ตอนที่ 141 พนักงานชั่วคราว

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

“พวกคุณจะต้องไม่เชื่อสิ่งนี้อย่างแน่นอน! มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว! พนักงานรักษาความปลอดภัยของเรา บังคับให้กลุ่มนักข่าวพวกนั้นเข้าไปในห้องประชุม พร้อมกับยึดอุปกรณ์และโทรศัพท์ของพวกเขาด้วยการบังคับ และกักขังพวกเขาเอาไว้เหมือนกับนักโทษ”

ที่อาคารสำนักงานของ หลัวฝาง มีพนักงานหญิงคนหนึ่งกำลังพูดซุบซิบนินทาส่งต่อข่าวไปยังคนอื่นๆ

“พวกคนในแผนกรักษาความปลอดภัย จะต้องได้รับคำสั่ง มาจากประธานเสี่ยวอย่างแน่นอน ตอนนี้ประธานเสี่ยวกำลังคิดที่จะทำอะไร?”

“ตัดสินจากในสถานการณ์ตอนนี้แล้ว พวกเขาอาจจะใช้กำลังกับนักข่าวเหล่านั้น”

“แต่การทำแบบนั้น มันจะทำให้สิ่งต่างๆเลวร้ายลงเรื่อยๆ ด้วยผลที่ตามมาแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำแบบนั้น”

ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้มันจะเป็นการสนับสนุนข้ออ้างของพวกนักข่าวว่า บริษัท หลัวฝาง เป็นพวกสีดำหรอกเหรอ?

หลังจากที่ได้ยินข่าว พวกหัวหน้าแผนกทุกคนต่างก็พากันเดินไปที่ห้องทำงานของเสี่ยวหลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ สวี่ กว่างซ่ง เขาวิ่งไปที่นั่นด้วยความเร็วเต็มที่ ทันทีที่พวกเขาเคาะประตูและเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน พวกเขาต่างก็พากันพูดแนะนำกันอย่างอลม่าน พวกเขาต่างก็พากันบอกว่าไม่ควรปฏิบัติต่อพวกนักข่าวด้วยวิธีนี้ มิฉะนั้นสถานการณ์มันก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก

“ประธานเสี่ยว ฉันขอคัดค้านวิธีการรับมือแบบนี้ มันมากเกินไป ผู้คนต่างก็พากันพูดถึง บริษัท หลัวฝาง ว่าเป็นกลุ่มสีดำ สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกนักข่าวนั้นพูดถูก” สวี่ กว่างซ่ง รู้สึกกังวลเป็นพิเศษ แม้แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

หลิน เฉาตง พูดเสริมต่อว่า “แม้ว่าฉันจะรู้สึกรังเกียจนักข่าวพวกนั้น แต่เราก็ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้ ไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไรกับพวกเขา ฉันหวังว่าท่านประธานจะคิดทบทวนและพิจารณาอย่างรอบคอบ”

เสี่ยวหลัว ปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเขาแล้วยืนขึ้นพร้อมกับนำมือไขว้หลัง เขาพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “การคัดค้านของพวกคุณมันไม่ถูกต้อง สำหรับทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับฉัน ฉันก็ยินดีที่จะตอบรับการลาออกของคุณได้ตลอดเวลา!”

หลังจากพูดเสร็จ เสี่ยวหลัว ก็เดินออกไป พวกหัวหน้าแผนกต่างก็พากันมองไปที่เสี่ยวหลัว ด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า

เสี่ยวหลัว ต้องการนำ บริษัท ด้วยจิตวิญญาณของหมาป่า นับตั้งแต่เขาเข้ามาเป็นประธานของบริษัท หลัวฝาง แล้ว จิตวิญญาณของหมาป่าคืออะไร? ในมุมมองของเขามีสองคำที่สามารถใช้เพื่ออธิบายมันได้นั่นก็คือ “ไร้ปราณีและโหดเหี้ยม!”

ไม่ว่าจะต่อตัวเองหรือต่อศัตรู คุณจะต้องเป็นคนที่ไร้ปราณีมากกว่าที่จะเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้าทำอะไร เขาต้องการให้ หลัวฝาง กลายเป็นถ้ำของหมาป่า! ทุกคนที่กล้าสร้างปัญหา พวกมันก็จะต้องจ่ายราคาแพงเป็นค่าตอบแทน!

