ตอนที่ 143 ความมืดและแสงสว่าง

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

พวกคนกลุ่มนี้เป็นพวกที่ย้อนแย้งกันมาก เมื่อตอนที่พวกเขาไม่รู้ว่าคุณอยู่ในสังคมแก๊งมาเฟีย พวกเขาก็จะมีความกล้าที่จะใส่ร้ายคุณ แต่เมื่อพวกเขาพบว่าคุณอยู่ในสังคมแก็งมาเฟีย พวกเขาก็จะกลัวคุณ!

และนักข่าวกลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนประเภทนี้!

เมื่อ เสี่ยวหลัว เปิดประตูและปล่อยให้พวกเขาออกไป พวกเขาก็เป็นเหมือนกับนักโทษที่ถูกคุมขังมาเป็นเวลานานหลายปี พวกเขาตื่นเต้นมากจนน้ำตาคลอ พวกเขาสูดหายใจรับอิสรภาพเข้าสู่ร่างกายในทันที และรีบหนีออกไปให้ห่างจากความทุกข์ทรมานนี้ พวกเขาสาบานว่าพวกเขาจะไม่มาเหยียบที่ บริษัทฝาง อีกเด็ดขาดตลอดชีวิตที่เหลือของพวกเขา

ดังนั้นความวุ่นวายที่เกิดจากนักข่าวก็จบลงเช่นนี้ กลุ่มผู้บริหารของ บริษัท หลัวฝาง ทุกคนต่างก็พากันงงงวยและอ้าปากค้างด้วยความชื่นชมในกลยุทธ์ของ เสี่ยวหลัว

“ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิงจริงๆ”

สวี่ กว่างซ่ง ส่ายหัวแล้วเดินจากไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการจัดการของ เสี่ยวหลัว แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาก็ตาม

“ประธานเสี่ยว ทำงานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ มันยอดเยี่ยมมาก ฉันจะยืนหยัดอย่างมั่นคงและยืนอยู่ข้างประธานเสี่ยวในอนาคตอย่างแน่นอน” หลิน เฉาตง พูดอย่างกระตือรือร้น

เขารู้สึกชื่นชมเสี่ยวหลัว จากก้นบึ้งของจิตใจ หลังจากที่ได้เห็นกระบวนการทั้งหมดในการจัดการกับพวกนักข่าว

“หัวหน้าใหญ่นั้นมักจะมีความกล้าหาญอยู่เสมอ ฉันพบว่าตัวเองตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจังซะแล้วสิ” ลั่วฉี ขยิบตาเหมือนกับเด็กสาวแรกแย้มที่กำลังเริ่มตกหลุมรัก

หลี่ จื่อเมิ่ง ที่ยืนอยู่ข้างๆ ลั่วฉี พูดว่า“ผู้ชายที่โดดเด่นอย่างเขา อาจจะมีแฟนอยู่แล้วก็ได้”

“นั่นมันไม่สำคัญ ฉันยังสามารถเป็นเมียน้อยของเขาได้ ฮิฮิ!” ลั่วฉี หัวเราะ

หลี่ จื่อเมิ่ง รู้สึกราวกับเป็นคนโง่ หลังจากที่ได้ยินคำตอบของ ลั่วฉี

แม้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบของนักข่าวจะจบลง แต่วิกฤตใน หลัวฝาง ก็ไม่ได้บรรเทาลงแต่อย่างใด

ผลลัพธ์ของการพิจารณาคดีของศาลเป็นเหมือนกับขวานที่โหดเหี้ยมที่พร้อมจะฟันลงไปที่คอของ หลัวฝาง เมื่อใดก็ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ เฉิน เจียนไป่ ได้รับเงินค่าชดเชยจากการถูกข่มขู่ ตอนนั้นเขาคงจะมีเงินมากพอที่จะสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อที่จะใส่ร้าย หลัวฝาง และเมื่อถึงตอนนั้น หลัวฝาง คงจะจบสิ้นอย่างแท้จริง

นี่คือสงคราม ที่ไม่มีควันของดินปืน!

อย่างไรก็ตามเสี่ยวหลัวจะต้องชนะ มิฉะนั้นเขาก็จะประสบกับความล้มเหลว และเขาก็ไม่ยอมรับความล้มเหลวนั้น!

