ผู้สื่อข่าวมากกว่า 50 คนถูกขังอยู่ในห้องประชุมตลอดทั้งวัน
ตอนนี้เป็นเวลากว่า ห้า โมงเย็นแล้ว พวกเขาถูกขังอยู่ในห้องประชุมมาเป็นเวลากว่าแปดชั่วโมง พวกเขาทั้งหมดรู้สึกหิวและเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก บางคนปวดหนักปวดเบาแตกต่างกันไป เมื่อไม่ได้เข้าห้องน้ำนานกว่าแปดชั่วโมงที่ใบหน้าของพวกเขาต่างก็พากันบิดเบี้ยว ในช่วงเวลาแปดชั่วโมงแห่งการถูกคุมขังพวกเขาประสบปัญหาทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง
บางคนพยายามที่จะฝ่าประตูออกไป แต่ก็ถูกทุบตีอย่างรุนแรงจนดวงตาช้ำดำเขียว พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ไม่แม้แต่จะแสดงความเมตตาต่อผู้หญิง เมื่อมีคนขัดขืนพวกเขาก็จะตบไปที่หน้าของพวกเธอในทันที เฟิง อู๋ฮั่น และคนของเขาที่สวมเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยดูไม่ต่างไปจากพวกแก๊งมาเฟียในสายตาของพวกนักข่าวเลยแม้แต่น้อย
นักข่าวหญิงบางคนร้องไห้ ต่อความโหดเหี้ยมและทุกข์ทรมานมาเป็นเวลากว่าแปดชั่วโมง เมื่อบวกกับความเหนื่อยล้าทางร่างกายและความหิวโหยความวิตกกังวลภายในจิตใจแล้วนั้น เจตจำนงของพวกเขาเกือบที่จะถูกทำลายไปแล้ว พวกเขาเป็นเหมือนกับนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องขัง ตอนนี้ความฝันเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือ การโหยหาโลกเสรีที่อยู่ข้างนอก
“ข่าวดีข่าวดี! ประธานเสี่ยว ซึ่งเป็นบุคคลที่พวกคุณต้องการสัมภาษณ์ กำลังจะมาแล้ว!”
เสียงที่คมชัดและแหบแห้งของ จาง ซูซาน ดังขึ้น
การประกาศของ จาง ซูซาน มันเป็นราวกับบทเพลงที่อยู่บนสรวงสวรรค์ต่อหูของพวกนักข่าว พวกเขาทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีที่ พวกเขารู้ว่าแล้วว่าการรอคอยที่ทรมานกำลังจะจบลงและพวกเขาก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้ในไม่ช้า
เสี่ยวหลัว เดินเข้ามาอย่างช้าๆ และเดินตรงไปยังโพเดี้ยม
เสี่ยวหลัว เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำแขนยาวเพรียวบางพร้อมแถบสีแดงและขาว แขนเสื้อของเขาม้วนขึ้นและแสดงให้เห็นถึงแขนอันเรียวยาวของเขา ที่บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กๆสลักอยู่
ผู้สื่อข่าวทุกคนต่างก็พากันประหลาดใจและคิดกับตัวเอง: นี่คือประธานของ บริษัท หลัวฝาง งั้นเหรอ? ทำไมเขาถึงเด็กอะไรอย่างนี้!
มันไม่น่าแปลกใจที่พวกเขา เห็น เสี่ยวหลัว แล้วจะประหลาดใจ เพราะ ประธานของ บริษัท ประเภทนี้ ส่วนมากมักจะเป็นชายวัยกลางคน พวกเขาไม่เคยเห็นซีอีโอที่เด็กแบบนี้มาก่อน
“ฉันพนันได้เลยว่าพวกคุณทุกคนกำลังหิวกันอยู่ใช่ไหม? ฉันได้เตรียมอาหารเย็นไว้ให้กับพวกคุณแล้ว!” เสี่ยวหลัว พูดในขณะที่มองไปที่ผู้สื่อข่าว
หลังจากที่เสียงของเสี่ยวหลัวจางหายไป พนักงานของ บริษัท หลัวฝาง ก็ผลักดันรถเข็นที่เต็มไปด้วยขนมอบขนมหวานเข้ามา และพวกพนักงานก็พากันเดินแจกจ่ายขนมปังที่อบสดใหม่ให้กับพวกนักข่าวทุกคนที่อยู่ในห้อง และมันก็มีส่วนแบ่งของ เสี่ยวหลัว เช่นกัน
เสี่ยวหลัวนั่งลงอย่างสง่างามและกินขนมอบด้วยความเพลิดเพลินต่อหน้าผู้สื่อข่าว พร้อมกับพูดว่า “หลัวฝาง ของเราเป็น บริษัท ขนมอบและนี่เป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถเสิร์ฟให้กับทุกคนได้ ทุกท่านกินกันก่อนเถอะ หลังจากที่พวกคุณกินเสร็จแล้ว พวกคุณก็จะได้มีพลังงานมากพอที่จะทำการสัมภาษณ์ ”
นักข่าวชายคนหนึ่งที่สวมแว่นตาดำราวกับว่าเขามีอาการทางประสาท แม้ว่าเขาจะหิว แต่ความหิวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเทียบได้กับความอัปยศที่เขาประสบในวันนี้ เขาคว้าขนมปังมาและโยนมันลงไปบนพื้นอย่างแรงพร้อมกับเหยียบมันอย่างหนัก แล้วพูดกับเสี่ยวหลัวว่า: “หยุดเสแสร้งได้แล้ว คุณขังพวกเราเอาไว้! เมื่อพวกเราออกไปข้างนอกได้ คุณรอรับหมายศาลเรียกตัวได้เลย ในนี้มีคนกว่า 50 หรือ 60 คน ฉันไม่เชื่อหรอกว่า ฉันจะไม่สามารถนำคุณเข้าคุกได้! ”
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเสี่ยวหลัวจางหายไปราวกับหมอกควันในทันที: “ฉันเกลียด คนที่ไม่ให้เกียติอาหารมากที่สุด!”
