เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1204 เป็นไปไม่ได้

แปลโดย iPAT

เย่หลิวชุนซิงหวาดกลัวมาก เขาเร่งล่าถอย

“ไร้ยางอายนัก!” เขาสาปแช่งการกระทำของฟางหยวน การกระทำทั้งหมดของฟางหยวนทำให้เขาต้องนิยามคำว่าไร้ยางอายใหม่อย่างสมบูรณ์

โชคดีที่เย่หลิวชุนซิงสามารถตอบสนองได้ทันเวลา

หนึ่งคนไล่ หนึ่งคนหนี

ระยะห่างระหว่างฟางหยวนกับเย่หลิวชุนซิงลดลงอย่างรวดเร็ว

กลุ่มผู้อมตะกลั้นหายใจ

เย่หลิวเสี่ยวจินลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตามเย่หลิวซุ้ยหงยังนั่งอยู่ เขาเข้าใจความสามารถของเย่หลิวชุนซิงเป็นอย่างดี

‘ดังนั้นเขาก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล’ ชูตู๋คิด

‘มังกรดาบบรรพกาลมีศักยภาพต่ำกว่าสุนัขกลืนสวรรค์ของข้า…’ หวังอู่หมิงกัดฟันแน่น

‘ในที่สุดเขาก็ลงมือ!’ นี่คือสิ่งที่ผู้อมตะหลายคนคิด

“ไป!”

ทันใดนั้นเย่หลิวชุนซิงที่กำลังล่าถอยกลับผลักฝ่ามือออกไปข้างหน้า

ดวงดาวสีน้ำเงินพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนราวกับดาวตก

ฟางหยวนคำรามก่อนที่มังกรดาบบรรพกาลจะสะบัดร่างกายกลางอากาศหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

เมื่อเห็นฉากเหตุการณ์นี้ช่วยไม่ได้ที่ผู้อมตะบางคนจะรู้สึกชื่นชมฟางหยวนอยู่ในใจ พวกเขารู้สึกว่าฟางหยวนมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในการเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาล

หลังจากทั้งหมดการเคลื่อนไหวของฟางหยวนทำให้เขาเหมือนมังกรดาบบรรพกาลที่แท้จริง

“ปัง!”

แทบจะในเวลาเดียวกันที่ฟางหยวนสะบัดหางมังกรกระแทกดวงดาวที่เขาเคลื่อนผ่านมา

มังกรดาบบรรพกาลฟางหยวนมีหางที่ทรงพลังหากเปรียบเทียบกับกรงเล็บ มันสามารถทำลายผลึกหมึกดำ แล้วดวงดาวเล็กๆเช่นนี้จะสามารถรับมือมันได้อย่างไร

การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกประหลาดใจ

เขามีความสุข ‘วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ข้ามอบให้หลิวกวนซื่อบันทึกฉากการต่อสู้ทั้งหมดของเย่หลิวชุนซิงเอาไว้ ดังนั้นหลิวกวนซื่อจึงไม่ปล่อยให้เย่หลิวชุนซิงสร้างดวงดาวจำนวนมาก เพราะยิ่งมีดวงดาวมากเท่าใด เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถเอาชนะการต่อสู้ห้ารอบ’

เย่หลิวชุนซิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นฟางหยวนตอบสนองอย่างชาญฉลาด

เขาเร่งล่าถอย

ในเวลาเดียวกันเขายังผลักฝ่ามือและส่งดวงดาวออกมาอีกครั้ง

“ปัง ปัง ปัง…”

ฟางหยวนใช้กรงเล็บและหางทำลายดวงดาวทั้งหมด

เขาไม่เปิดโอกาสให้เย่หลิวชุนซิงสามารถสะสมพลังงานใดๆ

ทันทีที่ดวงดาวถูกส่งออกมา พวกมันก็จะถูกทำลายกลายเป็นฝุ่นผงกระจัดกระจายอยู่ในอากาศ

เกล็ดมังกรดาบบรรพกาลสีเงินส่องสะท้อนแสงอาทิตย์ขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและสร้างฉากที่งดงามขึ้น

