ตอนที่ 269 เข้าแทรกแซง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

จูตี๋และเฟิงอู๋ฉวยโอกาสในระหว่างการปะทะของราชาเขาเงินและหงส์เพลิง ทั้งสองร่างพุ่งออกไปปรากฏตัวถัดจากต้นจินหยินอย่างรวดเร็ว ทั้งสองไม่ลังเลพร้อมยื่นแขนออกไปคว้าผลจินหยินจากลำต้นอย่างไม่รีรอ

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทำสำเร็จ จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกถึงคลื่นทรงพลังแผ่ออกมาในบริเวณใกล้ต้นจินหยิน

จากนั้น กระบี่เล่มยาวเล่มหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาที่พวกเขาทั้งสอง

“ใครกัน! อย่าทำตัวลับๆล่อๆ”

สีหน้าของบุรุษทั้งสองเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าประมาทและถอยร่นห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองกวาดสายตามองสำรวจทั่วต้นจินหลินอย่างระแวดระวัง

“เหอะ พวกเจ้าต่างหากที่ทำตัวลับๆล่อๆ!”

เสียงค่อนข้างเรียบเฉยดังขึ้นในโสตประสาทของพวกเขาทั้งสอง จากนั้นบุคคลหนึ่งผู้ซึ่งสวมอาภรณ์คลุมสีดำและมีผ้าสีดำปกปิดใบหน้าโดยเว้นเพียงแต่บริเวณดวงตาก็ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลผู้นี้คือฉินอวี้โม่

เมื่อครู่นางเห็นเฟิงอู๋และจูตี๋หมายจะคว้าเอาผลจินหยินไปครอง แม้ว่าราชาเขาเงินจะเกรี้ยวกราดไม่น้อย ทว่ามันก็ไม่มีเวลาที่จะเข้ามาได้ทัน หลังจากพิจารณาโดยเร็ว นางจึงเข้าขัดขวางโดยไม่ลังเล

ผลจินหยินถือเป็นของล้ำค่าอย่างหนึ่ง แน่นอนว่านางไม่มีทางยอมมองดูของล้ำค่าเช่นนี้ตกไปอยู่ในมือศัตรูและคนที่ไม่ชอบขี้หน้า

“เจ้าเป็นใคร !?”

เฟิงอู๋และจูตี๋ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้าปรากฏตัวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

อาภรณ์ปกคลุมร่างกายของฉินอวี้โม่แปลกประหลาดมาก พวกเขาจึงไม่สามารถระบุตัวตนของคนตรงหน้าได้เลย อีกทั้งกลิ่นอายที่แผ่มาจากร่างของฉินอวี้โม่ก็ดูแปลกไปจนพวกเขาฉงนสงสัยเล็กน้อย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าเป็นเพียงคนที่ไม่ชอบหน้าพวกคนชั่วช้าก็เท่านั้น”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มอ่อนๆด้วยท่าทีเฉยเมย

“มนุษย์ ช่วยราชาผู้นี้ขัดขวางคนพวกนี้ไว้ เมื่อใดที่ข้าเอาชนะเจ้าหงส์เพลิงและกำจัดคนต่ำช้าพวกนี้ทั้งหมดไป ราชาผู้นี้จะไม่ทำให้เจ้าต้องเสียแรงเปล่า”

เสียงของราชาเขาเงินดังขึ้นในห้วงจิตของฉินอวี้โม่ ดูเหมือนว่ามันจะส่งคำพูดตรงมาที่จิตของนาง

ฉินอวี้โม่คาดเดาได้ล่วงหน้าแล้วว่าราชาเขาเงินจะทำเช่นนี้ นางจึงไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ราชาเขาเงิน ในเมื่ออยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะช่วยเจ้าขัดขวางคนพวกนี้เอง ทว่าข้าเองก็มีข้อเสนอเช่นกัน ไม่รู้ว่าเจ้าจะตกปากรับคำหรือไม่”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่  ราชาเขาเงินชะงักไปเล็กน้อย ทว่ามันก็หัวเราะตอบอย่างรวดเร็ว

“หึ หึ หึ เจ้ามนุษย์ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคือสตรีที่โดดเด่นในกลุ่มคนก่อนหน้านี้”

ต้องกล่าวเลยว่าราชาเขาเงินตัวนี้ฉลาดเฉลียวมากทีเดียว แม้ว่ามันเพิ่งจะสื่อสารกับฉินอวี้โม่ ทว่ามันก็คาดเดาตัวตนของนางได้จากเสียงและกลิ่นอาย

“ช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ ราชาเขาเงิน แต่อย่างไรก็เถอะ ไม่สำคัญหรอกว่าข้าเป็นใคร สิ่งสำคัญก็คือเจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับข้อเสนอของข้า ?”

ฉินอวี้โม่มิได้กล่าวปฏิเสธและสื่อสารต่อไป

“เจ้ามีข้อเสนออย่างไรล่ะ ?”

