[บริษัทหลัวฝาง]
“เราไม่ได้ข่มขู่หรือคุกคามใครเลย และเราก็ไม่ได้ปลอมแปลงหลักฐานใดๆเลยด้วย นี่เป็นของปลอมอย่างแน่นอน ศาลจะยุติธรรมต่อทุกคน บริษัท หลัวฝาง เป็นพลเมืองที่ดีซึ่งปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนั้นโปรดอยู่ในความสงบและรอการตัดสินขั้นสุดท้ายของศาลและท่านประธานก็ไม่ได้มีภูมิหลังตามข่าวลือใดๆ ฉันเชื่อว่ากฎหมายจะตัดสินอย่างยุติธรรม”
สวี่ กว่างซ่ง ตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวมากกว่า 50 คนตรงหน้าทางเข้า บริษัท หลัวฝาง แต่อย่างไรก็ตามเสียงของเขานั้นมันแผ่วเบามากจนแทบที่จะไม่ได้ยิน เนื่องจากเสียงตะโกนถามคำถามของพวกนักข่าวจนกลบเสียงของเขาไปจนเกือบหมด
“รองประธาน สวี่ คุณไม่ใช่เจ้าของบริษัท หลัวฝาง ได้โปรดให้ประธานของคุณออกมาและให้คำอธิบายกับพวกเราและสาธารณชน!”
“ใช่แล้ว ในฐานะนักข่าว พวกเราต้องทำงานกันอย่างหนักอดหลับอดนอนเพื่อทำมาหากิน เรารายงานเพียงแค่ว่ามีคนเสียชีวิตจากการกินขนมปังที่ปนเปื้อนของคุณ แต่พวกคุณกลับมาข่มขู่เราและแม้กระทั้งฟ้องศาล! พวกคุณไม่รู้สึกละอายกับการกระทำของพวกคุณบ้างเลยหรือ? พวกคุณโกหกเพื่อสร้างชื่อเสียงของคุณ และพวกคุณจะมาคาดหวังและเชื่อมั่นในคุณภาพอาหารของพวกคุณได้อย่างไร”
คำถามที่โหดร้ายหนึ่งคำถามถูกผลักออกไปอีกครั้ง นักข่าวเหล่านี้มาพร้อมกับอารมณ์โกรธ พวกเขาไม่ได้มาเพื่อสัมภาษณ์ แต่กลับมาหาผู้กระทำความผิดภายใต้ร่มธงของนักข่าว!
“อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ เราทำได้เพียงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้สาธารณะชนรับรู้เพียงเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงศาลจะตัดสินตามความจริงตามหลักฐานเอง กรุณาแยกย้ายกันออกไปด้วยและอย่ากีดกันทางเข้าของ บริษัท เรา ไม่เช่นนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตของ บริษัท”
ลำคอของ สวี่ กว่างซ่ง เริ่มแห้งผาดจากการพูดมาเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะต้องถอยห่างจากฝูงนักข่าวพวกนี้และกลับไปที่สำนักงานของเขาเพื่อดื่มน้ำ
หลังจากดื่มน้ำและฟื้นฟูร่างกายแล้ว สวี่ กว่างซ่ง ก็มุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของเสี่ยวหลัว เขาถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้า “นักข่าวข้างนอกจะไม่ยอมปล่อยพวกเราไป จนกว่าพวกเขาจะพบท่าน มันเป็นเพราะฉันเองที่ไม่สามารถโน้มน้าวท่านในตอนแรกได้ อนิจจา … ”
เสี่ยวหลัว เงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดว่า:“แล้วทำไมรองประธาน สวี่ จำเป็นจะต้องให้ความสนใจกับพวกเขาด้วย? แค่แกล้งทำเป็นมองพวกเขาเหมือนกับพวกแมลงวันที่คอยบินไปบินมาก็พอแล้ว”
“แต่พวกเขากำลังชุมนุมกันอยู่ข้างนอกและขวางทางเข้าบริษัทอยู่ พวกรถบรรทุกที่บรรทุกวัสดุและสต็อกของเราไม่สามารถเข้าและออกได้ เราไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้ มิฉะนั้นมันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินงานของ บริษัท ของเรา” สวี่ กว่างซ่ง กล่าว
“คุณมีคำแนะนำที่สร้างสรรค์มากกว่านี้อีกไหม?”