แต่ชูตู๋กลับเริ่มขมวดคิ้ว

ฟางหยวนเลือกทำลายดวงดาวอย่างชาญฉลาดแต่ด้วยวิธีนี้ความเร็วของเขาจึงลดลง

ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองยังไม่ถูกเติมเต็ม

ข้อได้เปรียบของการลอบโจมตีก่อนหน้าหายไปแล้วในเวลานี้

เย่หลิวชุนซินสามารถตั้งตัว

เขาตะคอกและเริ่มส่งดวงดาวจำนวนมากออกไปรอบๆ

ฟางหยยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มีสองทางเลือกอยู่ตรงหน้าเขา

หากเขาพุ่งตรงเข้าหาเย่หลิวชุนซิง ฝ่ายหลังจะสามารถสะสมดวงดาว หากฟางหยวนเลือกทำลายดวงดาว เย่หลิวชุนซิงจะมีเวลาวางแผนการต่อสู้

ฟางหยวนลังเล

เมื่อเห็นสิ่งนี้ชูตู๋ขมวดคิ้วลึกขณะที่เย่หลิวซุ้ยหงเผยรอยยิ้มและเริ่มจิบสุรารสเลิศ

ความลังเลของฟางหยวนทำให้เขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้วและตอนนี้มีดวงดาวมากมายอยู่ในสนามรบ

เย่หลิวชุนซิงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ฟางหยวนถูกล้อมกรอบด้วยดวงดาวจำนวนมาก

เย่หลิวชุนซิงผ่อนคลายลงแต่เขายังส่งดวงดาวออกมาอย่างต่อเนื่อง

“หลิวกวนซื่อ เจ้าทำตัวหยิ่งผยองและโอ้อวดตนเองอย่างไร้ยางอาย แต่แท้จริงแล้วเจ้ากลับไร้ความสามารถ”

“แผนการของเจ้าค่อนข้างลึกล้ำ เจ้ายั่วยุคู่ต่อสู้ เจ้าเกือบทำให้ทุกคนคิดว่าเจ้าเก่งกาจ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อหลายปีก่อน”

“ไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้าแก้ไขจุดอ่อนของท่าไม้ตายของข้ามาตลอด แม้มันจะค่อนข้างอ่อนแอในช่วงแรก แต่วิธีการของเจ้ายังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งข้า”

“ตอนนี้เจ้าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร?”

เสียงคำรามของมังกรดังขึ้น ฟางหยวนสะบัดหางและใช้กรงเล็บทำลายดวงดาวที่อยู่รอบๆ

มังกรดาบบรรกาลมีพลังและความเร็วที่น่าประทับใจ แต่น่าเสียดายที่ผู้ชมตระหนักว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ฟางหยวนโจมตีอย่างดุเดือดแต่เย่หลิวชุนซิงที่อยู่ห่างออกไปยืนมองอย่างสะดวกสบาย

เมื่อเวลาผ่านไปดวงดาวจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเย่หลิวชุนซิง

“หลิวกวนซื่อแพ้แล้ว!” หวังอู๋หมิงกล่าว

เซี่ยอู่เหิงไม่ได้พูดแต่คิด ‘ผู้อาวุโสหลิวกวนซื่ออยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสห่าวเจิ้นและผู้อาวุโสเชาเหลาอู๋ แต่เขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเย่หลิวชุนซิง’

ชูตู๋ขมวดคิ้วลึก ความสามารถที่ฟางหยวนแสดงออกมาไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของเขา แต่เขารู้สึกว่าฟางหยวนยังมีความมั่นใจ ดังนั้นชูตู๋จึงเลือกที่จะเฝ้ามองต่อไป

เย่หลิวเสี่ยวจินหัวเราะเสียงดังอยู่ที่ประตูทางเข้าวังตะวันตก เขาตะโกน “หลิวกวนอันใด เหตุใดเจ้าไม่โอ้อวดต่อไป เจ้าบอกว่าท่านชุนซิงไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจ้ามิใช่หรือ? เจ้าบอกว่าการต่อสู้กับเขาเป็นการลดเกียรติของเจ้ามิใช่หรือ? แล้วตอนนี้เจ้ากำลังทำสิ่งใด? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเก่งแต่ปาก!?”

มังกรดาบบรรพกาลคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ

เมื่อตระหนักถึงความโกรธเกรี้ยวของฟางหยวน เย่หลิวเสี่ยวจินก็หัวเราะอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชูก็เพียงเท่านี้”

“กล่าวอย่างยุติธรรม เขาก็มีความสามารถอยู่บ้าง”

“แต่นั่นยังไร้ประโยชน์!”