ในขณะที่เสี่ยวหลัว กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานและคิดไตร่ตรองอย่างเงียบๆ ว่าจะเปลี่ยนกระแสของเกมนี้อย่างไร จาง ซูซาน ก็โทรโทรศัพท์มาหาเขา

“เสี่ยวหลัวการเดาของแกถูกต้อง มันมีบางอย่างผิดปกติกับ จาง ตงไห่ ใครบ้างหละที่จะคิดว่าเขาต้องการทำอะไรบางอย่างบนเตาอบในโรงงาน แม่งเอ้ย! โชคดีที่ฉันจับตาดูเขาเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาก็อาจจะปรกสบความสำเร็จไปแล้ว!” เสียงที่ไม่พอใจของ จาง ซูซาน ดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์

เสี่ยวหลัวไม่แปลกใจอะไรกับข่าวนี้ เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เขาอยู่ว่างๆและไม่ได้ทำอะไร เขาจึงลองเข้าไปที่ ร้านค้าของระบบ และได้เห็นความสามารถของแฮ็กเกอร์ ดังนั้นเขาจึงได้ใช้แต้ม 800 แต้มในการแลกเปลี่ยนมันมา หลังจากนั้นเขาก็เจาะเข้าระบบการจัดการของ บริษัท โทรคมนาคมและตรวจสอบโทรศัพท์ของพวก ผู้จัดการและหัวหน้าแผนกของ บริษัท หลัวฝาง ทั้งหมด แม้ว่ามันจะผิดศีลธรรมแต่มันก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงมาก

วันก่อนที่พวกนักข่าวจะก่อจรจล เขาได้ยินการสนทนาระหว่าง จาง ตงไห่ กับ ฝาง ฉงเหม่ย ดังนั้นเขาจึงขอให้ จาง ซูซาน จับตาดู จาง ตงไห่ เอาไว้ เสี่ยวหลัวไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า จาง ตงไห่ จะเริ่มเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้

“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” เสี่ยวหลัว ถาม

“ตอนนี้เขาอยู่ในโกดังของโรงงาน เฟิง อู๋ฮั่น และคนอื่นๆ กำลังสั่งสอนบทเรียนให้กับเขาอยู่ในตอนนี้” จาง ซูซาน กล่าว

“โอเค ฉันจะไปที่นั่น!”

เสี่ยวหลัววางหูโทรศัพท์ และสวมเสื้อโค้ตที่แขวนอยู่บนเก้าอี้โซฟาแล้วมุ่งหน้าไปที่โรงงาน

[คลังสินค้าของโรงงาน]

ที่คลังสินค้ามันมืดมนและเย็นยะเยือกอยู่เล็กน้อย มันให้บรรยากาศที่วังเวง

จาง ตงไห่ ที่สวมชุดสูทนอนใบหน้าปูดบวมอยู่บนพื้น จมูกและปากของเขามีเลือดไหลออกมาก เสื้อผ้าของเขาก็เปื้อนไปด้วยฝุ่นจำนวนมากเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาถูกกลุ่มของ เฟิง อู๋ฮั่น ซ้อม

“ผู้อำนวยการจาง ฉันไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ว่าคุณกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร ฉันทำงานอยู่ภายใต้ประธานเสี่ยว ฉันไม่ใช่คนของ taste buds ”

จาง ซูซาน ตีหน้าเศร้านั่งลงตรงหน้า จาง ตงไห่ “แกนามสกุลจางเหมือนกันกับฉัน เราอาจจะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้ ในหัวใจของฉันรู้สึกเจ็บปวดอย่างแท้จริงเมื่อเห็นแกตกอยู่ในสภาพแบบนี้!”

“ถุ้ย! … ไม่ช้าก็เร็ว แกก็จะต้องไม่ตายดี!”

จาง ตงไห่ ถ่มน้ำลายรดใบหน้าของ จาง ซูซาน เขาดูกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับภาพลักษ์ที่สบักสบอมของเขา

จาง ซูซาน ยื่นมืออกมาเช็ดน้ำลายที่อยู่บนใบหน้าของเขา เปลือกตาของเขากระตุกขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป “จาง ตงไห่ แกรับเงินเดือนของ หลัวฝาง แต่กลับขายความลับของ บริษัท ให้กับ taste buds แกคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมงั้นเหรอ? แกไม่รู้หรือไม่ว่าการขายความลับขององค์กรนั้น มันผิดกฎหมาย ด้วยกฎหมายแกจะต้องรับผิดชอบ!”

“แกคิดว่าฉันจะต้องรับผิดชอบงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่า!”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ จางตงไห่ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ราวกับว่าเขาเพิ่งฟังเรื่องตลกเฮฮา จากนั้นใบหน้าของเขาก็กลายไปเป็นเย็นชา และเขาก็พูดกับ จาง ซูซาน อย่างเย้ยหยันว่า“แกกำลังทำร้ายฉันอย่างผิดกฎหมายในตอนนี้ แต่แกกลับกล้าที่จะพูดถึงกฎหมายกับฉันอย่างงั้นเหรอหะ นั่นมันเป็นเรื่องที่ตลกเอามากๆ เท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยว่ะ!”

