ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 271 เจ้ายังห่างชั้นอีกมากนัก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้นสูงเหนือศีรษะตน จากนั้นหมุนฝ่ามือฟาดลง

ท่วงท่าอิสระเรียบง่าย ลีลาโบราณไร้ขัดเกลา ดูแล้วไม่ฉับไว ออกจะให้ความรู้สึกเชื่องช้าเสียด้วยซ้ำ

ทว่าเยี่ยนเหอที่อยู่เบื้องหน้ากลับบังเกิดความรู้สึกพรั่นใจขึ้นในใจอย่างน่าประหลาด คล้ายกับไม่ว่าตนจะหลบหลีกต้านทานอย่างไร ท้ายที่สุดล้วนหนีฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอนี้ไม่พ้น ศีรษะจะถูกซัดจนแตกกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

ความรู้สึกนั้น เหมือนกับฟ้าดินล้วนอยู่ในฝ่ามือของชายหนุ่มทั้งสิ้น

ทั่วทั้งฟ้าดินพลิกกลับ ท้องนภาคล้อยหล่นลง ตามการพลิกฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้คนไร้ซึ่งหนทางหนี หมดทางต่อต้าน ทำได้เพียงหลับตารอความตาย

ฝ่ามือนี้ฟาดลง มองจากมุมของเยี่ยนเหอนั้น เยี่ยนจ้าวเกอทั้งคนราวกับเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่อย่างยิ่ง ประหนึ่งเทพสรรค์จุติยังโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน

พลังอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมทั่วร่างเยี่ยนเหอ ปราณจิตรามหาศาลอีกทั้งหนาหนักปิดตายบริเวณโดยรอบ พื้นที่คล้ายกับทรุดลงโดยเขาเป็นจุดศูนย์กลาง

หนึ่งในสามสุดยอดวิชากว่างเฉิง ฝ่ามือนภากว่างเฉิง!

หนึ่งฝ่ามือคล้อยลง ราวกับฟ้าเอียงลาด!

เยี่ยนเหอพยายามปลุกสติสัมปชัญญะอย่างหนัก ต้านทานการกดขี่และทำลายจากเจตจำนงฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ อีกทั้งยกมือข้างหนึ่งขึ้นตามจิตสำนึก

เขามั่นใจว่าด้วยระดับพลังฝึกปรือมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระดับกลางของตน ไม่ควรถึงกับถูกเยี่ยนจ้าวเกอโจมตีพ่ายแพ้ง่ายดายเช่นนี้

ของวิเศษลับหมอกพิษเย็นสงัดปิดกั้นของวิเศษทั้งกายเยี่ยนจ้าวเกอไว้ชั่วขณะ ตนเองมีโอกาส…

ความคิดยังไม่ทันพลิกผัน ฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอก็กดลงมาแล้ว ฟาดลงไปบนฝ่ามือเยี่ยนเหอ

หาได้หน่วงเวลาสักนิดไม่ โครงกระดูกตั้งแต่ฝ่ามือ จนทั่วร่างเยี่ยนเหอเริ่มแหลกละเอียด!

เขาเบิกตาโพลง กลับค้นพบว่าตนไร้พลังต่อต้านโดยสิ้นเชิง ราวกับหลังจากท้องฟ้าถล่มลง ตนเองก็แปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นละอองที่อันตรธานสลายไป!

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเยี่ยนเหอด้วยความนิ่งสงบ เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ของวิเศษบนตัวข้ามากไปสักหน่อย เหมือนกับว่าทำให้คนมองข้ามพลังความสามารถเฉพาะตัวข้าไปบ้าง ระดับขั้นข้าตอนนี้ยังค่อนข้างต่ำ หากแต่พิจารณาพลังฝึกปรือของตัวข้า คิดจะลอบสังหารข้า อย่างน้อยท่านยังห่างชั้นอีกมากนัก”

เฉกเช่นพลังความสามารถของเยี่ยนเหอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะกลาง กระนั้นก็เป็นเพียงการสืบทอดสายหลักของขุมกำลังระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าขั้นซ่อนจิตระยะต้นผู้ใดก็ตาม ล้วนมีความสามารถเอาชนะข้ามขั้นเขาได้

ชายหนุ่มแทบจะกวาดผู้เปี่ยมความสามารถและสติปัญญารุ่นเดียวกันในหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ขั้นมหาปรมาจารย์แรกเริ่ม ต้องการสังหารเยี่ยนเหอก็จัดการได้ง่ายดายเช่นกัน

ต่อให้เยี่ยนเหอลอบจู่โจมสังหาร ก็เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นี้ไม่ได้เช่นกัน

สีหน้าของเขาเศร้าซึม แววตาผ่อนเบา

เยี่ยนจ้าวเกอไม่มองเขาอีกต่อไป หากแต่มองดูกล่องที่บรรจุหมอกพิษเย็นสงัดไว้กล่องนั้น