“ความลังเลของหลิวกวนซื่อก่อนหน้านี้เป็นข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ขณะที่เย่หลิวชุนซิงสามารถฉวยโอกาสได้อย่างยอดเยี่ยม”

“เป็นเรื่องธรรมดา นิกายชูคือสิ่งใด? พวกเขาจะสามารถเปรียบเทียบกับกองกำลังตระกูลฮวงจินได้อย่างไร? ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของพวกเขามีความสามารถเพียงเท่านี้ กระทั่งชูตู๋ก็ยังตัดสินใจผิดพลาด”

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะดื่มสุราอย่างมีความสุขอยู่ในวังตะวันตก

เย่หลิวซุ้ยหงลูบเคราและเผยรอยยิ้มสดใส แต่เขายังไม่ลืมที่จะกล่าวเตือนเย่หลิวชุนซิง “ระวัง ลมหายใจมังกรเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกรดาบบรรพกาล ถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้มันออกมาแม้แต่ครั้งเดียว”

เย่หลิวชุนซิงพยักหน้าเล็กน้อย

แม้จะไม่มีคำเตือนของเย่หลิวซุ้ยหง เขาก็ระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ตัดสินด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวแต่ยังรวมถึงสภาพจิตใจระหว่างการต่อสู้อีกด้วย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่หลิวชุนซิงที่พ่ายแพ้ตงฟางชางฟานมาตลอดจะมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนและก้าวข้ามความพ่ายแพ้มานับครั้งไม่ถ้วน

รากฐานของเขามั่นคงมาก

เย่หลิวชุนซิงไม่ได้ล่าถอยอีกเพราะตอนนี้เขายืนอยู่ที่ขอบสนามรบและค่อนข้างห่างไกลจากฟางหยวน

เย่หลิวชุนซิงมองดวงดาวที่โคจรอยู่รอบๆและคิด ‘ข้ามีดวงดาวนับร้อยปกป้องอยู่ กระทั่งชูตู๋จะมาด้วยตนเอง ข้าก็ยังสามารถต่อต้านเขาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วหลิวกวนซื่อเป็นผู้ใด? ตงฟางชางฟาน แม้เจ้าจะจากไปแล้วแต่ขอให้ข้ารักษาชื่อเสียงของหมื่นหิ่งห้อยดาราเอาไว้ หลังจากทั้งหมดท่าไม้ตายของข้าก็เกิดจากการได้รับคำแนะนำของท่าน’

ในขณะที่ผู้คนทั้งหมดรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งถูกตัดสินแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติระดับเจ็ด

มังกรดาบบรรพกาลเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งดาบที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบจำนวนมากอยู่บนร่างกาย นอกจากนั้นฟางหยวนยังใช้วิญญาณอมตะคิ้วดาบเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบให้กับตนเองอยู่เสมอ ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบของเขาจึงบรรลุถึงระดับหนึ่งหมื่นร่องรอยไปแล้ว

หนึ่งพันร่องรอยสามารถเพิ่มพลังให้กับวิญญาณอมตะสองเท่า

หนึ่งหมื่นร่องรอยสามารถเพิ่มพลังให้กับวิญญาณอมตะสิบเท่า!

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พลังของมันกระทั่งเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า!

ในเวลาเดียวกันยังต้องบวกความเร็วดั่งเดิมของมังกรดาบบรรพกาลเข้าไปด้วย

มังกรดาบบรรพกาลไม่มีวิธีโจมตีระยะไกลที่รุนแรงแต่การระเบิดความเร็วของมันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ

มังกรดาบบรรพกาล วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ และร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอย ทั้งหมดทำให้ฟางหยวนหายไปจากตำแหน่งเดิมของเขาทันที

ก่อนที่ทุกคนจะสามารถตอบสนอง เขาก็บินผ่านสนามรบและปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเย่หลิวชุนซิงเรียบร้อยแล้ว

เย่หลิงชันซิงยังเผยรอยยิ้มมั่นใจในชัยชนะของตนแต่ในเสี้ยวพริบตาต่อมารูม่านตาของเขากลับหดเล็กลดด้วยความตกใจอย่างที่สุด

เขามีเพียงหนึ่งความคิดที่เกิดขึ้นในใจ

‘เป็นไปไม่ได้!’

และนี่คือความคิดสุดท้ายในชีวิตของเย่หลิวชุนซิง