ตอนที่ 389 เทศกาลดนตรี (6)
หลังจากที่วงสตาร์รี่ไนต์ร้องเพลงจบก็ได้รับเสียงปรบมือจากท่านผู้ชมที่อยู่หน้าเวที รวมไปถึงผู้เข้าแข่งขันที่อยู่หลังเวทีอย่างท่วมท้น
ทั้งสามเดินลงจากเวที จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาพวกเขาไปที่ห้องรับรองพิเศษ
“หัวหน้าวงอี่เจ๋อ พวกคุณสามคนพักผ่อนอยู่ที่นี่สักครู่นะคะ ฉันต้องไปแจ้งกับผู้เข้าร่วมการแข่งขันให้เตรียมตัวก่อน ขอตัวนะคะ” เด็กสาววัยรุ่นพูดอย่างขัดเขิน แต่ถูกเซิ่งอี่เจ๋อเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน”
เอ๋? ดาราคนดังคนนี้เรียกเธอทำไม? คงไม่ได้จะทำตัวอวดเบ่งหรอกนะ เฮ้อ!
“รบกวนช่วยผมสักเรื่องได้ไหมครับ?” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มมุมปาก ทุกอากัปกิริยาล้วนมีเสน่ห์จนทำให้เด็กสาวคนนี้หวั่นไหวหัวใจพองโต “อืมอืม ขอแค่คุณบอกมา! ฉันจะช่วยเต็มที่!”
หลังเวที
อันซย่าซย่ากะพริบตาและกำลังคิดว่าจะโทรเรียกเหอจยาอวี๋ดีหรือไม่
ทันใดนั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินมาตรงหน้าเธอโดยมีป้ายห้อยคอเขียนเอาไว้ว่า “เจ้าหน้าที่จัดงาน” เธอยิ้มและถามอันซย่าซย่าว่า “คุณคือผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 101 อันซย่าซย่าใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้วค่ะ…” อันซย่าซย่าพยักหน้า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“คืออย่างงี้ค่ะ วงสตาร์รี่ไนต์เชิญคุณให้ไปเข้าพบ เนื่องจากพวกเขาอยากถกปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาดนตรีที่เป็นกระแสนิยมและมุมมองเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไวโอลินน่ะค่ะ” เด็กสาวกล่าวด้วยความเคร่งขรึม
พรึ่บ—-
เจ้าเล่ห์ที่สุด….ดูก็รู้แล้วว่าเธอหลงกลเซิ่งอี่เจ๋อ
หุหุหุ เจอคนเลวซะแล้ว
อันซย่าซย่าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอตอบตกลงแล้วเดินไปตามทางห้องพักรับรองของวงสตาร์รี่ไนต์
ทันทีที่เปิดประตูก็มีมือใหญ่โอบไหล่เธอไว้ทั้งสองข้าง ฉือหยวนเฟิงพูดเบาๆ ด้วยความรวดเร็ว “ซย่าซย่า! เธอมาแล้ว เรารอเธอตั้งนานแน่ะ!”
“อืม…” อันซย่าซย่าพยายามดิ้นรนเพื่อหนีจากเงื้อมมือของเขา จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปอยู่ข้างๆ เซิ่งอี่เจ๋อและถามด้วยความสงสัย “นายรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?”
เซิ่งอี่เจ๋อเม้มริมฝีปาก “คุณครูประจำชั้นบอกน่ะ…และพอดีว่าพวกเราได้รับคำเชิญจากเทศกาลดนตรีมาก่อนหน้านี้ ก็เลยมาเข้าร่วมด้วย”
“เขาบอกปัดงานโชว์ตัวไปตั้งหลายงานเพื่อเธอแน่ะ…เสี่ยวซย่าซย่า สำหรับการแข่งขัน เธอต้องทำให้ได้ สู้ๆ!” ฉือหยวนเฟิงเดินเข้ามาลูบผมอันซย่าซย่าอีกครั้ง แต่กลับถูกสายตาเฉียบคมของเซิ่งอี่เจ๋อตวัดออก เขาจึงเดินไปนั่งยองๆ พลางวาดวงกลมอยู่ตรงมุมห้อง
พอพูดถึงเรื่องการแข่งขัน อันซย่าซย่าก็มองไปที่เหอจยาอวี๋ด้วยแววตาอันสดใส
เหอจยาอวี๋เฝ้าดูการสนทนาของพวกเขาด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนราวกับหยกงาม พอดวงตาเล็กๆ ของอันซย่าซย่ามองมาแบบนี้ก็ลูบจมูก “ทำไม? หน้าฉันมีอะไรติดอยู่งั้นเหรอ?”
