพุ่งออกไป

 

ฟึ่บ–

 

หมัดที่พุ่งเข้ามาหายไปในทันที! และพลังของวงแหวนทั้งห้าก็มิได้ลดลง มันกลับพุ่งตรงไปยังเว่ยฉีหลิน

 

“แข็งแกร่งนัก!”

 

เว่ยฉีหลินสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย

 

“งั้นก็เอาไปอีกครั้ง! ทลายอสูร!”

 

สี่กระบวนท่า! หมัดที่ใหญ่กว่าเดิมสองเท่าพุ่งเข้าใส่ซือหยู

 

การโจมตีทั้งสองปะทะกัน แต่เสียงของสายฟ้าก็ยังดังก้องพร้อมกับเงาหมัดที่หายไป! วงแหวนอัสนีเบาลงเล็กน้อยแต่ก็ยังมีพลังหลงเหลืออยู่เจ็ดในสิบส่วน!

 

เว่ยฉีหลินสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม เขาตกใจเล็กน้อย แม้วงแหวนอัสนีจะทำให้สองกระบวนท่าของเขาสลายไป แต่มันก็ยังเหลือพลังมากเช่นนั้น!

 

“พลังของเจ้านับว่ายอมรับได้ แต่มันจะจบตรงนี้! ลักษณ์ห้า ทลายเทพ!”

 

เงาหมัดใหญ่เท่าภูเขาปกคลุมครึ่งลานประลอง เงาหมัดพุ่งเข้าใส่ซือหยูราวกับหวังจะฝังซือหยูทั้งเป็น

 

ต่อหน้าพลังเช่นนี้ วงแหวนอัสนีถือว่าเล็กเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมันปะทะกัน หมัดที่ใหญ่ราวภูเขาก็หยุดลง!

 

จากนั้นหมัดก็พุ่งกระแทกกับพื้นสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง! ส่วนวงแหวนทั้งห้าที่อ่อนกว่าเดิมมากที่ไหลออกจากส่วนรอยแยกและพุ่งเข้าใส่เว่ยฉีหลิน

 

เว่ยฉีหลินตกใจอย่างมาก เขารีบป้องกันตัว แต่เขาก็ไม่คิดว่าห้าลักษณ์ของเขาจะถูกทำลายอย่างง่ายดายเช่นนี้! เขาคิดจะจบการต่อสู้ในกระบวนท่านี้แต่กลับต้องประหลาดใจ! วงแหวนทั้งห้าซัดเข้าใส่ร่างของเขา

 

ในตอนี้ วงแหวนทั้งห้าได้กลายเป็นอัสนีเพลิงแผดเผาร่างของเขา นั่นทำให้ลำตัวของเขาไหม้เกรียม และสายฟ้าก็สร้างแรงระเบิดจนเขากระเด็น

 

เว่ยฉีหลินกรีดร้องและรู้สึกถึงของเก่าในลำคอ เขาถอยไปเก้าครั้งและเกือบจะตกจากลานประลอง ใบหน้าทั้งเจ็บปวดและตกตะลึง เขาพ่ายแพ้จริงๆ! เขาที่เอาชนะศัตรูได้ในห้ากระบวนท่ากลับแพ้ในกระบวนท่าที่ห้า!

 

ยอดฝีมือแห่งยุคในทวีป นอกจากเฉินคงแล้วก็ไม่มีใครเอาชนะเขาได้ ซือหยูเป็นเพียงคนเดียว และซือหยูยังเอาชนะเขาจากกระบวนท่าที่ห้า!

 

รอบลานประลองเงียบกริบ! จ้าววิหคเพลิงยิ้มมุมปากราวกับคาดไว้แล้ว คนที่เหลือล้วนตกตะลึง เว่ยฉีหลิน ยอดฝีมือลำดับสองแห่งทวีป ที่เอาชนะศัตรูทุกคนได้ในห้ากระบวนท่า…พ่ายแพ้!

 

ยู่หลิงหายใจหอบด้วยความตกใจ! นางมองว่าซือหยูอาจจะอ่อนแอกว่านาง แต่เขากลับเอาชนะเว่ยฉีหลินที่เอาชนะนางได้ในสองกระบวนท่า! ความแตกต่างเช่นนี้ทำให้ยากที่นางจะยอมรับ

 

เจียงมู่เฟยเบิกตากว้าง

 

“เจ้าเด็กนั่นจะไม่ซ่อนเร้นพลังมากเกินไปหน่อยรึ? เขาแข็งแกร่งกว่าพี่ซงหลวนอีกรึ?”