เฟิง อู๋ฮั่น สวมใบหน้าที่โหดเหี้ยม และก้าวไปข้างหน้า เขาชี้ไปที่ชายใส่แว่นตาและตะโกนว่า“หยิบขนมปังขึ้นมา!”
เฟิง อู๋ฮั่น คำรามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
ผู้ชายที่ใส่แว่นตา ตัวสั่นเทาเล็กน้อย ด้วยกลัวอำนาจที่เผด็จการของ เฟิง อู๋ฮั่น ดังนั้นเขาจึงหยิบขนมปังขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
“กินมัน!”
คำสองคำถูกเปล่งออกมาจากลำคออย่างเย็นชา
มันไม่ได้มาจาก เฟิง อู๋ฮั่น แต่มันมาจากเสี่ยวหลัว ผู้ซึ่งยืนอยู่บนโพเดี้ยม
เสียงของเสี่ยวหลัว มันเงียบสงบและแผ่วเบามาก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้นักข่าวทุกคนรู้สึกตัวสั่นเทาด้วยความกลัวจากจิตวิญญาณของพวกเขา
เสี่ยวหลัวเริ่มต้นจากความประทับใจความสุภาพและมีอัธยาศัยดี ด้วยเหตุนั้นมันจึงทำให้จิตใจของพวกเขารู้สึกผ่อนคลายในตอนแรก แต่ภาพนั้นมันก็ได้พังทลายลงไปในทันทีในตอนนี้ พวกเขาตระหนักว่าไม่ใช่พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยที่โหดร้าย แต่มันเป็น ประท่านหนุ่ม คนนี้ต่างหากที่โหดเหี้ยมที่สุด
ใบหน้าของผู้ชายที่ใส่แว่นตาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ตัวของเขาสั่นเทาขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวหลัวที่อยู่บนโพเดี้ยมและพยายามที่พูดว่า“คุณ…คุณ…”
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเสี่ยวหลัว ที่ดูสุภาพและอัธยาศัยดีในตอนแรก จะเป็นคนที่โหดเหี้ยมและโหดร้ายขนาดนี้ และขอให้เขากินขนมปังสกปรกที่เขาใช้เท้าเหยียบ เขาจงใจทำให้เขาอับอายในที่สาธารณะชัดๆ
“แกเป็นใคร? พี่ใหญ่เสี่ยวขอให้แกกินขนมปัง แกไม่ได้ยินที่เขาพูดเหรอ?” เฟิง อู๋ฮั่น พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ด้วยใบหน้าที่ดุร้ายของเขามันทำให้คำพูดของเขาดูรุนแรง
ด้วยคำพูดของ เฟิง อู๋ฮั่น ผู้ชายที่ใส่แว่นตาจึงไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง ดังนั้นเขาจึงได้หยิบขนมปังที่สกปรกจากมือของเขาขึ้นมา พร้อมกับร้องไห้.
เสี่ยวหลัวยิ้มอีกครั้ง เมื่อเทียบกับตอนนี้ มันแตกต่างกับเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง
ผู้สื่อข่าวคนอื่นๆ ที่สบตากับเสี่ยวหลัว พวกเราลดหัวลงและรีบกินขนมปังไปในทันที
“ดูเหมือนว่า พวกคุณจะหิวกันจริงๆ!”
เสี่ยวหลัวลุกขึ้นยืนด้วยความพอใจและโบกมือของเขาให้กับ จาง ซูซาน ให้ยื่นเอกสารมาให้กับเขา
เอกสารนี้มันบันทึกรายละเอียดข้อมูลของผู้สื่อข่าวทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ จาง ซูซาน เขารวบรวมข้อมูลของผู้สื่อข่าวเหล่านี้ผ่านทางคอนเนคชั่นของเขา วันนี้เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยตลอดทั้ง เนื่องจากหาข้อมูลเหล่านี้
“ติง เสี่ยวจ้าน!”
