ตอนที่ 391 เทศกาลดนตรี (8)
คำว่า “เรา” ทำให้เซิ่งอี่เจ๋อหัวใจอ่อนยวบ
ในช่วงครึ่งแรกของชีวิต เขาใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมน ใช้ชีวิตอยู่กับความเกลียดชัง ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง
สำหรับเขาแล้ว กาลเวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์
การปรากฏตัวของอันซย่าซย่าเหมือนเป็นการจุดประกายดวงดาวทั้งจักรวาลให้จรัสแสง เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในทะเลทราย เป็นแสงแห่งความอบอุ่นที่เขาตามหาและรอคอย
เขาหัวเราะเบาๆ และเดินตามเธอขึ้นไปบนเวที
การแข่งขันรอบออดิชั่นเป็นเพลงที่ผู้เข้าแข่งขันเลือกเองโดยมีเวลาจำกัดสามนาที หลังจากชมการแสดงมาหลายสิบคนแล้ว คณะกรรมการและผู้ชมต่างก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปบ้าง
ทว่าการปรากฏตัวของเซิ่งอี่เจ๋อกลับดึงดูดสายตาของทุกคนได้!
เด็กหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ความสุขุมนุ่มลึกคล้ายกับดอกบัวที่เติบโตบนผืนดิน เขานั่งอยู่ใต้แกรนด์เปียโนและดึงดูดเสียงกรีดร้องได้อย่างนับไม่ถ้วน
“สวรรค์ ผู้เข้าแข่งขันคนนี้มาจากไหนเนี่ย? หัวหน้าวงอี่เจ๋อถึงได้มาบรรเลงเพลงคู่กับเธอ!”
“ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวมันช่างดูดีอะไรอย่างนี้…หล่อจัง หล่อจังเลย!”
“สาวน้อยคนนั้นก็น่ารักมาก…บ้าไปแล้ว…”
อันซย่าซย่าจับประโปรงสีขาวของตัวเอง เธอเดินไปที่กลางเวทีพร้อมกับโค้งคำนับให้ผู้ชมทั้งหลายรวมไปถึงคณะกรรมการ จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลง
ผู้ชมที่เข้ามาฟังการแข่งขันในเทศกาลดนตรีล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านดนตรี เมื่อเพลงบรรเลงขึ้น ผู้คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็เงียบลงในไม่ช้า ภายในฮอลล์เงียบสงัดโดยไร้เสียงรบกวนใดๆ
สักพักเสียงนุ่มนวลของเปียโนเริ่มบรรเลงขึ้นด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะตราตรึงใจ พอบรรเลงถึงสองรอบแปดจังหวะ เสียงไพเราะเสนาะหูของไวโอลินก็เพิ่มเข้ามาอย่างมีชีวิตชีวา เสียงของเครื่องดนตรีทั้งสองสอดประสานกันราวกับเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจนติดหูของทุกคนที่อยู่ในงาน
คณะกรรมการต่างมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มและพยักหน้า
ผู้เล่นไวโอลินมีความสามารถล้นเหลือแต่อารมณ์ความรู้สึกยังมีไม่มากพอ เสียงเปียโนทำหน้าที่เปิดประตูทางอารมณ์ได้ดี ทว่าไม่ได้แย่งบทบาทเสียงไวโอลินแต่ประการใด ในทางกลับกันยังช่วยขับเสียงไวโอลินให้โดดเด่นขึ้นอีกด้วย
“ว้าว…ซย่าซย่าน่าทึ่งมาก ไม่คิดเลยว่าเพลงฟ้าที่มีดาวจะเล่นเป็นทำนองไวโอลินได้เพราะขนาดนี้…” ฉือหยวนเฟิงตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ภายในห้องพักรับรอง
เหอจยาอวี๋ก็พยักหน้าเห็นด้วย ความสามารถของอันซย่าซย่าไม่อาจมองข้ามไปได้ ในการออดิชั่นครั้งนี้ เธอจะต้องติดหนึ่งในห้าอันดับแรกโดยไม่ต้องสงสัย
ทว่า…พอนึกถึงสีหน้าของอันซย่าซย่าเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ภาพระยะใกล้ถูกดึงมาที่หน้าอันซย่าซย่า เมื่อเหอจยาอวี๋เห็นก็สบถเสียงออกมา เขาลุกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เฟิงเฟิง โทร 120!”
