บทที่ 1385 (2)+1386

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1385 (2)+1386 Ink Stone_Romance

บทที่ 1385 ข้าไม่ต้องการความรู้สึกผิดของเขา! (2)

หลัวจั่นอวี่เงียบไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดถึงปัญหานี้เช่นกัน  งานแต่งของน้องสาวเขาจะเข้าร่วมแน่นอน และจะเข้าร่วมในฐานะพี่ชายแท้ๆ ด้วย ไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกกู้เซี่ยเทียนพบเห็นได้อยู่แล้ว…

พบแล้วอย่างไรเล่า?

เขายังคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอยู่ดี!

กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างไม่เจตนา ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ท้องฟ้าด้านนอกค่อนข้างแดง เป็นแสงอัสดงของยามเย็นหรือ?”

หลัวจั่วอวี่มองฟ้าตาม มองอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ฉงน “อยู่ที่นี่มองไม่เห็นท้องฟ้าด้านนอกกระมัง? ข้ามองเห็นแต่สีเทาขมุกขมัว ไม่เห็นสีแดงอะไรเลย…เสียวจิ่ว เจ้าตาฝาดหรือเปล่า?”

ตี้ฝูอีลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ พักกันพอสมควรแล้ว เดินทางได้!”

….

เมื่อคนเหล่านี้ออกมาได้แต่ละคนย่อมมีแผนการของตัวเอง พวกเขาจากบ้านมานานถึงเพียงนี้ ยามนี้เมื่ออกมาได้ปฏิกิริยาแรกก็คือกลับไปเยี่ยมครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงปรึกษากัน หลังออกจากป่าทมิฬจะกินอาหารเลี้ยงส่งมื้อหนึ่ง แล้วทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ทางใครทางมัน

แน่นอนว่าทุกคนได้ปรึกษากันแล้ว ตอนที่กู้ซีจิ่วกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายวิวาห์ จะมารวมตัวกันอีกครั้ง

ทุกคนวางแผนกันอย่างยอดเยี่ยม ทว่าหลังออกมาจากป่าทมิฬ ยามแวะกินข้าวในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ตีนเขาก็พบว่าโลกนี้แปรเปลี่ยนไปแล้ว

ความสงบสุขที่เคยมีถูกทำลาย สามอาณาจักรก่อสงครามกัน อาณาจักรเฮ่าเยวี่ยถูกอาณาจักรเฟยซิงตีแตกแล้ว ยามนี้อาณาจักรเฟยซิงกำลังเปิดศึกกับอาณาจักรเจาหยาง…

เมื่อสงครามบังเกิด ชีวิตของประชาชนดั่งวัชพืช ถูกถอนไปทีละต้นๆ บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แผ่นดินที่เคยสงบสุขรุ่งเรืองถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟจากสงคราม ผืนดินแห้งผากพันลี้ อดอยากหิวโหยกันทั่วหัวระแหง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ

ส่วนที่นี่เนื่องจากอยู่ใกล้ป่าทมิฬ มิใช่จุดยุทธศาสตร์ในการรบ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ไม่ถึงกับมีซากศพกองเกลื่อนกลาด

แต่ผู้คนก็ตื่นตระหนกร้อนใจเช่นกัน บนถนนผู้คนสัญจรกันอย่างเร่งรีบ

สงครามทำให้ข้าวยากหมากแพง ข้าวของในชีวิตประจำวันล้วนแพงขึ้น และไม่แน่ว่าจะหาซื้อได้

ยามที่กินข้าวอยู่ในโรงเตี๊ยม ทุกคนยังได้ยินข่าวซุบซิบอย่างหนึ่งด้วย กล่าวกันว่าสงครามครั้งนี้จักรพรรดิหรงเจียหลัวของอาณาจักรเฟยซิงเป็นคนริเริ่ม แถมเขายังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีด้วย

ลือกันว่าสองปีก่อนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมองดาวคำนวณชะตา กล่าวอะไรทำนองว่าใต้หล้ารวมนานเข้าก็ต้องแยก แยกนานแล้วก็ต้องรวม ความเป็นปึกแผ่นของทวีปซิงเยวี่ยก็ดำเนินมาถึงแล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงส่งเสริมให้หรงเจียหลัวเปิดศึกครั้งนี้…

ยังกล่าวกันอีกว่า สองปีก่อนที่ยามที่ราษฎรของอาณาจักรเจาหยางขุดลอกแม่น้ำ ได้ขุดพบมนุษย์ศิลาตัวหนึ่ง บนมนุษย์ศิลามีอักษรตัวใหญ่สี่คำจารึกไว้ ‘ใต้หล้าปรองดอง’

ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิของอาณาจักรเจาหยางก็รู้สึกเช่นกันว่าตนคือเจ้าชะตา เข้าร่วมศึกนี้ด้วยจิตใจฮึกเหิมทะเยอทะยาน

ในอดีตแต่ละสำนักของทวีปนี้ไม่ข้องแวะกับสงครามระหว่างอาณาจักร แต่หนนี้คงจะมีเหตุมาจากการที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้าร่วม สำนักเหล่านี้จึงเข้าร่วมด้วย โดยรวมแล้วพวกเขาล้วนช่วยเหลืออาณาจักรเฟยซิง…

กล่าวกันว่าจะอาศัยกำลังเข้าหักหาญสยบอีกสองอาณาจักรที่เหลือ ให้ยอมรับลิขิตสวรรค์

ในบรรดาสานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้ามีเพียงสำนักถามสวรรค์ของหลงซือเย่เท่านั้นที่เป็นกลาง ไม่เข้าร่วมสงครามใด

เมื่อทั้งแผ่นดินร้อนระอุด้วยไฟสงคราม ต่อให้เป็นชาวบ้านะรรมดาในโรงเตี๊ยมก็กังวลเรื่องการเมืองเช่นกัน บอกเล่าเก้าสิบ พูดคุยถกเถียงกันอยู่ตรงนั้น

ดังนั้นทุกคนที่กินข้าวอยู่ตรงนี้ จึงเข้าใจสภาพการณ์ของภายนอกกันพอสมควรแล้ว

แน่นอนว่าเนื้อหาในความซุบซิบนั้นทำให้ทุกคนตะลึงกันถ้วนหน้า

สองปีก่อนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้าร่วมด้วยตัวเองรึ? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขาถูกขังอยู่ในตาค่ายแห่งนั้นมิใช่หรือไง?!

สายตาประหลาดใจของทุกคนมองไปทางตี้ฝูอี สีหน้าตี้ฝูอีลึกล้ำดั่งวารี ลุกขึ้นแล้วหลบฉากไป หยิบป้ายหยกสื่อสารที่ไม่ได้มาร่วมแปดปีออกมา เริ่มติดต่อสี่ทูต…

—————————————————————-

บทที่ 1386 เรื่องนี้มีเลศนัยแอบแฝงยิ่งนัก!

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ กำป้ายหยกแน่น!

สี่ทูตก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน! ไม่มีการตอบรับจากใครเลย!

เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ในอดีตช่วงเวลาที่ตี้ฝูอีปิดด่านนานที่สุดคือห้าปี ในระยะเวลาห้าปีเขาไม่ถามไถ่เรื่องราวใต้หล้าเลย แต่เรื่องทั้งหมดของโลกภายนอกสี่ทูตล้วนจัดการได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน ไม่เคยเกิดเรื่องโกลาหลใหญ่โตถึงเพียงนี้ขึ้น

ยามนี้เขาถูกขังอยู่ในตาค่ายเพียงแปดปี ด้านนอกพลิกผันจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

ก่อนเขาจะเข้าไปในตาค่ายได้จัดการสะสางเรื่องทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วชัดๆ!

ตอนนี้สี่ทูตก็ติดต่อไม่ได้เลยสักคน หรือว่าพวกเขาจะประสบเหตุกันทั้งหมด? มิเช่นนั้นแม้ว่าพวกเขากำลังต่อสู้อยู่ก็ต้องรับกระแสเสียงจากเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ได้!

แต่ใครล่ะที่สามารถทำให้สี่ทูตประสบเหตุได้?!

ต้องทราบก่อนว่าบนโลกนี้ นอกจากตี้ฝูอีแล้ว ก็เป็นพวกเขาสี่เทวทูตที่มีวรยุทธ์สูงส่งที่สุด

มู่เฟิงบรรลุขั้นสิบแล้ว อีกสามคนที่เหลือก็เป็นขึ้นเก้าขึ้นไป ต่อให้เป็นสานุศิษย์สวรรค์อีกสี่คนที่เหลือลงมือด้วยตัวเอง หากเอาจริงขึ้นมา ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา มิเช่นนั้นตี้ฝูอีคงไม่วางใจมอบหมายเรื่องสำคัญมากมายให้พวกเขาไปจัดการ

ถึงแม้สี่ทูตจะไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ ทว่าเลิศล้ำกว่าสานุศิษย์สวรรค์ เป็นแขนขาให้เขาในหลายปีมานี้ การที่ติดต่อไม่ได้เหมือนในยามนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เขาสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง เรื่องนี้มีเลศนัยแอบแฝงยิ่งนัก!