ไอเย็นกระจายหมดสิ้นแล้ว แต่ไรเป็นเพียงการพยายามคว้าโอกาสรำไรเพื่อลอบสังหาร ตอนนี้กลายเป็นเมฆหมอกบังตาไปแล้ว

อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนเหวินเต้าก็ถูกเยี่ยนเหวินเจินยับยั้งไว้เช่นกัน การตกเป็นฝ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ใกล้อยู่ตรงหน้า มีมหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนอยู่ เขาคิดจะหนีล้วนหวังเกินตัว

ผู้ที่สามารถช่วงชิง ไม่สู้รบจนตัวตาย ก็ถูกจับเป็นแล้ว

บรรดาจอมยุทธ์ตระกูลเยี่ยนมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ รู้สึกหวั่นใจขึ้นมารางๆ

มหาปรมาจารย์ หลังจากเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ บนโลกใบนี้ก็ไม่ปรากฏมหาปรมาจารย์ที่อายุน้อยกว่ายี่สิบห้าปีอีกเลย จนกระทั่งเยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้านี้!

สองปีมานี้ เยี่ยนจ้าวเกอก้าวหน้าฉับไว แนวโน้มรุดหน้ายังเกินจริงเสียยิ่งกว่าเยี่ยนตี๋บิดาของเขาเสียอีก

ด้วยพลังฝึกปรือขั้นปรมาจารย์ ได้รับอำนาจผู้อาวุโสสูงสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำนักเขากว่างเฉิงเช่นนี้ ตำแหน่งและพลังอำนาจคล้ายกับล้ำเหนือผู้กุมหางเสือขุมกำลังชั้นหนึ่งทั้งหมดในโลกหล้า

ตั้งแต่อดีตกาลมา สามารถมีได้สักกี่คน?

หลายปีมานี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้กลับไปเขตสัจจเมฆาอันเป็นที่ตั้งของเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน จนถึงขั้นที่ผู้คนตระกูลเยี่ยนมักจะรู้สึกว่าผลสำเร็จของเขาลวงตาอยู่บ้าง

เรื่องราวมากมายผู้คนไม่ได้เห็นกับตา ได้แต่เพียงฟังข่าวเล่าลือ สุดท้ายระดับการให้ความสำคัญในใจจึงเบาบางลงไปบ้าง

ทว่าวันนี้ได้พบเยี่ยนจ้าวเกออย่างแท้จริงอีกครั้ง จึงก่อเกิดแรงกระทบสั่นไหวต่อเรื่องทั้งหมดในใจ ทำให้แม้แต่ฝูงชนตระกูลเยี่ยนที่สนับสนุนเยี่ยนตี๋เฉกเช่นเยี่ยนเหวินเจินนี้ ต่างก็ร้องเสียงหลงอยู่บ้าง

เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจกลุ่มของเยี่ยนเหวินเต้าอีกต่อไป หลังจากพยักหน้าทักทายพวกเยี่ยนเหวินเจิน เขาก็เงยหน้าทอดมองท้องฟ้า “วางแผนไม่ได้ยอดเยี่ยมกว่าพวกเหยาซานในมหาทะเลทรายครานั้น กลับรู้สึกยิ่งคล้ายว่าเป็นแผนการของพวกเขาเยี่ยนเหวินเต้ากับเยี่ยนเหอเอง”

“เช่นนั้นกระบวนท่าสังหารที่แท้จริงของนพยมโลกกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต อยู่ที่ใดเล่า?”

ถึงแม้จะมีลานบ้านกั้นชั้นแล้วชั้นเล่า ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังคงหันศีรษะทอดมองทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศทางที่ประตูสำนักเขากว่างเฉิงตั้งอยู่

เจ้าสำนักหยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานมาหลายวันแล้ว ขณะนี้โดยรวมสำนักเขากว่างเฉิงเป็นระบบระเบียบ ทุกคนคล้ายกับเคยชินกับวันคืนที่เจ้าสำนักเข้าฌาน และมีเยี่ยนตี๋คำรงตำแหน่งจัดการเรื่องราวแทนแล้ว

ดูไปแล้วทั้งหมดทั้งมวล หาได้แตกต่างจากแต่ก่อนไม่

แต่แท้จริงแล้วทั้งสำนักเขากว่างเฉิงภายนอกผ่อนภายในตึง บรรดายอดฝีมือระดับสูงเตรียมป้องกันทุกขณะ แม้แต่จอมยุทธ์ระดับกลางและระดับล่าง ต่างก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผิดแผกไปจากเดิม

สวีเฟยเสร็จสิ้นการฝึกฝนของตน เดินออกจากที่พำนัก เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

