บทที่ 1384+1385 (1)

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1384+1385 (1) Ink Stone_Romance

บทที่ 1384 ท่านทำให้นางตกใจจนผวาไปแล้ว!

กู้ซีจิ่วเข้าใจแล้ว เขาเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ ประตูที่เปิดจะแตกต่างกับเธอเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก ประตูที่เขาเปิดดูเหมือนจะมีแสงสีรุ้งด้วย…

เธอไม่พูดอะไรอีก ยื่นมือออกมาช้าๆ กอดเอวเขาไว้ ซบหน้ากับอกเขา หลับตาฟังเสียงหัวใจของเขา

หัวใจเขาเต้นมั่นคงยิ่งนัก ทำให้ใจคนสงบมั่นคง

เธอยังข้องใจอยู่นิดหน่อย “ข้าจำได้ว่ายามที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ท่านได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้หายดีแล้วหรือ?”

ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ “บาดแผลเล็กน้อย สำหรับข้าไม่นับว่าเป็นอันใด โอสถไม่กี่เม็ดก็จัดการได้แล้ว วางใจเถอะ”

เขาไม่คิดจะบอกว่าก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ด้านใน เขารับเอาไอพิฆาตส่วนใหญ่จากร่างสัตว์ร้ายทั้งสี่มา ค่อยๆ สลายไอพิฆาตบนร่างของพวกมัน นี่ถึงทำให้ทุกคนไม่ถึงขั้นถูกไอพิฆาตกดทับให้ล้มคว่ำไป จนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้

สัตว์ร้ายบรรพกาลเหล่านี้ต่อกรด้วยตัวสองตัวยังพอว่า ทว่ามาทีเดียวสี่ตัว ทำให้เขาค่อนข้างปวดหัวอยู่บ้าง

หากว่าเขาอยู่สภาพสมบูรณ์พร้อม อย่าว่าแต่สี่ตัวเลย ต่อให้มาทีเดียวแปดตัวก็มีแต่จะถูกเขาทุบตีจนกระเจิงไป แต่ตอนนี้…

ตอนนี้อาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ยากจะหลีกเลี่ยงได้แล้ว

โชคดีที่อาการบาดเจ็บนี้ไม่หนักหนา เขาปรับลมปราณครู่เดียวก็ฟื้นฟูได้แล้ว

คนทั้งสองแอบอิงกันอยู่ตรงนั้นไม่มีใครพูดไปพักหนึ่ง กู้ซีจิ่วที่ง่วงงุนอย่างหนัก ยามนี้โล่งอกแล้ว ซ้ำยังอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก ความง่วงเข้าครอบงำ ผล็อยหลับไปด้วยความงุนงง

ตี้ฝูอีหลุบตามองนางอยู่ตลอด ไม่ขยับเขยื้อนและไม่พูดไม่จา ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่

หลัวจั่นอวี่เดินเข้ามา มองน้องสาวที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนเขา แล้วมองตี้ฝูอี “นางถลำตัวลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ท่านจะผิดต่อนางไม่ได้เด็ดขาด! ข้ายังไม่เคยเห็นนางคลุ้มคลั่งเหมือนเมื่อครู่มาก่อน!”

แขนของตี้ฝูอีที่โอบกอดนางไว้พลันรัดแน่น จากนั้นก็เงยหน้ามองหลัวจั่วอวี่ “เจ้าเป็นพี่ชายของนาง ภายหน้าก็ต้องดูแลนางให้มากหน่อย ตัวนางอันที่จริงแล้ว…อ่อนไหวยิ่งนัก…”

หลัวจั่นอวี่ร้องเฮอะคราหนึ่ง “นั่นมันแน่อยู่แล้ว นางเป็นน้องสาวของข้าข้าย่อมเห็นนางเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า!”

เขายังไม่พอใจอยู่บ้าง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้าเห็นท่านเปิดประตูได้ง่ายดายยิ่งนัก แล้วเหตุใดท่านยังให้นางทำงานหนักถึงเพียงนั้นอีก! ท่านจะเอาเปรียบนางหรือ?”

ตี้ฝูอีมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน “ท้ายที่สุดแล้วนางก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ข้าจึงฝึกฝนนาง”

หลัวจั่นอวี่ไม่ยอมรับ “บุรุษหนักแน่นเด็ดเดี่ยว มือถือกระบี่หนึ่งคือพิทักษ์ดินแดน สองคือปกป้องสตรีข้างกาย ป้องกันไม่ให้นางเสียขวัญป้องกันไม่ให้นางบาดเจ็บ ท่านมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังไม่เพียงพอจะปกป้องคุ้มครองให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลอดภัยอีกหรือ? ยังต้องฝึกฝนเคี่ยวกรำนางอีกหรือ?”

ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ ว่า “นางคือคุนเผิงบนท้องนภา เจ้าอยากให้ข้าเลี้ยงดูนางเยี่ยงนกน้อยในกรงทอง?”

หลัวจั่นอวี่เงียบไป

ใช่แล้ว เขายอมรับว่าน้องสาวเลิศล้ำมากจริงๆ แข็งแกร่งยิ่งกว่าบุรุษ กระทำการรวดเร็วเด็ดขาด คล่องแคล่วปราดเปรียว จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวก็คือตี้ฝูอี…

เหมือกู้ซีจิ่วจะหลับอย่างไม่สงบเท่าไหร่ จู่ๆ ก็ขยับอยู่ในวงแขนของตี้ฝูอี มือน้อยๆ ที่บวมเป่งเหมือนหัวผักกาดขยุ้มสาบเสื้อเขา ปากน้อยๆ เอ่ยพึมพำ “ท่านตายไม่ได้นะ…ข้ากลัวมากเลย…”

น้ำตาหลิ่งรินออกมา เปียกชุ่มขนตานาง

หลัวจั่นอวี่ปวดใจนัก ถลึงตาใส่ตี้ฝูอีอีกแวบหนึ่ง “ท่านทำให้นางตกใจจนผวาไปแล้ว!” เขาไม่สนใจว่ากู้ซีจิ่วจะได้ยินหรือไม่ เอ่ยขึ้นอีกว่า “เสียวจิ่ว วางใจเถอะ เขาเป็นคนเช่นใดกัน? ทูตสวรรค์ฝ่ายผู้แข็งแกร่งที่สุดเชียวนะ จะตายได้อย่างไรกัน? เจ้าเคยได้ยินหรือไม่? คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนนับพันปี คนชั่วร้ายแบบเขามีชีวิตอยู่ได้เป็นหมื่นปีด้วยซ้ำ!”

ตี้ฝูอีพูดไม่ออก ไอ้เด็กนี่ชักจะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

เขาคร้านจะสนใจหลัวจั่นอวี่อีก เอนหลังพิงต้นไม้ เงยหน้ามองท้องฟ้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย

สีสันของท้องฟ้าค่อนข้างอึมครึมชั่วร้าย…

————————————————————————

บทที่ 1385 ข้าไม่ต้องการความรู้สึกผิดของเขา! (1)

หลัวจั่นอวี่ก็มองท้องฟ้าตามเขาด้วย เขามองไม่เห็นอะไร เห็นเพียงสีเทาขมุกขมัวทั้งแถบ และมองไม่ออกว่าเป็นกลางวันหรือว่าค่ำแล้ว

“หลังจากออกไปได้แล้วเจ้าวางแผนไว้อย่างไร?” จู่ๆ ตี้ฝูอีก็ถามเขา

หลัวจั่นอวี่ชะงักค้าง เรื่องนี้เขาไม่ได้คิดเลยจริงๆ…กล่าวอีกอย่างก็คือไม่อยากคิด

“ลูกผู้ชายย่ำไปทั่วหล้า ข้าอยากไปชมดูใต้หล้า”

เขาถูกขังไว้ในตาค่ายแห่งนั้นตั้งแต่อายุราวสิบสองปี ยามนี้กว่าจะออกมาได้ไม่ง่ายเลย อีกทั้งมีฝีมือติดตัว ย่อมต้องการแยกตัวไปตามเส้นทางของตัวเอง

ตี้ฝูอีมองเขา “ไม่ลองกลับบ้านดูหรือ?”

สีหน้าหลัวจั่นอวี่แปรเปลี่ยนเล็กน้อย “นั่นไม่ใช่บ้านข้า!”

เขาไม่สามารถให้อภัยบิดาผู้นั้นได้ ย่อมไม่คิดจะไปเยือนประตูจวนแม่ทัพ

แปดปีมานี้ถึงแม้เขาจะอยู่กับกู้ซีจิ่วทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเอ่ยถามเรื่องราวใดของจวนแม่ทัพเลย

เป็นกู้ซีจิ่วที่บางครั้งก็เล่าเรื่องราวในอดีตออกมาบ้าง กลับทำให้เขาไม่พอใจบิดาตนยิ่งกว่าเดิม ที่แท้น้องสาวที่ตนรักใคร่หวงแหนเป็นที่สุดตอนอยู่จวนแม่ทัพเคยถูกกลั่นแกล้งรังแกมากมายถึงเพียงนั้น หากว่าเขาอยู่ด้วย จะต้องสั่งสอนคนเหล่านั้นให้ลงไปนอนโอดโอยควานหาฟันเป็นแน่!