“ฉันคิดว่าท่านควรออกไปข้างนอกและพูดกับพวกนักข่าว และพยายามทำให้พวกเขาสงบลง อย่าเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทางวาจา ฉันสงสัยว่าพวกนักข่าวเหล่านี้ทั้งหมดมาที่นี่ด้วยคำสั่งของ เฉิน เจียนไป่ เพื่อมาสร้างปัญหา การคุกคามใดๆ ที่ท่านทำอาจจะกลายไปเป็นข่าวโจมตี และมันอาจจะทำให้ หลัวฝาง ของเราย่ำแย่ยิ่งขึ้น
“ฉันขอคิดเกี่ยวกับมันก่อน คุณออกไปก่อนเถอะ”
“คราวนี้ฉันหวังว่าท่านประธาน จะฟังความคิดเห็นของฉัน! ฉันเฝ้ามองดู หลัวฝาง เติบโตขึ้นไปทีละขั้น และฉันก็จะไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของ หลัวฝาง เด็ดขาด… ”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว!” เสี่ยวหลัว โบกมือ เพื่อให้เขาออกไป
สวี่ กว่างซ่ง ไม่ได้พูดอะไรต่อไป เขาก้มศีรษะลงและเดินออกไปจากห้องทำงาน
เมื่อ สวี่ กว่างซ่ง ออกไปแล้ว จาง ซูซาน ก็วิดีโอคอลมาหา เสี่ยวหลัว อีกครั้ง
“เสี่ยวหลัว ไอ้พวกนี้มันทำตัวหยิ่งยโสมากเกินไปแล้ว!!” จาง ซูซาน คำรามเสียงดังผ่านทางโทรศัพท์
ในขณะที่กำลังวิดีโอคอล เสี่ยวหลัว สามารถได้ยินสิ่งที่ผู้สื่อข่าวกำลังตะโกนได้อย่างชัดเจน
“ออกมาซะ! ประธาน บริษัท หลัวฝาง! อย่ามาเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้!”
“คุณกล้าข่มขู่กับผู้สื่อข่าว แต่คุณกลับไม่กล้าที่จะมาให้สัมภาษณ์งั้นเหรอ!”
“ไอพวกชนชั้นสูง! บริษัท หลัวฝาง มันเป็นบริษัทใจดำ! มีคนตายจากการกินขนมปังที่ปนเปื้อนจากคุณ แต่คุณกลับไม่อยากให้เราแจ้งต่อประชาชนงั้นเหรอ! พวกคุณคิดว่าจะสามารถใช้มือปิดปังทั่วทั้งท้องฟ้าได้หรือไง!”
เมื่อฟังเสียงโห่ร้องของพวกเขา ดวงตาของเสี่ยวหลัวก็เริ่มเย็นชามากขึ้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นนักธุรกิจ แต่ความรู้สึกของสัตว์ร้ายมันก็ฝังอยู่ในกระดูกของเขา การใส่ร้ายและความอัปยศที่พวกนักข่าวกลุ่มนี้กำลังทำให้เขา มันแทบที่จะทำให้เขาทนไม่ได้
“ซูซาน แจ้งแผนกรักษาความปลอดภัย ให้นำนักข่าวเหล่านี้ไปยังห้องประชุม”
“แกแน่ใจเหรอว่าต้องการตอบรับการสัมภาษณ์ของพวกเขา” จาง ซูซาน รู้สึกประหลาดใจ
“หากพวกเขามาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์จริงๆ ฉันจะเห็นด้วยกับแกอย่างแน่นอน แต่ในกรณีนี้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันไม่ใช่”
เสี่ยวหลัว หัวเราะออกมาเบาๆ “จำเอาไว้ให้ดีอย่าทำอะไรและอย่าถามอะไร หลังจากที่แกพาพวกเขาไปปล่อยไว้ในห้องประชุม แค่บอกให้พวกเขารอที่นั่นก็พอ”
“แก…กำลังวางแผนที่จะทำอะไร”
จาง ซูซาน อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปอย่างอยากลำบาก แม้ว่าเขาและเสี่ยวหลัวจะเป็นพี่น้องกัน แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าแววตาของเสี่ยวหลัวมันกำลังซ่อนอันตรายบางอย่างเอาไว้
“ไม่มีอะไร แกไปบอกให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเริ่มดำเนินการเถอะ”
เสี่ยวหลัว กล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม“บอกพวก เฟิง อู๋ฮั่น กับพวกพี่น้องของเขาด้วย…”
แผนของ เสี่ยวหลัว ไปถึงหูของ จาง ซูซาน จางซูซาน ขมวดคิ้วในตอนแรกจากนั้นคิ้วของเขาก็ค่อยๆคลายออกและในที่สุดมันก็กลายมาเป็นความตื่นเต้น
“ให้ได้แบบนี้สิวะ! มาทำกันเถอะ ฉันสาบานได้เลยว่าพวกนักข่าวพวกนี้พวกมันจะต้องหวาดกลัว! ดูสิว่าหลังจากนี้พวกมันยังจะกล้าที่จะมายุ่งกับ บริษัท หลัวฝาง อยู่อีกไหม?”