“รองประธาน สวี่ เราควรจะทำอย่างไรกันดี เราจะปล่อยให้ประธานเสี่ยว ดำเนินการต่อไปโดยที่ไม่คำนึงถึงถึงการทักท้วงของเราเลยงั้นเหรอ?” พนักงานคนหนึ่งถาม สวี่ กว่างซ่ง

ก่อนที่ สวี่ กว่างซ่ง จะมีโอกาสได้ตอบคำถาม หลี่ จื่อเมิ่ง ก็รีบตอบออกไปก่อนว่า“ได้โปรดอย่าใช้คำว่าไม่ไม่คำนึงถึงพวกเรา เพราะว่าฉันสนับสนุนประธานเสี่ยว”

“ใช่แล้ว พวกนักข่าวกลุ่มนี้รังแกพวกเรามากเกินไปแล้ว พวกเขาปฏิบัติกับเรา และ หลัวฝาง เหมือนกับผู้อ่อนแอที่จะข่มเหงรังแกเราตอนไหนก็ได้ พวกเขาจะไม่เรียนรู้ถ้าพวกเราไม่สั่งสอนพวกเขาในวันนี้ เราไปดูประธานเสี่ยวกันเถอะ ว่าเขาจะจัดการกับนักข่าวกลุ่มนี้อย่างไร” ลั่วฉี พูดออกมาอย่างโกรธแค้น

หลี่ จื่อเมิ่ง พยักหน้า และจับมือกันเดินออกไป

กลุ่มที่เหลือรอดูที่ของ สวี่ กล่างซ่ง และรอให้เขาตัดสินใจ

สวี่ กว่างซ่ง กัดฟันของเขาและหายใจเข้าลึก พร้อมกับพูดว่า“ไปดูกันเถอะ”

ผู้บริหารทั้งหมดของ หลัวฝาง ล้วนมุ่งหน้าไปที่ห้องประชุม

ในขณะนี้ห้องประชุมของ หลัวฝาง เต็มไปด้วยเสียงของการประท้วง

“ถ้าพวกคุณยังบังคับเอาอุปกรณ์ของเราออกไปอีก ฉันจะเปิดเผยพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของพวกคุณ ออกไปสู่สาธารณะชน!”

“ถ้าพวกคุณยังจับพวกเราเอาไว้เป็นเชลยอยู่อีกหละก็ ฉันจะฟ้องร้องพวกคุณทั้งหมด เมื่อฉันออกไปจากที่นี่!”

“บริษัท หลัวฝาง! สื่อโซเชียลจะถูกลงโทษพวกคุณอย่างแน่นอน”

เสียงประท้วงดังสะท้อนอยู่ในหองประชุมขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ทำได้แต่เพียงข่มขู่ คนที่ไม่ปฏิบัติตาม ก็จะถูกทุบจนฟันหลุดออกไปหลายซี่ โดยพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่รอบตัว ตอนนี้พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยดูเหมือนกับรูปปั้นวิญญาณชั่วร้ายที่ถือไม้เท้าสีดำและจ้องมองไปที่พวกนักข่าวอย่างเย็นชา พวกนักข่าวทำได้เพียงแต่ตะโกนประท้วง แต่พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะทำอะไร

จาง ซูซาน ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ของ เสี่ยวหลัว เขาไม่สนใจว่าทำไมเสี่ยวหลัว ถึงออกคำสั่งแบบนี้ เขามองไปที่พวกนักข่าวด้วยอย่างเย็นชา และเขายังบอก เฟิง อู๋ฮั่น ด้วยอีกว่าเขาสามารถยับยั้งทุกคนที่กล้าสร้างปัญหาได้เลย และเขายังอนุญาตให้ เฟิง อู๋ฮั่น ใช้ความรุนแรงได้หากการยับยั้งไม่ได้ผล ในตอนท้าย จาง ซูซาน ยังกล่าวเสริมว่า“สิ่งนี้คือสิ่งที่เสี่ยวหลัวสั่ง” ซึ่งมันได้กำจัดความลังเลทั้งหมดของ เฟิง อู๋ฮั่ว ออกไป

……

พวกนักข่าวค่อยๆเงียบเสียงลงเรื่อยๆ เนื่องจากไม่มีใครสนใจพวกเขาเลย ตอนนี้พวกเขารออยู่ในห้องประชุมมาเป็นเวลาสามชั่วโมงแล้ว ไม่เพียงแต่โกรธ พวกเขายังหิวมากอีกด้วย

นักข่าวหญิงคนหนึ่งไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ววิ่งตรงไปที่ประตูห้องประชุม เธอต้องการออกจากที่นี่

เฟิง อู๋ฮั่น ยื่นมือออกมาและหยุดเธอ: “คุณกำลังจะไปไหน?”

“ออกไปให้พ้น ฉันต้องการออกไป! คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาละเมิดเสรีภาพของฉัน!”

นักข่าวหญิงรวบรวมความกล้าหาญของเธอและตะโกนออกมาเสียงดัง แม้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเธอจะเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดที่ทุบฟันของนักข่าวอีกคนหักด้วยหมัดเดียวก็ตาม

เฟิง อู๋ฮั่น ขมวดคิ้วและพูดว่า“คุณไม่สามารถออกไปได้ ประธานเสี่ยวยังไม่มาที่นี่ ไม่มีใครจากไปได้”

“ฉันไม่ต้องการพบเขาอีกแล้ว ฉันต้องการออกไป หลบไปให้พ้นทางของฉันซะ!” นักข่าวหญิงตะโกนพร้อมกับขบฟันของเธอแน่น

“เหอะ! คุณคิดว่าประธานเสี่ยว เป็นสัตว์จรจัดตามข้างถนนหรือไง ที่จะมาขอพบและเลิกขอพบ ตามใจของคุณได้”

เมื่อก่อน เฟิง อู๋ฮั่น ถูกเรียกว่าเป็นปีศาจร้ายเมื่อเขาอยู่ในหมู่บ้าน แม้ว่าเขาจะเป็นลูกผู้ชายและไม่รังแกผู้หญิง แต่เขาก็สามารถสวมบทบาทเป็นพวกนักเลงได้ เขาจับเธอด้วยมือและแสดงจิตวิญญาณของนักเลงที่แข็งแกร่งออกมา “เนื่องจาก ประธานเสี่ยว ให้สัญญาว่าจะมาพบกับคุณ คุณก็จะต้องพบกับเขา กลับไปนั่งซะ! ฉันเป็นเพียงพนักงานชั่วคราว อย่าบังคับให้ฉันต้องลำบาก!”

เฟิง อู๋ฮั่น ก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม ซึ่งมันทำให้นักข่าวหญิงกลัว ในที่สุดเธอก็รีบหนีหายวับไปต่อหน้าจิตวิญญาณนักเลงของเขา และกลับไปที่นั่งด้วยความหวาดกลัว

“พวกคุณบังคับให้พวกเรารออยู่ที่นี่ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่านี่เป็นการคุมขังที่ผิดกฎหมาย เราจะฟ้องร้องพวกคุณเมื่อเราออกไปได้!” นักข่าวชายที่มีเคราเยิ้ม ยืนขึ้นและตะโกนใส่ เฟิง อู๋ฮั่น

“ฟ้องพวกเรางั้นเหรอ?”

เฟิง อู๋ฮั่น หันไปมองเสี่ยวอู๋ เสี่ยวอู๋รีบเดินเข้าไปในทันทีแล้วลากชายที่เต็มไปด้วยเคราคนนั้นออกมาจากที่นั่งของเขา และพาเขาไปที่ เฟิง อู๋ฮั่น เหมือนกับสุนัข

“คุณ! คุณกำลังทำอะไร? ฉันเป็นนักข่าวนะ คุณกำลังทำอะไร!” ชายที่เต็มไปด้วยเครา พูดออกมาด้วยความหวาดกลัว

“เปี้ยะ~”

เฟิง อู๋ฮั่น ยกมือขนาดใหญ่ของเขาขึ้นไปตบใบหน้าของชายที่เต็มไปด้วยเคราในทันที เสียงตบมันดังสนั่นในห้องประชุม มันทำให้พวกนักข่าวที่อยู่ในห้องประชุมหัวใจสั่นเทาขึ้นมาในทันที พวกเขายืดตัวตรงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

หลังจากตบชายมีเต็มไปด้วยเครา เฟิง อู๋ฮั่น ก็จับไปที่คอของชายคนนั้นและตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า“ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันเป็นพนักงานชั่วคราว ฉันจะทำอะไรก็ได้แม้ว่าจะทำให้คุณพิการก็ตาม พวกคุณที่อยู่ที่นี่มันไม่มีอะไรเลย พวกคุณต้องปิดปากเมื่อฉันสั่ง กลับไปรอประธานเสี่ยวอย่างเงียบๆ ในที่นั่งของตัวเองซะ!”

เฟิง อู๋ฮั่น โยนชายที่เต็มไปด้วยเคราออกไป เขามองไปที่ ส่วนที่เหลือของนักข่าวด้วยสายตาที่เย็นชาพร้อมกับคำรามออกมาว่า“อย่าก่อปัญหาอีก มิฉะนั้นฉันจะให้ทุกท่านลิ้มรสชาติของความเจ็บปวด ถ้าคุณต้องการดื่มน้ำ มีตู้น้ำอยู่ตรงหัวมุมตรงนั้น แต่ถ้าพวกคุณต้องการปัสสาวะ พวกคุณต้องอั้นไว้ ถ้าประธานเสี่ยวยังไม่มาถึง แม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มพวกคุณก็ไม่สามารถออกไปจากห้องประชุมนี้ได้!”

ประโยคสุดท้าย เฟิง อุ๋ฮั่น เขาแผดเสียงร้องตะโกนออกมา เมื่อจับคู่กับใบหน้าที่ดุร้ายของเขาแล้ว มันมีผลยับยั้งค่อนข้างดีเลยทีเดียว

พวกนักข่าวไม่กล้าที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันของตัวเองอย่างชัดเจน ว่าพวกเขาเป็นปลาที่อยู่ในเขียงที่นอนรอความเมตตาจากผู้จับกุม ผู้สื่อข่าวหญิงบางคนตัวสั่นเทาด้วยความกลัว