ตอนที่ 393 เธอคือเธอใช่ไหม (2)
อันซย่าซย่ายิ้มอย่างสบายใจ “ไม่เป็นไรหรอกน่า…นี่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอขึ้นแสดงกับเขา เธอจะทิ้งลงกลางคันได้อย่างไร
และไม่รู้ว่าทำไม การร่วมบรรเลงเพลงของพวกเธอทั้งสองถึงทำให้เธอรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก ทำให้เธอลังเลวางไวโอลินไม่ลง ทำให้เธอมีความกล้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างจนใจพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า “ซย่าซย่า เธอรู้ไหม…ฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน…”
เป็นห่วงจนแทบบ้า
อันซย่าซย่าพึมพำ “ขอโทษ…”
“เธอจะขอโทษฉันทำไม…” เซิ่งอี่เจ๋อยกมือขึ้นลูบผมนุ่มของเธอ และถามด้วยความทุกข์ใจว่า “เจ็บมากไหม? อยากร้องก็ร้อง ฉันจะเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้เธอเอง”
“ไม่เจ็บไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิด” อันซย่าซย่าไม่อยากให้เขาเป็นกังวลจึงยิ้มหวาน
จริงๆ แล้วเจ็บจนจะร้องไห้
แต่ความเจ็บปวดตอนนี้จะเทียบกับความเจ็บปวดสามนาทีบนเวทีได้อย่างไร? ตอนนั้นเธอเจ็บจนเหงื่อไหลพลักไปทั่วทั้งร่าง สำหรับคนขี้แยกลับต้องอดทนแทบตายกว่าจะลงมาได้
เธอไม่อยากร้องไห้แล้ว ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเซิ่งอี่เจ๋อ ไม่อยากให้เขาเจ็บปวด
เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นที่เอาแต่ร้องไห้ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกต่อไป เธอโตแล้วและเข้าใจทุกอย่างแล้ว
คนชาญฉลาดอย่างเซิ่งอี่เจ๋อจะเดาความคิดของเธอไม่ออกได้อย่างไร?
เขาจ้องมองเธออยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็สั่น
เขาหยิบมันขึ้นมาและกดรับสายด้วยสีหน้าเย็นชา เสียงอ่อนนุ่มของซ่งชิงเฉินดังเข้ามาในสาย “พี่อาเจ๋อ คุณอยู่ที่ไหนคะ…ฮึกฮึก ฉันได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลเซิ่งซื่อแถวถนนหมิ่นเจียง…”
สถานที่ที่เธอบอกก็คือโรงพยาบาลที่อันซย่าซย่าอยู่
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว? ตราบใดที่อันซย่าซย่าปรากฏตัวอยู่โรงพยาบาลไหน ซ่งชิงเฉินก็มักจะปรากฏตัวที่โรงพยาบาลนั้น
เซิ่งอี่เจ๋อครุ่นคิดอยู่ภายในใจ เขาสอดผ้าห่มให้อันซย่าซย่าแล้วกำชับให้เธอพักผ่อนให้มากๆ จากนั้นก็เดินไปยังห้องผู้ป่วยที่ซ่งชิงเฉินอยู่
ซ่งชิงเฉินนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทำให้ผิวซีดของเธอแทบจะโปร่งแสง แก้มซ้ายของเธอบวมเป่ง เห็นแล้วน่าสงสารเป็นอย่างมาก
“พี่อาเจ๋อ…” เธอร้องออกมาอย่างออดอ้อน ดวงตากลมโตเอ่อล้นไปด้วยไอน้ำ ท่าทางออดอ้อนแบบนี้ของซ่งชิงเฉินฝังอยู่ในความทรงจำของเขา แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป
ซ่งชิงเฉินในเวลานั้น เขาเพียงชอบและอยากดูแล ไม่เหมือนกับตอนนี้ เมื่อเขาเห็นเธอเป็นแบบนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและปฏิเสธจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เธอบาดเจ็บได้อย่างไร?” เซิ่งอี่เจ๋อถาม
บนใบหน้าของเธอ อย่างน้อยก็ต้องโดนตบหลายครั้งถึงจะอยู่ในสภาพนี้ได้!