 

ในตอนนี้ทุกคนไม่ได้มองซือหยูแบบเดิมอีกแล้ว พวกเขาไม่เข้าใจในตอนที่จ้าววิหคเพลิงจัดลำดับให้เขาอยู่เหนือหลิวลี่! เหนือกว่าซงหลวนรึ? มันจะเป็นไปได้ยังไง? แล้วยังเหนือกว่าเว่ยฉีหลิน? พวกเขามิอาจเข้าใจเรื่องเช่นนี้ได้! แต่ในตอนนี้พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าจ้าววิหคเพลิงมีสายตากว้างไกลเพียงใด!

 

ในบรรดายอดฝีมือทั้งห้าที่อยู่ในจุดสูงสุด ซือหยูคู่ควรที่จะเป็นลำดับสอง ทุกคนเริ่มนับถือซือหยูจากก้นบึ้งของหัวใจ ในทวีปแห่งนี้ นอกจากเฉินคง…ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว! และเขายังมีอายุแค่สิบเจ็ดปี! สมกับที่เขาเป็นตำนานยอดฝีมือ! ไม่มีใครคิดได้เลยว่าเขาจะเติบโตอย่างน่ากลัวเพียงใดในภายภาคหน้า!

 

เหล่าคนดูนับหมื่นจับจ้องไปที่ซือหยู ซือหยูนั้นไม่สนใจและเหลือบมองเว่ยฉีหลิน

 

“สองกระบวนท่าเท่านั้น”

 

กระบวนท่าแรกคือธนูมังกรฟ้าดิน ส่วนกระบวนท่าที่สองคือดัชนีพันสายฟ้า ซือหยูใช้แค่สองกระบวนท่าในการเอาชนะเว่ยฉีหลิน!

 

เว่ยฉีหลินได้สติจากความตกใจ จิตใจของเขาเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ ในชีวิตนี้ เขาเพียงแค่มองเฉินคงเป็นศัตรูที่ไร้เทียมทานเท่านั้น แต่เขากลับถูกคนที่อายุน้อยกว่าไล่ตามทันและเอาชนะเขาในสองกระบวนท่า!

 

ซือหยูละสายตาจากเว่ยฉีหลินและมองไปทางเฉินคงที่ยืนมือไพล่หลัง

 

“เฉินคง เหลือเจ้าแค่คนเดียวแล้ว!”

 

ซือหยูมองเขาด้วยจิตสังหาร

 

เฉินคงคือตำนานที่ยืนอยู่เหนือผู้คนหลายร้อยล้านคน เขาคือผู้คุมสวรรค์แห่งทวีป เขาคืออนุสรณ์ที่ยากจะลบเลือนไปจากจิตใจของเหล่ายอดฝีมือนับไม่ถ้วน เขาคือราชาผู้อยู่เหนือยอดฝีมือทั้งมวล!

 

เฉินคง ราชาแห่งผู้คุมสวรรค์! จักรพรรดิที่มิอาจก้าวข้าม! ยอดฝีมือหลายล้านคนพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะไล่ตามเขา แต่ก็ไม่มีใครก้าวข้ามเขาได้เลย

 

การเกิดในยุคเดียวกับเขานั้นนับเป็นฝันร้ายของเหล่ายอดฝีมือ! คนที่แข็งแกร่งอย่างเว่ยฉีหลินนั้นเป็นที่รู้จักว่าเอาชนะทุกคนได้ในห้ากระบวนท่า กระบี่ปีศาจซงหลวนที่เริ่มสร้างดวงใจกระบี่ได้เป็นคนแรก แต่ละคนล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวีป พวกเขานั้นอยู่เหนือกาลเวลาของเหล่าผู้คนในอดีต แต่เมื่อมาอยู่ในยุคที่มีเฉินคงอยู่ด้วย พวกเขาเริ่มไร้ตัวตน

 

นั่นคือความโศกเศร้าที่มิอาจอธิบายได้ด้วยคำพูด และคนที่ซือหยูอยากจะต่อสู้เและเอาชนะด้วยก็คือราชาผู้นี้ ราชาแห่งยอดฝีมือ!

