บทที่ 1387+1388 Ink Stone_Romance
บทที่ 1387 กวาดล้างคนโสมม
กู้ซีจิ่วเป็นพวกชอบบุ่มบ่าม นางกำลังจะเคลื่อนย้ายพริบตาไป ตี้ฝูอีกลับดึงรั้งนางไว้ “ครั้งนี้เจ้ากับข้าไม่เหมาะจะแยกจากกัน ไปด้วยกันเถิด!”
อันที่จริง กู้ซีจิ่วก็ไม่ยินยอมแยกจากกับตี้ฝูอีเท่าใด ทว่าเขามีฐานะเป็นถึงเทพศักดิ์สิทธิ์ กู้ซีจิ่วรู้ว่าเขามีสายสืบทั่วหล้า ต้องมีลูกน้องมากมายทั้งในที่ลับและในที่แจ้งอย่างแน่นอน เขาทำการสิ่งใดลึกลับซับซ้อนยากที่จะคาดเดา เรื่องบางเรื่องไม่ค่อยสะดวกพูดให้คนนอกฟัง มีหลายสิ่งที่กู้ซีจิ่วก็ไม่รู้เช่นกัน ในเมื่อเขาไม่บอก เธอก็ไม่อยากถาม เกรงว่าตัวเองตามไปอยู่ข้างกายแล้วเขาจะทำอะไรได้ไม่เต็มที่…
นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะเป็นฝ่ายดึงรั้งเธอไว้ก่อน นี่เขาอยากเปิดเผยเรื่องทั้งหมดของเขาให้เธอรับรู้หรือ?
ภารกิจอย่างแรกในตอนนี้ก็คือสืบหาเรื่องราวเกี่ยวกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม
และผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องการสืบหาข้อมูลมากที่สุดในทวีปนี้ก็คือหอเงาราตรี ประมุขแห่งหอเงาราตรีคือหลีเมิ่งซย่า
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมท่านนี้ปลอมตัวมาได้สองปีโดยไม่ถูกเผยตัวตน เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าสี่ทูตข้างกายตี้ฝูอีเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วจริงๆ ไม่ถูกคุมขังก็ถูกควบคุม
ส่วนหลีเมิ่งซย่าอยู่ภายใต้อำนาจของตี้ฝูอีโดยตรง โดยปกติไม่ฟังแม้แต่คำสั่งของสี่ทูต ดังนั้นตี้ฝูอีจึงตัดสินใจไปหานางก่อน
เขาพากู้ซีจิ่วไปสำนักงานใหญ่ของหอเงาราตรีในทันที
สำนักงานใหญ่หอเงาราตรีอยู่ไม่ไกลจากป่าทมิฬ ด้วยฝีเท้าของตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่ว เปรียบเสมือนการเดินทางบนเส้นทางเมฆา เพียงสองชั่วยามก็ถึงที่หมายได้
หอเงาราตรีเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปนี้ สายสืบทั่วทั้งทวีปล้วนเป็นคนของหอเงาราตรี ไม่มีข่าวคราวใดที่สืบทราบไม่ได้จากที่นี่ ตอนที่กู้ซีจิ่วหายตัวไป ตี้ฝูอีก็ใช้คนของหอเงาราตรี หากกู้ซีจิ่วไม่ได้หายตัวไปในป่าทมิฬ ไม่ว่านางจะไปอยู่ที่แห่งหนใดของทวีปนี้ คนของหอเงาราตรีก็ต้องตามหาจนเจอ
หอเงาราตรีมีสาขาอยู่ทั่วทั้งทวีป รับงานและรองรับแขกทั่วหล้า ภารกิจลอบสังหาร ภารกิจข้อมูลข่าวสาร คือภารกิจหลัก และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญที่สุด
หอเงาราตรีเป็นกลุ่มที่ลึกลับที่สุด นอกจากสี่ทูตข้างกายตี้ฝูอีแล้ว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าหัวหน้าใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังหอเงาราตรีคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย
อีกทั้งภายในหอเงาราตรีมีเพียงประมุขกับหัวหน้าสาขาสิบท่านเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