ซ่งชิงเฉินก้มหน้าลงพลางบีบนิ้วอย่างน่าสงสาร เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นก็พูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ฉัน ฉันบอกไปแล้ว…พี่จะเชื่อฉันไหม?”
เซิ่งอี่เจ๋อพูดด้วยสายตาเยือกเย็น “เธอบอกมาก่อนว่ามันยังไง”
ซ่งชิงเฉินแอบกัดฟันอย่างเงียบๆ น้ำตาไหลผ่านคราบน้ำตาบนใบหน้าเล็กๆ “ซย่าซย่าเป็นคนตบฉัน…ฉันไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจตรงไหน เธอถึงทำกับฉันจนมีสภาพแบบนี้…พี่อาเจ๋อ ฉันรู้ว่าเธอเป็นแฟนพี่ ฉันจะโทษเธอไม่ได้…”
“หัวใจของพี่ คนที่สำคัญที่สุดก็คือเธอ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ทั้งนั้น…” คำพูดน้อยใจบวกกับภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทำให้นางพยาบาลที่มาตรวจแสดงความรู้สึกผ่านทางสีหน้า
“นี่นักเรียน สิ่งที่เธอทำมันไม่ถูกนะ! แฟนของเธอก็ป่าเถื่อนเกินไป สาวน้อยน่ารักๆ แบบนี้เธอยังลงมือได้ลง? นี่มันเกินไปแล้ว เธอควรให้แฟนของเธอมาขอโทษซะ!”
ตอนที่ 394 เธอคือเธอใช่ไหม (3)
เมื่อได้ยินที่นางพยาบาลพูด ซ่งชิงเฉินก็ยิ่งร้องไห้เสียใจและพูดซ้ำๆ ว่า “ไม่หรอกค่ะ…เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง ฉันไม่ควรกลับมา ถ้าฉันไม่ปรากฏตัวก็คงไม่กระทบถึงพวกคุณ…ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ากลับมาแล้วจะทุกข์ใจแบบนี้ ฉันขอยอมตายซะตั้งแต่สิบปีก่อนเสียดีกว่า พี่อาเจ๋อ ฮึกฮึก…”
นางพยาบาลยิ่งโมโหมากขึ้น “แฟนของเธอคงไม่ได้อิจฉาริษยาที่เธอสวยหรอกนะ แล้วถึงได้ตั้งใจตบหน้าเธอแบบนี้? ถ้าเสียโฉมขึ้นมาจะทำอย่างไร! โหดร้ายจริงๆ เลย…”
เซิ่งอี่เจ๋อจับข้อมือตัวเองและฟังอย่างเงียบๆ นัยน์ตาสีดำสงบไร้คลื่น เขาหรี่ตาลงราวกับเข้าใจเรื่องทุกอย่าง
“ซ่งซ่ง เจ็บมากไหม?” ปลายนิ้วเรียวลูบใบหน้าของซ่งชิงเฉินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและแผ่วเบา
“พี่อาเจ๋อ….” ซ่งชิงเฉินได้เพียงแต่ร้องไห้
กลิ่นอายอุณหภูมิที่ปลายนิ้วของเขาทำให้เธออาลัยอาวรณ์ ซ่งชิงเฉินถูหน้ากับฝ่ามือของเขาราวกับแมวจรจัด
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้ม รอยยิ้มดูล้ำลึกจนมองไม่เห็นแววตาที่ซ่อนอยู่ภายใน
“ซ่งซ่ง เธอบอกมาซิว่าถ้ามีคนตบเธอ เธอจะยืนนิ่งอยู่กับที่เป็นท่อนไม้อย่างงั้นเหรอ?” เขาถามอย่างเฉื่อยชา นางพยาบาลที่อยู่ด้านข้างอดพูดแทรกไม่ได้ “แน่นอนว่าไม่ใช่…คนเราไม่ได้โง่ขนาดนั้น…ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ก็ต้องมุ่งหาประโยชน์เลี่ยงภัยอันตราย เมื่อกำลังจะโดนตบ ยังไงก็ต้องหลบหรือปกป้องตัวเองอยู่แล้ว”