สายตาที่อันซย่าซย่ามองมาดูคล้ายกับลูกหมาเจอกระดูก
“เหอจยาอวี๋ เมื่อกี้นี้ฉันเพิ่งเห็นนายเล่นเปียโน…พอดีเพื่อนที่เล่นคู่กับฉันป่วยจึงมาไม่ได้ นายช่วยมาบรรเลงเพลงคู่กับฉันได้ไหม?” อันซย่าซย่ามองเขาด้วยสายตากระตือรือร้น “ทำนองเพลงง่ายมากเลย ก็โน๊ตเพลง “ฟ้าที่มีดาว” ที่อยู่ในอัลบั้มเก่าของวงพวกนายไง!”
ในขณะนั้นก็มีมือใหญ่คู่หนึ่งรัดรอบเอวของเธอ อันซย่าซย่าหันไปมองเซิ่งอี่เจ๋ออย่างงุนงง เขาขมวดคิ้วโดยที่เธอไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
เหอจยาอวี๋ยิ้มบางๆ “ให้ฉันเล่น…ไม่สู้ให้เซิ่งอี่เจ๋อเล่นจะดีกว่า เธอลืมไปแล้วเหรอว่าในวงพวกเราเขาเป็นคนที่เล่นเปียโนถนัดที่สุด? อีกอย่างเขาก็เป็นคนแต่งทำนองเพลงฟ้าที่มีดาวอีกด้วย…”
อันซย่าซย่าเบิกตาโต เธอมองเซิ่งอี่เจ๋ออย่างน่าเหลือเชื่อ
เซิ่งอี่เจ๋อพูดหยิ่งๆ “ในเมื่ออยากให้คนอื่นเล่น งั้นก็ไปเถอะ”
แม้จะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ยังไม่ยอมคลายมือที่กอดเอวอันซย่าซย่าเลยสักนิด
“นายเก่งจังเลย…” อันซย่าซย่าตาเป็นประกาย เธอดึงชายเสื้อของเขาแล้วพูดออดอ้อน “เซิ่งอี่เจ๋อ นายช่วยมาเล่นคู่กับฉันได้ไหม?”
เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนยกมุมปากด้วยความพึงพอใจ ทว่าภายนอกยังแสร้งทำเป็นเย็นชา “อ้อ ฉันจะลองคิดดูแล้วกัน”
ตอนที่ 390 เทศกาลดนตรี (7)
อันซย่าซย่าชักสีหน้าไม่พอใจ
ฉือหยวนเฟิงย่องมาข้างๆ เหอจยาอวี๋พร้อมกับพูดด้วยความหดหู่ “ทำไมคนหยิ่งยโสอย่างพี่อี่เจ๋อถึงมีแฟนกับเขาได้นะ? โลกใบนี้ช่างโหดร้าย”
เหอจยาอี๋เหลือบมองเขา “นายโสดอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ปิ๊วปิ๊ว—–
พลังโจมตี X10000!
ฉือหยวนเฟิงกลับไปที่มุมอีกครั้งและแอบร้องไห้กระซิกๆ
ดูเหมือนเครื่องทำความร้อนในห้องพักรับรองจะมีปัญหาเล็กน้อย อันซย่าซย่านั่งได้ไม่นานก็รู้สึกหนาว เธออดตัวสั่นไม่ได้
“หนาวเหรอ?” เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้ว
อันซย่าซย่าพยักหน้าและพูดอย่างเจ็บปวด “นายก็ลองใส่กระโปรงช่วงหน้าหนาวดูสิ…”
ดังคำที่ว่าเป็นผู้หญิงนั้นเหนื่อยยาก เพราะชุดสำหรับการแข่งขันเป็นกระโปรงทั้งหมด ส่วนผู้ชายดีหน่อยที่อย่างน้อยก็มีเสื้อสูทใส่กันลม
เซิ่งอี่เจ๋อถอดเสื้อตัวเองอย่างเงียบๆ แล้วคลุมบนตัวอันซย่าซย่า จากนั้นก็จับมือเล็กๆ ของเธอไว้ในอุ้งมือตัวเองพลางเป่าลมเบาๆ
มือเล็กโอบด้วยมือใหญ่ ลมหายใจอุ่นๆ ที่ส่งผ่านมานั้นทำให้รู้สึกถึงความสุขที่แผ่ซ่านไปยังส่วนลึกของหัวใจ…
คิ้วอันซย่าซย่าโค้งขึ้น สายตามองมายังเสื้อเชิ้ตของเซิ่งอี่เจ๋อโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอนิ่งไปชั่วขณะ
เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกด้วยเนคไทสีดำเส้นหนึ่งที่มีลายสีน้ำเงินเข้มอยู่บนนั้น มันช่างเข้ากันได้ดี
นั่นเป็นเนคไทที่เธอให้เซิ่งอี่เจ๋อไม่ใช่เหรอ…
ที่แท้แล้วเขาผูกมันตลอดสินะ…
เมื่อเห็นอันซย่าซย่าเริ่มยิ้มแหยๆ เซิ่งอี่เจ๋อก็พูดโพล่งออกมา “ยิ้มอะไร? ยัยโง่”
“ฮึ เซิ่งอี่เจ๋อ วิสัยทัศน์นายแย่มาก!” อันซย่าซย่าพูดอย่างภาคภูมิใจ “อะไรก็ว่าฉันโง่ แต่นายยังผูกเนคไทที่คนโง่อย่างฉันซื้อให้เนี่ยนะ หน้าไม่อาย เชอะ!”