“เป็นหลงฟั่นปลอมตัวเป็นท่านหรือเปล่า?” กู้ซีจิ่วนึกถึงจุดนี้ก่อน อย่างไรเสียไอ้สารเลวผู้นั้นก็มีประวัติมาก่อน

ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยชา “ความเป็นไปได้ข้อนี้ขจัดทิ้งไม่ได้!”

เดิมทีทุกคนคิดว่ากินข้าวที่นี่กันดีๆ สักมื้อก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปพบพ่อแม่ญาติพี่น้องแล้ว แต่ยามนี้โลกภายนอกเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น พวกเขาก็ไม่อยากกลับบ้านแล้ว!

มีคนแอบอ้างเป็นอ้างเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแล้วก่อสงครามใหญ่โตขนาดนี้ขึ้น นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของทั้งแผ่นดิน เป็นพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองที่พาพวกเขาออกมา ย่อมคิดจะติดตามพวกเขาเป็นธรรมดา

เรื่องกลับบ้านพักไว้ก่อนชั่วคราว ต้องตรวจสอบความจริงเรื่องนี้ก่อน

เพียงแต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ถูกขังอยู่ด้านในมากว่าสิบปีบ้าง หลายสิบปีบ้าง ไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอกยิ่งนัก ดังนั้นจึงงุนงงไปหมดว่าควรจะทำอย่างไรดี

ไป๋หลี่เช่อก็ตรงไปตรงมายิ่ง “มีอะไรที่ต้องการให้พวกเราทำหรือไม่?”

ตี้ฝูอีกอดอก มองไปที่กู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ในสถานการณ์เช่นนี้ต้องทำอย่างไร?”

ทดสอบเธอหรือไง?

กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอี เกิดเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้เขากลับสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านอยู่ตลอด ดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง นี่ทำให้จิตใจของทุกคนสงบลงไม่น้อยเลย เธอใคร่ครวญเล็กน้อย และเริ่มแบ่งหน้าที่ “ไป๋หลี่เช่อ พี่เหลิ่งเอ้อร์ เมียเหลิ่งเอ้อร์ จางรุ่ย เมิ่งซู่เหยียน พวกท่านแยกย้ายกันกลับไปดูที่บ้านก่อน ดูว่าที่บ้านยังสงบสุขดีหรือไม่ อีกสิบวันให้หลัง พวกเราจะมารวมตัวกันอีกครั้งที่นี่ พี่ ท่านกับฟั่นเทียนอวิ๋นไปตรวจสอบสงครามระหว่างสองอาณาจักรในตอนนี้ ว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ จำไว้ว่าต้องสืบอย่างลับๆ อย่าเปิดเผยฐานะตัวตน ที่ข้ามียันต์ถ่ายทอดเสียงอยู่ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ใช้ยันต์ถ่ายทอดสียงสื่อสารกัน”

เธอแจกจ่ายยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ตนประดิษฐ์ขึ้นให้ทุกคน อันที่จริงทุกคนก็อยากกลับไปหาที่บ้านจริงๆ มีเพียงฟั่นเทียนอวิ๋นที่กำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก ขอข้าวชาวบ้านกินจนเติบใหญ่ ต่อให้ออกมาได้ก็ไม่มีญาติมิตรให้ไปหา ดังนั้นเขาจึงไปสืบข่าวกับหลัวจั่นอวี่

ทุกคนแยกย้ายกันจากไป

ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ มองกู้ซีจิ่ว “พวกเราล่ะ?”

“ไปวังทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของท่านก่อน ไปดูว่าที่นั่นถูกผู้อื่นยึดครองแล้วหรือไม่ ถือโอกาสติดต่อกับลูกน้องเก่าๆ ของท่านด้วยเลย ลูกน้องของท่านมีอยู่ทั่วหล้า น่าจะไม่ถูกควบคุมทั้งหมด ตัวปลอมยังไงก็เป็นตัวปลอม เมื่อตัวจริงอย่างท่านออกมาแล้ว ตัวปลอมก็จะถูกเปิดโปง เมื่อถึงเวลาผู้ที่ติดตาม ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ เหล่านั้นย่อมทราบกระจ่างแจ้ง อีกทั้งท่านตะโกนหนึ่งครั้งมีผู้ขานรับนับร้อย ข้าสงสัยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ต่างกับครั้งที่แล้วเท่าไหร่ เกรงว่าหรงเจียหลัวจะถูกผู้อื่นควบคุมอีกแล้ว! ดังนั้นถึงได้ทำเรื่องที่ขัดต่อมโนธรรมเช่นนี้ ข้าจะไปดูหรงเจียหลัวที่วังหลวง พวกเราก็แยกกันไปเถอะ”

——————————————————————–