เซิ่งอี่เจ๋อนิ่งเงียบฟังเธอพูดจนจบ ซ่งชิงเฉินขบกรามด้วยความเจ็บใจ
ในแววตาที่สดใสของเด็กสาวมีความตื่นตระหนกซ่อนอยู่
“เธอบอกว่าซย่าซย่าทำร้ายเธอ ฉันเชื่อ และซย่าซย่าแรงเยอะมากแค่ไหน ฉันก็รู้ เมื่อฝ่ามือฟาดลงมา เธอก็ต้องหลบอยู่แล้ว คงไม่ได้เจ็บตัวขนาดนี้หรอก นอกเสียจากว่า…” เซิ่งอี่เจ๋อหยุดโดยเจตนา “นอกเสียจากว่าเธอตบตัวเองเพิ่มไปอีกหลายที”
ซ่งชิงเฉินหน้ายิ่งซีดขึ้น เมื่อมองแวบแรกเธอเหมือนมีอาการตกใจกลัว
“แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาในแง่ร้าย แต่จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง อาการโรคหัวใจที่เธอเป็นเมื่อคราวที่แล้วดูคล้ายกับอาการของซย่าซย่าในครั้งนี้มาก…คราวที่แล้วหมอที่ให้การรักษาเธอเป็นใคร แนะนำให้ซย่าซย่าหน่อยไม่ดีเหรอ จะได้สั่งยาให้ถูกเหมือนเธอในตอนนั้นไง ที่วันนี้เป็นลม พรุ่งนี้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง”
เขาพูดช้าๆ ทีละคำทีละประโยคอย่างชัดถ้อยชัดคำ แฝงด้วยความเยือกเย็นราวกับลมหนาวที่พัดกระหน่ำ ซ่งชิงเฉินที่ฟังอยู่ก็กลัวจนร้องไห้ออกมา
นางพยาบาลคอยฟังอยู่ข้างๆ ด้วยความงุนงง เธอรู้สึกได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่เด็กสาวคนนี้เล่า…
เธอจึงหาข้ออ้างและออกไปอย่างเงียบๆ
ภายในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงเซิ่งอี่เจ๋อกับซ่งชิงเฉินอยู่กันสองคน
“พี่อาเจ๋อ พี่รู้หมดแล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงของซ่งชิงเฉินสั่นเครือ
“เรื่องที่ควรรู้ ฉันรู้หมดแล้ว ส่วนเรื่องที่ไม่ควรรู้ ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มพลางลูบหัวซ่งชิงเฉิน “เพราะฉะนั้นอย่าทำร้ายตัวเองอีกได้ไหม?”
เห็นได้ชัดว่าเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนและใจดี แต่ซ่งชิงเฉินกลับเหงื่อแตกเต็มหลัง
เขารู้ทุกอย่าง เขารู้ทุกอย่างแล้วจริงๆ!
เธอมั่นใจในความฉลาดของตัวเอง แต่ในเวลานี้เพิ่งเข้าใจว่าวิธีการและกลอุบายที่เธอภาคภูมิใจกลับกลายเป็นความอ่อนแอที่น่าขันเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้
เขาให้เกียรติเธอมากพอแล้ว มีอะไรต้องปิดบังอีก
ในขณะที่จิตใจของเธอกำลังปั่นป่วน เซิ่งอี่เจ๋อก็ถามขึ้นมาเบาๆ ว่า “เธอคือเธอใช่ไหม?”
เธอคนนั้นที่เขาเฝ้าพะวงหามาตลอดสิบปี เป็นเพียงคนเดียวที่มอบความอบอุ่นและความหวังแก่เขาในโลกที่หนาวเหน็บอันแสนโหดร้าย?
เธอคนนั้นที่พาเขาออกจากโลกปิดตาย ได้เรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในความรัก เชื่อในความสวยงาม และเชื่อว่าการรักเธอเป็นทางออกเดียวของเขา?
คือเธอใช่ไหม? จริงๆ ใช่ไหม?