–
ท่ามกลางกลุ่มผู้ชม ซ่งชิงเฉินสวมผ้าปิดปากเพื่อปกปิดรอยบวมแดงบนใบหน้าที่อันซย่าซย่าฝากไว้ เธอกัดฟันกรอด “ให้ตายเถอะ ทำไมเธอถึงไม่เป็นอะไรเลยสักนิด?”
หลีฝานซิงขมวดคิ้วเรียวยาว “เป็นไปได้ไหมที่ยานั่นจะไม่ได้ผล?”
“เป็นไปไม่ได้! ตอนนี้เธอคงจะอึดอัดสุดๆ อย่างแน่นอน! หัวใจเต้นแรง อุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้น หอบหนักจนแทบหายใจไม่ออก!” ซ่งชิงเฉินพูดออกมาทีละคำ ทันใดนั้นก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัว “เธอคง…ทนไม่ได้ไปตลอดหรอก?”
เสียงดนตรีที่ไพเราะและสมบูรณ์แบบดังกึกก้องอยู่ภายในฮอลล์ แม้เพลงนี้จะเศร้าอยู่บ้าง ทว่าความโรแมนติกที่แสนงดงามจากการแสดงของทั้งสองในเวลานี้กลับทำให้ทุกคนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น
ท่วงทำนองบรรเลงซ้ำต่อเนื่องกันหลายครั้ง และพอถึงช่วงไคลแมกซ์ก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างใจหายใจคว่ำ
ชิ้ง—-
ทันใดนั้นไวโอลินก็เกิดเสียงแสบแก้วหูและได้ทำลายความงดงามทางเสียงดนตรี
อันซย่าซย่าพยายามฝืนเล่นจนถึงท่อนสุดท้าย เธอรีบสาวเท้าเดินไปยังหลังเวทีโดยไม่แม้แต่จะโค้งขอบคุณคณะกรรมการและกลุ่มผู้ชม
เซิ่งอี่เจ๋อเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง พอเขาหันกลับไปก็เห็นร่างขาวบางล้มลงไป…
ตอนที่ 392 เธอคือเธอใช่ไหม (1)
เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกเพียงว่าหัวใจตัวเองหยุดเต้นไปชั่วขณะ
แต่มันเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เขารีบพุ่งตัวด้วยความเร็วสี่คูณร้อยและอุ้มอันซย่าซย่าขึ้นมา
อันซย่าซย่าได้สติเพียงเลือนลาง ปลายจมูกเธอได้กลิ่นหอมสะอาดบนตัวเขา เธอยิ้มแหยๆ “หรือฉันป่วยเป็นโรคบ้าผู้ชายไปซะแล้ว…พอเห็นหน้านายใจก็เต้นแรง ฮิฮิ…”
หลังจากฝืนพูดติดตลก เธอก็รู้สึกได้ถึงความมืดปกคลุมอยู่ตรงหน้า สติของเธอค่อยๆ ตกสู่ท่ามกลางความโกลาหล…
–
โรงพยาบาล
เหอจยาอวี๋ปราดตามองเซิ่งอี่เจ๋อซึ่งนั่งอยู่ในห้องผู้ป่วย เซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่ข้างเตียงอันซย่าซย่าและจับมือเธอไว้อยู่ท่านี้นานโดยไม่ขยับตัวไปไหน
ก่อนที่อันซย่าซย่าจะหมดสติไป เหอจยาอวี๋เป็นคนแรกที่ตอบสนองและสั่งให้ฉือหยวนเฟิงโทรไปที่เบอร์120
เขายังจำได้ว่าหลังจากที่อันซย่าซย่าหมดสติ คนที่เคยหนักแน่นอย่างเซิ่งอี่เจ๋อถึงกับตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
เขาแสดงออกถึงความหวาดกลัว ใครห้ามอะไรก็ไม่ได้ มีเพียงความคิดเดียวนั่นก็คือรีบอุ้มอันซย่าซย่าขึ้นรถพยาบาล
ตลอดทั้งกระบวณการ เขาไม่พูดหรือแสดงความรู้สึกใดออกมาผ่านทางสีหน้า ร่างกายของเขาเย็นเหมือนภูเขาน้ำแข็ง
โชคดีที่โรงพยาบาลของตระกูลเซิ่งอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่แข่งขัน อันซย่าซย่าจึงถูกส่งตัวมาที่นี่โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
คุณหมอผู้ให้การรักษาจำเซิ่งอี่เจ๋อได้ เขาถือประวัติการรักษาเดินมาพร้อมกับทักทายเหอจยาอวี๋ “เสี่ยวเหอ คนนั้นที่อยู่ข้างในเป็นแฟนของอี่เจ๋อใช่ไหม?”