เคราะห์ดีที่น้องสาวไม่ได้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีทางให้อภัยบิดาคนนั้นยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าไม่อยากพบมารดาของเจ้าหรือ?” ตี้ฝูอีคล้ายจะช่างเจรจาขึ้นมา

หลัวจั่นอวี่ทราบจากปากของกู้ซีจิ่วแล้ว ย่อมรู้เรื่องที่มารดายังไม่ตายและออกเรือนกับผู้อื่นไปแล้ว เขาเม้มริมฝีปากบางนิดๆ “ไม่จำเป็นกระมัง? นางมีครอบครัวใหม่มีลูกใหม่แล้ว…”

“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อออกไปแล้วในสองคนนี้จะไม่พบสักคนเลยใช่ไหม?”

หลัวจั่นอวี่เชิดหน้าเล็กน้อย “ไม่อยากพบ!”

เดิมทีกู้ซีจิ่วก็หลับไม่สนิทอยู่แล้ว เมื่อหลัวจั่นอวี่เสียงดัง จึงปลุกให้เธอตื่นขึ้น “ไม่อยากพบอะไรหรือ?”

หลัวจั่นอวี่กระแอมคราหนึ่ง “เสียวจิ่ว เจ้าคงไม่บังคับให้พี่ไปพบบิดามารดาใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วทราบปมในใจของเขาดี จึงส่ายหน้านิดๆ แล้วเอ่ยว่า “แล้วแต่ท่านเถิด อันที่จริงท่านแม่รู้สึกผิดต่อท่านมาโดยตลอด…ส่วนท่านพ่อ หลายปีมานี้เขาตามหาท่านอยู่เสมอ ไม่เคยหยุดเลย”

หลัวจั่นอวี่เช็ดถูอาวุธของตน น้ำเสียงเฉยเมย “เขาแค่รู้สึกผิดที่ตามหาข้าไม่พบเท่านั้น ข้าไม่ต้องการความรู้สึกผิดของเขา! บิดาเช่นนี้ข้าไม่มีวันยอมรับ!”

ยามนั้นกู้เซี่ยเทียนต้องการสั่งสอนหลัวซิงหลาน ให้หลัวซิงหลาน ‘รู้ความ’ จึงหมางเมินบุตรชายคนโตผู้นี้เสมอมา ทุบตีด่าทออยู่ทุกวัน ซ้ำยังสั่งสอนเขาต่อหน้าหลัวซิงหลานเป็นประจำ เพียงเพื่อทำให้หลัวซิงหลานยอมจำนนเพราะเป็นห่วงบุตรชาย ไม่เคยคิดเลยว่าบุตรชายที่เยาว์วัยจะทนรับเรื่องนี้ไหวหรือไม่

เขาในวัยเด็กใช้ชีวิตอย่างคับข้องหมองใจทุกวัน หากมิใช่เพราะสิ้นหวังจนถึงขีดสุด เด็กน้อยอายุสิบสองปีคนหนึ่งจะหนีออกจากบ้านได้อย่างไร?

กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดจะเกลี้ยกล่อม สิ่งที่กู้เซี่ยเทียนเคยทำในอดีตเธอรู้สึกว่าเป็นสวะทั้งสิ้น แล้วจะเกลี้ยกล่อมหลัวจั่นอวี่ให้ยอมรับบิดาได้ยังไง?

หากว่ากู้เซี่ยเทียนต้องการให้บุตรชายยอมรับ คาดว่าหนทางคงยาวไกลยิ่งนัก

ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ตามลูกชายกลับมาให้กู้เซี่ยเทียนได้แล้ว ส่วนจะยอมรับหรือไม่ก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาพ่อลูก

ตี้ฝูอีก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกเขา เขาใส่ใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น แปดปีแล้ว กู้เซี่ยเทียนยังโวยวายก่อกวนที่หน้าบ้านเขาอยู่หรือเปล่า?

กู้ซีจิ่วก็ค่อนข้างใส่ใจเรื่องหนึ่งเช่นกัน “เช่นนั้นในงานแต่งข้าพี่จะมาในฐานะอะไรล่ะ?”

ในอดีตตี้ฝูอีรับปากไว้ว่าหลังจากออกมาได้จะจัดงานแต่งชดเชยให้ แน่นอนว่าต้องย่างกรายเข้าไปในจวนแม่ทัพด้วย ขอเพียงหลัวจั่นอวี่เข้าร่วมจะต้องถูกกู้เซี่ยเทียนเห็นเข้าเป็นแน่…

ถ้ากู้เซี่ยเทียนเห็นหลัวจั่นอวี่แล้วจะเป็นยังไง? คาดว่าคงตื่นเต้นมากกระมัง?

เพียงแต่ลูกชายไม่ยอมรับเขา น่าจะทำให้เขาปวดร้าวแสนสาหัส…

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เกิดความคาดหวังอันชั่วร้ายประการหนึ่งต่อฉากสองพ่อลูกหน้ากัน

——————————————————————