แสงอาทิตย์วันนี้ไม่วิจิตรตระการตาเหมือนเช่นปกติ เป็นความรู้สึกที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ทว่าไม่ได้ให้ความร่มเย็นแก่ผู้คนแต่อย่างใด กลับจะร้อนอบอ้าวอยู่บ้างเสียด้วยซ้ำ

บนท้องฟ้าเหนือพื้นที่แถบเขากว่างเฉิง พยับเมฆกระจายหนาแน่น ทำให้อารมณ์ความรู้สึกผู้คนอัดอั้นตันใจอยู่บ้าง

สวีเฟยมุ่นคิ้วเล็กน้อย สงบสติอารมณ์ สืบเท้าเดินเชื่องช้าระหว่างป่าเขา

ระหว่างทางมีศิษย์น้องร่วมสำนักชายหญิงพบพานเขา ล้วนกล่าวแสดงความเคารพ “ศิษย์พี่สวี”

สวีเฟยผงกศีรษะตอบ ขณะเดินไปข้างหน้า ฝีเท้าของเขาพลันเชื่องช้าลง พลางมองดูข้างทาง

บริเวณนั้นมีหญิงสาวผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีขาว ภายนอกคลุมด้วยชุดคลุมสีฟ้ายืนอยู่ ดวงหน้าฉายแววกลัดกลุ้ม ทอดมองลึกเข้าไปในป่าเขา

หญิงสาวผู้นี้ สวีเฟยก็รู้จักเช่นกัน นางเป็นศิษย์ยอดเยี่ยมรุ่นเดียวกับตนเอง แม้จะไม่ใช่ผู้สืบทอดสายหลัก แต่ก็ได้รับการให้ความสำคัญ และการมุ่งมั่นบ่มเพาะจากอาจารย์เช่นกัน

อายุของหญิงสาวค่อนข้างน้อยกว่าสวีเฟยนัก อายุเท่ากับเยี่ยนจ้าวเกอโดยประมาณ

สาเหตุที่ทำให้สวีเฟยเกิดความสนใจ เป็นเพราะว่าเท่าที่เขาทราบ ศิษย์น้องหวังท่านนี้ มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับลู่เวิ่นอย่างยิ่ง

บางทีลู่เวิ่นอาจจะยังคิดกับนางเป็นเพียงศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก ทว่าศิษย์น้องหวังกลับทุ่มความรักให้ลู่เวิ่นอย่างมาก

ซึ่งขณะนี้ ทิศทางที่สายตานางมองไป ก็เป็นสถานที่ที่ลู่เวิ่นเข้าฌานนั่นเอง

สวีเฟยขมวดหัวคิ้วขึ้น หากเขาเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ ลู่เวิ่นเข้าฌานเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว

“ศิษย์น้องหวัง กำลังรอศิษย์น้องลู่หรือ?” สวีเฟยกล่าวถาม ศิษย์น้องหวังหลุดออกจากภวังค์ เร่งรีบกล่าวตอบ “ศิษย์พี่สวี ระยะเวลาเข้าฌานของศิษย์พี่ลู่ กินเวลาปีกว่าจะสองปีแล้ว!”

ในดวงตาทั้งสองของนางปิดแววกลัดกลุ้มไม่มิด สวีเฟยได้ยินแล้วก็กล่าวในใจ ‘ตั้งแต่พ่ายให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ ก็เข้าฌานมาโดยตลอด ไม่ออกจากฌาน…’

สวีเฟยไม่ได้สนิทสนมกับลู่เวิ่นแต่อย่างใด อีกฝ่ายทนดูเขาร่ำสุราเป็นนิจไม่ได้ เขาเองก็ไม่มีทัศนะเดียวกันอะไรกับลู่เวิ่นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงเคารพซึ่งกันและกันโดยการอยู่ห่างๆ

ลู่เวิ่นหยิ่งทระนง สวีเฟยเองก็รับรู้ หากแต่ตอนนี้ได้ยินว่าอีกฝ่ายอับจนทางออก เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวลอยู่บ้างเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายปีมานี้เกิดเรื่องนพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต

ถึงแม้ว่าสวีเฟยจะมีความกังวลในใจอยู่บ้าง ทว่าบนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออกมา เพียงคลายกังวลให้กับศิษย์น้องหวัง “ไม่ต้องเป็นกังวลไป ครั้งนี้ศิษย์น้องลู่อาจจะสามปีไม่ส่งเสียง ครั้นส่งเสียงอาจจะน่าตื่นตะลึงก็เป็นได้”

หลังจากพูดปลอบใจศิษย์น้องหวังให้กลับไป สวีเฟยกลับไม่ได้กลับไปเช่นกัน หากแต่สูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปในป่าอีก

จนกระทั่งโพรงหินปิดตายติดภูเขาแห่งหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของสวีเฟย

————————–