 

มู่เทียนฟางประทับใจ ซือหยูเอาชนะมาจนถึงเฉินคงได้จริงๆ! แต่เมื่อนางมองจ้าววิหคเพลิง นางก็เงียบลง อาจารย์ของนางนั้นมีการตัดสินที่ยอดเยี่ยมและมองเห็นล่วงหน้า นางตัดสินลำดับของซือหยูกับซงหลวนได้โดยไร้ข้อผิดพลาด

 

นั่นก็หมายความว่าการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้นของซือหยูนั้นไม่ได้อยู่เหนือการคาดการณ์ของนาง นั่นหมายความว่าซือหยูแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ต่อสู้ มันถูกลิขิตแล้วว่าเซี่ยนเอ๋อมิได้เป็นของเขา ความปรารถนาที่จะได้พบนางด้วยตัวเองได้กลายเป็นหมอกควันกระจัดกระจาย

 

ทุกคนกลั้นหายใจและรอให้ราชาผู้คุมสวรรค์ลงมือ เขาจะเอาชนะในกระบวนท่าเดียวดั่งคำร่ำลือหรือไม่?

 

เฉินคงหัวเราะ เขาหัวเราะอย่างไม่สนใจสิ่งใด ราวกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิที่นั่งอยู่จุดสูงสุด เขาก้มลงมองดูทุกสิ่งที่ล้วนต่ำต้อยกว่าเขา เขามองดูความเป็นความตายของเหล่าผู้คนด้วยรอยยิ้ม เขาคือราชาที่มีอำนาจต่อจิตใจทุกคน

 

“มันตลกนักรึ?”

 

คำถามของซือหยูทำลายความเงียบ

 

ในสายตาของทุกคน เฉินคงนั้นเพียงหัวเราะ และซือหยูมั่นใจในตัวเองเกินไป

 

เฉินคงส่ายหน้าและหัวเราะต่อไป

 

“มิได้…”

 

“ข้าก็แค่หัวเราะที่พวกเจ้ามันช้านัก! ในการต่อสู้อันน่าเบื่อนั่น พวกเจ้าจะใช้เวลานานเกินไปแล้ว!”

 

นานงั้นรึ? ไม่เลย! การต่อสู้ของพวกเขาสี่คนนั้นตัดสินในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น มันไม่ช้าเลยแม้แต่น้อย

 

แต่ในสายตาเฉินคงมันก็ยังคงเชื่องช้า เพราะการประลองเหล่านั้นสำหรับเขาล้วนไร้ความหมาย

 

ซือหยูใจเย็นอย่างประหลาด

 

“เจ้าไม่ต้องห่วง มันจะจบในไม่นาน!”

 

เขาคงใช้ไม่กี่กระบวนท่าสู้กับเฉินคง หลังจากนั้นก็คงจะเห็นผลแพ้ชนะ!

 

เฉินคงยิ้ม

 

“แน่ล่ะว่ามันต้องเร็ว! แต่มันก็ยังเร็วได้ยิ่งกว่านี้อีก! พวกเจ้าสามคนจะร่วมมือกันก็ได้ ข้าจะจบให้ในไม่นาน”

 

ไม่มีใครคิดว่าคำพูดของเฉินคงนั้นโหดร้าย ราวกับเป็นธรรมดาที่เฉินคงจะพูดแบบนั้น

 

ร่วมมือกันรึ?

 

เว่ยฉีหลินเงียบอยู่ชั่วครู่ เขาที่ทั้งทะเยอทะยานและเย่อหยิ่งไม่ปฏิเสธ เขาหันไปมองซงหลวนกับซือหยู

 

“ถ้าหากพวกเราไม่ร่วมมือกัน”

 

“ก็ไม่มีใครทนเขาได้ถึงหนึ่งกระบวนท่า ถ้าช่วยกันก็ยังมีโอกาสรับได้หนึ่งกระบวนท่า!”

 

เว่ยฉีหลินที่อยู่ใต้เฉินคงนั้นนับถือในพลังเฉินคงอย่างมกา

 

ซงหลวนหัวเราะเบาๆ

 

“ข้าเอาด้วย! ข้าก็ปรารถนาจะมองดูตำนานกระบวนท่าเดียวเช่นกัน!”

 

ทั้งสองมองไปยังซือหยู แต่พวกเขากลับเห็นซือหยูถอยไปหนึ่งก้าว

 

“ข้าจะสู้กับเขาด้วยตัวคนเดียวเท่านั้น!”

 

ซือหยูพูดอย่างหนักแน่น

 

ถ้าเขาชนะ เขาจะต้องชนะอย่างผ่าเผย เขามิอาจยอมรับการร่วมมือกันเอาชนะเฉินคงต่อหน้าเซี่ยนเอ๋อได้

 

“ฮ่าๆๆๆ! นั่นมันอะไรกัน”

 

เฉินคงหัวเราะและส่ายหน้า และก้าวไปข้างหน้า

 

“เช่นนั้นเจ้าสองคนก็เริ่มก่อนเถอะ”