จาง ซูซาน วางสายและตะโกนใส่ เฟิง อู๋ฮั่น“เฮ้ พี่หมี ได้เวลาทำงานแล้ว!”
“มันคือสายของพี่ใหญ่เสี่ยวใช่ไหม พ่อคนนี้อารมณ์เสียกับพวกเขามานานมากแล้ว มั่นใจได้เลยว่าถ้ามันเป็นเรื่องของกำลัง แผนกรักษาความปลอดภัยของเราจัดการได้อย่างดีอย่างแน่นอน!” เฟิง อู๋ฮั่น ถกแขนเสื้อของเขาขึ้นมา พร้อมกับสบัดแข็งสบัดขาอย่างตื่นเต้น
“ให้ตายเถอะ! พวกเราเป็นคนที่มีอารยธรรม และเราก็ไม่สนใจมีดและปืน”
จาง ซูซาน กล่าวตำหนิ ด้วยใบหน้าที่เที่ยงธรรม เฟิง อู๋ฮั่น มองมาที่ จาง ซูซาน ด้วยความสับสน จากนั้น จาง ซูซาน ก็ คว้าลำโพงขยายเสียงมาจากหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย เขากลั้วคอแล้วพูดกับนักข่าวที่กำลังเอะอะว่า“พวกขยะ!…โอ้ไม่ใช่สิ พวกคุณนักข่าวที่เป็นตัวแทนของประชาชนและพวกที่ขยันทำงานทั้งหลาย ฉันมีข่าวดีที่จะมาบอกกับพวกคุณ ท่านประธานของเราสัญญาว่าจะมาพบพวกคุณ! พวกคุณโปรดตามเรามาที่ห้องประชุม และหาที่นั่งรอตากแอร์เย็นๆ และรอให้ท่านประธาน มาพบพวกคุณที่นี่”
จาง ซูซาน เกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่ด้วยการเรียกพวกนักข่าวว่า “พวกขยะมูลฝอย” มันเป็นความรู้สึกที่เขารู้สึกกับพวกคนเหล่านี้ แต่เขาก็หยุดคำพูดของตัวเองได้ทันเวลา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าของอาคารเมื่อได้รับคำสั่ง พวกเขาก็กดสวิตช์ เพื่อเปิดประตูอัตโนมัติ จากนั้นประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ สำหรับประตูเหล็กที่อยู่ถัดจากนั้น ที่ใช้สำหรับเหตุฉุกเฉิน พวกเขาไม่จำเป็นต้องเปิดมันสำหรับพวกนักข่าวเหล่านี้
“นั่งรออยู่ในห้องประชุมกันไปก่อน ท่านประธาน จะมาพบกับพวกคุณในเร็วๆนี้”
“อย่ามาล้อเล่นกับพวกเรา มิฉะนั้นเราจะเปิดเผยความผิดทุกอย่างของ หลัวฝาง และตอนในฤดูใบไม้ร่วง บริษัท หลัวฝาง จะต้องตกต่ำลงอย่างแน่นอน”
ฝูงนักข่าวดูร่าเริงในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในห้องประชุมปรับอากาศ พวกเขาเดินเข้าไปข้างในอย่างภาคภูมิใจและไม่กลัวอะไรเลย
จาง ซูซาน ยิ้มแล้วพูดว่า “เข้าไปข้างในเถอะ”
เมื่อพวกเขาทั้งหมดเข้ามาข้างใน พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ปิดประตูลงในทันที ราวกับว่าพวกเขาปิดประตูขังหมาอย่างไรอย่างนั้น