เหอจยาอวี๋พยักหน้า “ใช่ครับ”
“เฮ้อ…เวรกรรมแท้ๆ ใครกันที่ให้เธอกินยาที่มีฤทธิ์รุนแรงขนาดนี้…” คุณหมอถอนหายใจ “ฉันจะอธิบายเกี่ยวกับอาการของเธอให้นายฟังคร่าวๆ แล้วกัน อี่เจ๋อเด็กคนนั้นดูเหมือนจะไม่รับรู้อะไรแล้ว เดาว่าถ้าฉันบอกเขา เขาคงมีใจคิดอยากจะฆ่าคนเอาได้…”
เหอจยาอวี๋ยิ้มหดหู่ “คิดมากก็วุ่นวายเปล่าๆ คนเราก็เป็นเสียแบบนี้แหละ คุณหมอลั่ว ยาที่คุณพูดถึงมีอะไรหรือเปล่าครับ….?”
คุณหมอทำหน้าตาเคร่งขรึม “จากผลการตรวจสอบพบว่าวันนี้เธอได้รับสารกระตุ้นเกินขนาด ซึ่งส่วนผสมมีตัวยาต้องห้ามภายในประเทศ โดยทั่วไปเว้นแต่จะเป็นเวทีมวยใต้ดินหรือคนที่แอบเสพยาในช่วงการแข่งขันกีฬาถึงจะกินได้…หลังจากที่กินเข้าไป เส้นประสาทจะอยู่ในสภาวะตื่นตัว แต่ถ้ากินมากเกินไปจะมีอาการคล้ายกับโรคหัวใจ…เช่น หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกหายใจติดขัด อาการพวกนี้จะทำให้รู้สึกทรมานอย่างมาก หากเป็นชายมีอายุคาดว่าคงทนไม่ไหวแล้ว”
เมื่อเหอจยาอวี๋ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก
โชคดีที่คุณหมอไม่ได้บอกกับเซิ่งอี่เจ๋อโดยตรง มิฉะนั้นผลที่ตามมาอาจเลวร้ายจนไม่กล้าคิด…
ใครกันที่วางยารุนแรงขนาดนี้ให้อันซย่าซย่า?
–
เมื่ออันซย่าซย่าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็รู้สึกปวดมากตั้งแต่กระเพาะไปจนถึงบริเวณหน้าอก
เธอพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถระงับความเจ็บปวดจนน้ำตาไหลได้
มือเล็กถูกใครบางคนบีบแน่นพร้อมกับเสียงอู้อี้เล็กน้อย “ซย่าซย่า”
อันซย่าซย่าขานรับเบาๆ เธอยื่นมือเล็กๆ มาจิ้มที่หน้าเซิ่งอี่เจ๋อ “หน้านายอัปลักษณ์แล้ว หน้าเหี่ยวมาก….หนวดก็ยาวด้วย”
เซิ่งอี่เจ๋อใจสั่นอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลของเธอ!
“ยัยโง่!”
เหมือนกำลังดุอันซย่าซย่า และดุตัวเองไปด้วย
อันซย่าซย่าบุ้ยปาก จู่ๆ ก็นึกถึงการแสดงที่เกือบจะสมบูรณ์แบบของพวกเขาสองคน เธอยิ้มตาหยี “เซิ่งอี่เจ๋อ นายรู้ไหม ฉันรู้สึกว่าการแสดงของเราสองคนสามารถดึงอารมณ์คนได้จำนวนมาก ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่แล้ว เล่นได้ดีกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะแน่ะ”
“อืม ดีมาก” เซิ่งอี่เจ๋อพึมพำ เขากวาดสายตาเฉียบแหลมมองไปที่เธอพร้อมกับพูดด้วยความโมโห “ไม่สบายทำไมไม่บอก? ยัยโง่ เธอไม่รู้เหรอว่ามันทำให้การแสดงมีปัญหาหยุดชะงักกลางคัน!”