กู้ซีจิ่วเคยพบกับหลีเมิ่งซย่าประมุขหอเงาราตรี ตอนนั้นที่หนีออกมาจากวังใต้พิภพ ก็เป็นหลีเมิ่งซย่าท่านนี้ที่บังคับเรือ เธอจากไปพร้อมตี้ฝูอี รถม้าก็ยังเป็นบรรณาการจากหลีเมิ่งซย่า…
ตี้ฝูอีกับหลีเมิ่งซย่ามีวิธีพิเศษในการติดต่อกัน หลีเมิ่งซย่าก็มีป้ายหยกสื่อสารเช่นกัน
ตอนที่อยู่โรงเตี๊ยม ตี้ฝูอีเคยใช้ป้ายหยกสื่อสารติดต่อหลีเมิ่งซย่า ทว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกันกับสี่ทูต เขาจึงมาดูที่สำนักงานใหญ่ด้วยตัวเอง
หลีเมิ่งซย่าประจำการที่สำนักงานใหญ่ตลอดทั้งปี หากไม่มีสถานการณ์พิเศษ นางไม่มีทางออกไปไหนไกล
…
ตี้ฝูอียืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า จ้องมองตัวอักษรใหญ่สี่ตัว ‘หอเงาราตรี’ ที่ส่องประกายสีทองด้วยจิตใจเหม่อลอย
สำนักงานใหญ่หอเงาราตรีในทวีปแห่งนี้เป็นสถานที่ลึกลับยิ่งนัก มีเพียงคนส่วนน้อยที่รู้ว่าตั้งอยู่ที่ใด ยามนี้กลับมีแผ่นป้ายโอ่อ่าติดไว้อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ซ้ำด้านบนยังฝังอัญมณีล้ำค่า ส่องแสงระยิบระยับใต้แสงสุริยัน ดูแล้วช่างสะดุดตานัก
กู้ซีจิ่วมองดูแผ่นป้ายนั้นและกล่าวสรุป “แผ่นป้ายนี้เป็นของใหม่ เพิ่งแขวนติดได้ประมาณสามเดือน”
ตี้ฝูอีพยักหน้ายิ้มหยัน “หอเงาราตรีท่าทางจะมั่งคั่งร่ำรวย ไป เข้าไปกัน นำเงินไปให้พวกเขาอีกสักหน่อย”
การรับภารกิจของหอเงาราตรีมีราคาระบุไว้ชัดเจน ผู้อาวุโสน้อยประจำสาขามีสิทธิ์ตอบรับภารกิจหมื่นตำลึงได้
——————————————————
บทที่ 1388 กวาดล้างคนโสมม 2
ภารกิจแสนตำลึงต้องติดต่อผู้อาวุโสใหญ่ประจำสาขา ภารกิจล้านตำลึงถึงจะมีโอกาสได้พบประมุขหอเงาราตรีซึ่งมาเจรจาด้วยตัวเอง
ตามที่หลีเมิ่งซย่ากล่าว ไม่ง่ายเลยที่นางจะเลี้ยงปากท้องของทุกชีวิต และลูกค้าก็เป็นผู้อุปถัมภ์ ผู้อุปถัมภ์ที่สูงส่งเยี่ยงนี้ย่อมต้องมาดูแลด้วยตัวเองถึงจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจได้
แน่นอน หลีเมิ่งซย่าเก่งกาจเรื่องเจรจาการค้า บ่อยครั้งที่นางทำให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มหนึ่งถึงสองส่วนจากเงินรางวัลล้านตำลึงได้ ซ้ำยังชำระทั้งหมดในเร็ววัน…หาเงินได้เก่งยิ่งนัก
ทว่านางรับงานก็มีขีดจำกัด ใช่ว่าจะรับไปเสียทุกงาน อย่างเช่นลอบสังหารทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทำนองนี้ นางไม่มีทางรับอย่างแน่นอน แม้ให้สิบล้านก็ไม่รับ
ยามนี้ตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วไม่ใช่รูปโฉมเดิม พวกเขาแปลงโฉมและปกปิดกลิ่นอายรอบกายแล้ว ดูแล้วเหมือนเศรษฐีเงินถังผู้มั่งคั่งสง่างาม
ร่างกายอวบอ้วน เสื้อคลุมประดับอัญมณี แม้แต่ปิ่นปักผมบนศีรษะยังฝังไพฑูรย์ ทุกการเคลื่อนไหวเผยให้เห็น ‘ท่าทางของเศรษฐีอันดับหนึ่งของแผ่นดิน’ ส่วนกู้ซีจิ่วปลอมตัวเป็นอนุผู้เลอโฉมข้างกายเขา เสื้อผ้าสดสวย ปักลายวิจิตรงดงาม เมื่อทั้งสองคนเข้ามาก็ทำให้ฝูงชนตาบอดได้เลย