จาง ซูซาน พูดไม่ออกไปอยู่ครู่หนึ่ง เขาทำได้เพียงยกนิ้วของเขาแล้วพูดด้วยความชื่นชมว่า “ดี ดีมาก ฉันไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งกับแกได้เลย!”

“พี่จาง ถอยหลบออกไปก่อน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเราจะไม่สามารถสอนเขาให้รู้ความได้!”

เฟิง อู๋ฮั่น เต็มไปด้วยความโกรธ เขาเดินไปข้างหน้าและเตะเข้าไปที่ท้องของ จาง ตงไห่

มันเป็นการเตะที่รุนแรงมาก ทันใดนั้น จาง ตงไห่ ก็รู้สึกได้ว่าไส้ของเขามันกำลังบิดเบี้ยว ด้วยความเจ็บปวดที่ทุกข์ระทมนี้เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมา พร้อมกับกระอักเลือด

“สั่งสอนบทเรียนให้มัน แต่อย่าทำให้มันตกเลือดภายใน มิเช่นนั้นมันจะทำให้เราเดือดร้อน!”

แม้ว่า จาง ซูซาน จะเป็นคนที่มีลักษณะที่โหดร้าย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร จาง ตกไห่ อยู่นิดหน่อย

เฟิง อู๋ฮั่น ยกเท้าของเขาขึ้นมาจากร่างของ จาง ตงไห่ แล้วหันหลังก้าวถอยออก

ไม่นานหลังจากนั้นเสี่ยวหลัวที่สวมเสื้อโค้ทสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาวก็มาถึงที่โกดัง เขายืนมือไคว้และมองดู จาง ตงไห่ ที่นอนอยู่บนพื้น

“หาเก้าอี้ มาให้มันนั่งซะ”

“ได้ครับ”

เฟิง อู๋ฮั่น โบกมือของเขา จากนั้นเสี่ยวอู๋ก็หยิบเก้าอี้ขึ้นมาจากมุมหนึ่งของโกดังและช่วยพยุง จาง ตงไห่ ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้

เมื่อเห็นเสี่ยวหลัว จาง ตงไห่ ก็หัวเราะออกมา : “ประธานเสี่ยว ในที่สุดคุณก็มาถึงที่นี่ ลูกน้องของคุณมันเกือบที่จะตีฉันจนตายแล้ว”

มันไม่มีแม้แต่ความกลัวอยู่ในดวงตาของเขา เขาเป็นเหมือนกับคนตายที่ถูกขังอยู่ในคุกในสมัยโบราณ ที่ถูกทรมานจนสูญเสียความรู้สึกนึกคิดไป

เสี่ยวหลัว หัวเราะออกมา และพูดว่า“คุณคิดผิดแล้ว พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นพี่น้องของฉัน!”

ประโยคที่เรียบง่ายนี้ มันได้กวาดล้างความรู้สึกที่ไม่ดีระหว่าง จาง ซูซาน และ เฟิง อู๋ฮั่น ออกไปจนหมด

“งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกแกจะไม่ได้มาจากกลุ่มของแก๊งมาเฟียจริงๆ…” จาง ตงไห่ พูดตอบอย่างสงบและใจเย็น

“คุณพูดผิดอีกครั้งแล้ว ในโลกใบนี้มันไม่มีความมืดและแสงสว่างที่แท้จริงหรอก มันมีเพียงแต่ผลประโยชน์ ถ้าคุณละเมิดผลประโยชน์ของผู้อื่น คุณก็จะต้องเตรียมพร้อมที่จะจ่ายในราคาแพง” เสี่ยวหลัว กล่าว

จาง ตงไห่ เย้ยหยัน

จากนั้น เสี่ยวหลัว ก็พูดว่า“ฉันไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาพูดเรื่องไร้สาระกับคุณ ฉันมีเพียงคำถามเดียว คุณช่วยมาเป็นพยานให้กับฉัน และช่วยฉัน ต่อต้าน ฝาง ฉงเหล่ ได้หรือเปล่า?”

“เป็นพยานเรื่องอะไร”

“เกี่ยวกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม”

“คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม ฮ่าฮ่า!” จางตงไห่ หัวเราะออกมาเสียงดัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

“คุณปฏิเสธงั้นเหรอ?”

“แน่นอน ฉันติดหนี้บุญคุณประธานฝาง ฉันไม่มีทางที่จะทรยศเขา”

เสี่ยวหลัวยิ้มออกมา แล้วพูดออกมาเบาๆว่า “โอ้ แต่ฉันคิดว่าคุณจะยอมรับข้อเสนอของฉันนะ” จากนั้นเสี่ยวหลัวก็ดึงกระดาษออกมาจากกระเป๋าแล้วมอบให้กับ เฟิง อู๋ฮั่น พร้อมกับพูดว่า“ ไปที่นี่สิ ไปนำตัวภรรยาและลูกของเขามา มาที่ บริษัท