เสี่ยวหลัวอ่านรายชื่อขึ้นมาแล้วพูดต่อไปว่า“ใครคือ ติง เสี่ยวจ้าน”
“ มันคือ…มันคือฉันเอง…”
นักข่าวหญิงคนหนึ่งที่ดูอ่อนหวานยืนขึ้นอย่างเชื่องช้าๆ
“บ้านเกิดของคุณคือมณฑลของอันในจังหวัดหู่ พ่อแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่และคุณก็มีน้องชายที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียน ฉันพูดถูกต้องไหม” เสี่ยวหลัว ถามเธอด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของนักข่าวหญิงเบิกกว้าง เธอพยักหน้ารับโดยสัญชาตญาณ
เสี่ยวหลัวไม่สนใจเธอและยังคงอ่านชื่อนักข่าวคนต่อไป
“ลู่ เต๋อฮวา บ้านของคุณอยู่ในตัวเมืองเทียนจังหวัดไห่ และคุณก็มีลูกชายอายุหกขวบ…”
“หลัน จินหลุน, คุณอยู่ในเมืองเจียงเฉิง เขต …”
“เกา ลิลี่ คุณมาจากมณฑลฮู่หนาน ในจังหวัดซาน…”
นักข่าวทุกคนที่ถูกเอ่ยชื่อและที่อยู่บ้านพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา กลายเป็นหน้าขาวซีดไปในทันที แม้ว่าน้ำเสียงของเสี่ยวหลัวจะไม่คุกคาม แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงอันตรายและความสยดสยองที่อธิบายไม่ได้
เสี่ยวหลัวยังคงอ่านพื้นหลังของพวกนักข่าวต่อไปมากกว่าหนึ่งโหล จากนั้นเขาก็ปิดเอกสารลงไป สายตาเหยี่ยวของเขากวาดมองไปทั่วห้องประชุมอย่างเยือกเย็นและพูดว่า“ตอนนี้พวกคุณสามารถสัมภาษณ์ฉันได้แล้ว!” จากนั้น เสี่ยวหลัวก็หันหน้าไปหา จาง ซูซาน และพูดว่า“เอาของพวกเขา ส่งกลับคืนไป”
“ได้เลย!”
หลังจากได้รับคำสั่ง จาง ซูซาน ก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน จาง ซูซาน ก็นำกล่องที่เก็บไมโครโฟนกล้องและโทรศัพท์มือถือของพวกนักข่าวกลับมา
อย่างไรก็ตามพวกผู้สื่อข่าวก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร พวกเขาทำได้เพียงแต่จ้องมองหน้ากันและกัน …
สัมภาษณ์? พวกเขาจะไปสัมภาษณ์ได้อย่างไรกัน
ที่อยู่บ้านและสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาถูกตรวจสอบหมดแล้ว มันเป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน!
ในขณะนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมั่นใจในสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือบริษัท หลัวฝาง ได้รับการสนับสนุนจากพวกแก๊งมาเฟียอย่างแท้จริง
แม้ว่าในเวลาปกตินักข่าวมักจะเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและไม่สนใจพวกดาราหรือนักธุรกิจที่ร่ำรวย เมื่อเจอกับพวกนั้น พวกเขายังมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำลายพวกนั้นได้ด้วยสาธารณะชนหากพวกเขาต้องการ แต่ตอนนี้พวกเขารู้สึกกลัวมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
แก๊งมาเฟียพวกนั้นมันไม่มีหลักการ พวกเขาจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการตอบโต้หากพวกเขาก่อความไม่พอใจให้กับคนพวกนั้น!
“ไม่ไม่ พวกเราจะไม่สัมภาษณ์คุณอีกต่อไปแล้ว ฉันสัญญากับประธานเสี่ยวได้เลยว่า มันจะไม่มีข่าวด้านลบของ บริษัท หลัวฝาง ในสื่อที่สำคัญๆอีกต่อไป ”
“ใช่ๆ ขนมปังของ บริษัท หลัวฝาง นั้นได้มาตรฐานและมีรสชาติที่อร่อยมาก วันนี้พวกเราได้ลองชิมด้วยตัวเองดูแล้ว มันดีกว่าของ Taste Buds มาก”
“สมองของพวกเรามันตื้นเขินจนเกินไป ที่จะรับรู้ได้ถึงความโดดเด่นของคุณ ประธานาเสี่ยวเป็นคนใจกว้างและมีน้ำใจ เราหวังว่าคุณจะไม่โกรธแค้นกับสิ่งที่พวกเราทำลงไป”
ผู้สื่อข่าวทุกคน ก้มหัวลงอย่างประนีประนอมและยิ้มขอโทษเสี่ยวหลัว
ในสายตาของพวกเขา เสี่ยวหลัว เขาราวกับเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย ที่พวกเขาไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้ ในขณะนี้พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ฟัง เฉินเจียนไป่ และมาที่ บริษัท หลัวฝาง เพื่อสร้างปัญหา ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงไปในหลุมที่พวกเขาขุดขึ้นมาเอง!