ตี้ฝูอีนำตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงวางตรงหน้าผู้ดูแลต้อนรับ “ข้ามีภารกิจมูลค่าล้านตำลึงต้องการอุปถัมภ์หอเงาราตรี รบกวนเชิญประมุขพวกท่านออกมาสักหน่อย เงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยที่ให้เจ้าไปรายงาน”
น้ำใจหนึ่งหมื่นตำลึงถือเป็นการให้ที่มั่งคั่งยิ่งนัก ผู้ดูแลต้อนรับคนนั้นรีบเชิญพวกเขานั่งลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างค่อนข้างลำบากใจ “นายท่านอาจยังไม่รู้ ยามนี้ภารกิจระดับสูงสุดขึ้นราคาแล้ว ต้องการสองล้านตำลึงถึงจะเชิญประมุขออกหน้าเจรจาได้…”
ตี้ฝูอียกนิ้วหัวแม่มือที่สวมแหวนมรกตอันใหญ่ยักษ์ขึ้นพลางหัวเราะ “ข้าพูดว่าภารกิจล้านตำลึง แต่ไม่ได้พูดว่าหนึ่งล้าน…” เขาหยิบตั๋วเงินใบหนึ่งออกมาสะบัดต่อหน้าคนผู้นั้น “สามล้าน!”
คนผู้นั้นเกิดความนับถือขึ้นมาทันที “ขอรับ ข้าน้อยจะไปเชิญประมุขหยางในทันที!” หันกายกำลังจะเดินจากไป ใบหน้าตี้ฝูอีเย็นชาลง “ข้าต้องการพบประมุขสำนักงานใหญ่!”
คนผู้นั้นตกตะลึง กล่าวด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ยามนี้ประมุขหยางคือประมุขสำนักงานใหญ่ขอรับ”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “ไม่ถูกต้อง! พวกเจ้ากลั่นแกล้งคนนอกอย่างข้าหรือ? ข้าได้ยินว่าประมุขสำนักงานใหญ่ของพวกเจ้าคือประมุขหลี!”
คนผู้นั้นมองตี้ฝูอีหัวจรดเท้า “นายท่านรู้จักประมุขหลี ประมุขของพวกเราได้อย่างไร?” เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดความสงสัย
ตี้ฝูอีส่งเสียงฮึ่มผ่านจมูกคราหนึ่ง “ในเมื่อข้ามาเพื่อเจรจาภารกิจย่อมต้องสืบหาข้อมูลให้ชัดเจนทุกด้าน จะปล่อยให้คนหลอกลวงได้อย่างไร? ดูเหมือนหอเงาราตรีของพวกเจ้าไม่มีความจริงใจอันใด…” เขาพลันลุกขึ้นยืน “ว่ากันว่าหอเงาราตรีซื่อสัตย์น่าเชื่อถือที่สุดในแผ่นดิน ดูเหมือนจะไม่เท่าใด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่แล้ว…” จากนั้นทำท่าต้องการจะจากไป
คนผู้นั้นรีบร้อนหยุดยั้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มสุภาพ “นายท่านอาจไม่รู้ ก่อนหน้านี้เป็นประมุขหลีจริงๆ แต่ประมุขหลีเจ็บไข้ป่วยหนัก สละตำแหน่งให้ประมุขหยาง…นายท่านมีภารกิจอันใดก็คุยกับประมุขหยางได้ พูดตามตรง ประมุขหยางพูดคุยง่ายดายกว่าประมุขหลีนัก…”
ตี้ฝูอีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เอ่ยอย่างเย็นชา “ช่างเถิด! ข้าไว้ใจแค่ประมุขหลีของพวกเจ้า หากนางออกมาไม่ได้ เช่นนั้น ภารกิจนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคุยแล้ว!” แล้วพากู้ซีจิ่วจากมา
สายตาที่คนผู้นั้นมองส่งพวกตี้ฝูอีจากไปค่อนข้างเศร้าหมอง…
ปลาตัวใหญ่เช่นนี้ เขาปล่อยให้หลุดลอยไปไม่ได้
เขาส่งสายตาเป็นนัย ให้คนแอบตามพวกตี้ฝูอีไป ถือโอกาสสืบเสาะเส้นทางของพวกเขา
————————————————————–