เธอบุ้ยปากเล็กๆ ภาพกระเง้ากระงอดแบบนี้ทำให้ผู้ชายทั้งสามอึ้งไปเล็กน้อย
เซิ่งอี่เจ๋อได้สติกลับมาเป็นคนแรกจึงบีบแก้มเธอ “ฉันก็แค่เห็นเนคไทที่เธอซื้อมามันถูกใจ…เธออย่าหลงตัวเองนักเลย!”
“จริงเหรอ? ฉันจำได้ว่างานโชว์ตัวอาทิตย์นี้นายก็ผูกเนคไทเส้นนี้นะ คอลัมน์แฟชั่นบางคอลัมน์ยังยกให้เนคไทเส้นนี้ของนายเป็นเทรนด์ล่าสุดในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย….” เหอจยาอวี๋พูดล้อเลียนพลางหรี่ตาลง
เมื่อได้ยินดังนั้น อันซย่าซย่าจึงหันไปทำหน้าผีใส่เซิ่งอี่เจ๋อ “ปากไม่ตรงกับใจ!”
ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มกลายเป็นสีแดงและหันหน้าไปทางอื่นอย่างขัดเขิน
ด้านนอกมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาเสิร์ฟน้ำอุ่น
“รบกวนด้วยนะคะ ดื่มน้ำกันสักหน่อย” เธอวางแก้วน้ำอย่างอายๆ และขยิบตาให้เซิ่งอี่เจ๋อก่อนออกไป
“นายอ่อยผู้หญิงอีกแล้วนะ!” อันซย่าซย่าถลึงตามองเขา เซิ่งอี่เจ๋อกุมหน้าผาก เรื่องนี้เขาควบคุมไม่ได้จริงๆ
เขาจึงหยิบแก้วมาจ่อที่ปากของอันซย่าซย่า “ดื่มน้ำอุ่นๆ หน่อย จะถึงคิวเธอแข่งแล้ว”
แน่นอนว่าอันซย่าซย่าไม่ได้สงสัยที่เขายื่นน้ำให้เธอ เขาหว่านล้อมให้เธอดื่มน้ำแก้วใหญ่
เมื่อน้ำอุ่นลงท้อง เธอก็เริ่มอบอุ่นไปทั่วร่างกาย รู้สึกสบายไปทั้งตัว
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาอีกครั้งและแจ้งกับอันซย่าซย่าว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว
อันซย่าซย่าจึงเปิดกล่องไวโอลิน ภายในกล่องมีไวโอลินที่สวยงามปราณีตวางอยู่ข้างในนั้น เธอหยิบขึ้นมาอย่างเบามือ พร้อมกับยิ้มมุมปากด้วยความมั่นใจ
“ถ้านายไม่เล่นคู่กับฉัน ฉันจะไปบึ้มบ้านนายซะ!” อันซย่าซย่าปรับสายไวโอลิน
เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะแล้วลุกขึ้น รูปร่างสูงใหญ่ทำให้คนรู้สึกปลอดภัย
จู่ๆ อันซย่าซย่าก็หน้าซีดขึ้นมาทันใด หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติเหมือนจะหายใจไม่ออก
“เป็นอะไร? ไม่สบายเหรอ?” เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกถึงความผิดปกติ
“เปล่า ไม่เป็นไร…ตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะ” อันซย่าซย่ายิ้มอย่างร่าเริง “ไปเถอะ เราไปแข่งด้วยกันเถอะ!”