เมื่อราชาเขาเงินเห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่ได้ปฏิเสธ มันก็รู้สึกถูกชะตากับนางมากขึ้นและถามถึงข้อเสนอของนาง

“ง่ายมาก ข้าจะช่วยเจ้าขัดขวางและถึงขั้นขับไล่คนพวกนั้นออกไปให้พ้นทาง จากนั้นเจ้ากับข้าก็มาประลองฝีมือกัน หากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องกลายมาเป็นอสูรมายาของข้า”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและอธิบายแผนการของตนเอง

ราชาเขาเงินไม่ใช่อสูรมายาที่สยบได้ง่ายนัก เพื่อสยบมันให้ได้อย่างแท้จริง นอกเหนือจากทางนี้ ไม่มีทางอื่นที่มันจะจำนนอย่างยินยอม

ฉินอวี้โม่จึงคิดไตร่ตรองและได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นวิธีการนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ดูแล้วราชาเขาเงินก็น่าจะเป็นอสูรมายาที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ด้วยวิธีการดังกล่าว ฉินอวี้โม่เชื่อว่าราชาเขาเงินจะตอบตกลงโดยง่าย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ”

ราชาเขาเงินยิ้มและกล่าว “แล้วถ้าข้าเป็นฝ่ายชนะล่ะ ?”

ราชาเขาเงินไม่คิดว่าตนเองจะแพ้และมันเชื่อว่าฉินอวี้โม่มิได้มีพลังมากมายถึงเพียงนั้น การเอาชนะมันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้

ราชาเขาเงินสนใจในข้อเสนอดังกล่าวอย่างแท้จริง การที่มนุษย์ตัวน้อยกล่าวเช่นนั้นออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจทำให้มันรู้สึกขบขันไม่น้อย

“ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะยอมเป็นทาสรับใช้ของเจ้า ในฐานะอสูรระดับสูง ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเข้าใจดีว่าการทำให้มนุษย์ตกเป็นทาสมันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างเรียบเฉย นางมั่นใจว่าไม่มีทางพ่ายแพ้  สำหรับราชาเขาเงินนี้ นางจะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน

“ตกลงตามนั้น !”

ราชาเขาเงินตกปากรับข้อเสนอของนางด้วยความคาดหวังในใจ

หากมีมนุษย์ตัวน้อยที่กลายเป็นทาสของมันจริง มันจะประกาศกร้าวให้รู้กันทั่วหมู่อสูรมายา อสูรเหล่านั้นจะต้องชื่นชมนับถือมันอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ามนุษย์ตรงหน้ามิได้แข็งแกร่งเกรียงไกรนัก นางก็เป็นโฉมงามสะท้านทั้งใต้หล้า การมีโฉมงามเช่นนี้เป็นทาสย่อมเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย

“เฮ้ นายน้อยของเรากำลังถามเจ้าอยู่ !”

เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่นิ่งเงียบไปพักใหญ่โดยไร้ซึ่งคำตอบ บุรุษข้างกายเฟิงอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างโอหัง

มันเป็นเรื่องแปลกยิ่งนักที่มีคนกล้าเมินเฉยต่อผู้ที่เป็นถึงนายน้อยของเขา

นายน้อยของตระกูลเฟิงผู้ซึ่งมีโอกาสสูงในการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป แม้แต่ขุมกำลังทรงอิทธิพลอื่นๆในดินแดนก็ยังต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวเมื่อได้พบกับนายน้อยประจำตระกูลผู้นี้

อย่างไรก็ตาม บุคคลชุดดำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ไว้หน้านายน้อยของพวกเขาเลย มันช่างเป็นการกระทำที่โอหังยิ่งนัก

“หุบปากซะ !”

ฉินอวี้โม่แผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราดและสะบัดฟาดฝ่ามือออกไป อึดใจต่อมา คนผู้ที่พูดจาไม่เข้าหูนางเมื่อครู่ก็ถูกฝ่ามือซัดจนกระเด็นออกไป

เมื่อได้หารือทำข้อตกลงกับราชาเขาเงินแล้ว นางจะต้องทำอะไรสักอย่าง นอกเหนือจากเฟิงอู๋และจูตี๋ คนอื่นมิได้แข็งแกร่งนัก ฉินอวี้โม่เชื่อว่าสามารถจัดการกับคนเหล่านี้ได้อย่างไม่ต้องออกแรงมากนัก

ตู้ม !

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ทว่าเฟิงอู๋และหมู่คณะยังคงจดจ่อกับคนที่ถูกฝ่ามือฉินอวี้โม่ฟาดจนกระเด็นออกไป

“รนหาที่ตายเสียแล้ว !”

สีหน้าของทั้งเฟิงอู๋และจูตี๋เปลี่ยนไปและไร้ซึ่งร่องรอยความลังเลอีก ร่างของทั้งสองพุ่งตรงเข้าใส่ฉินอวี้โม่

ฉินอวี้โม่มิได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย นางทำการวางข่ายอาคมเล็กๆรอบตัวซึ่งนางเชื่อว่าจะทำให้เฟิงอู๋และจูตี๋ลำบากไม่น้อย

เปรี๊ยะ !

เฟิงอู๋ยกฝ่ามือฟาดเข้าใส่ฉินอวี้โม่อย่างจัง แต่ก็พบว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาตรงหน้า หลังจากลังเลชั่วขณะ เขาก็รู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมโดยรอบกำลังเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับที่จูตี๋และคนอื่นๆตรงหน้าได้อันตรธานหายไป

จูตี๋ก็เผชิญสถานการณ์เดียวกันกับเฟิงอู๋ เขายังไม่ได้ลงมือจู่โจมฉินอวี้โม่ ทว่าก็ตกอยู่ในข่ายอาคมที่นางกางไว้

เวลานี้ฉินอวี้โม่ไต่ขึ้นบนอากาศก่อนที่จะปรากฏตัวบนต้นจินหยิน

นางยืนอยู่บนกิ่งไม้พลางมองไปยังเฟิงอู๋ จูตี๋และคนอื่นๆซึ่งยืนนิ่งด้วยความสับสน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากน้อยๆ

ดูเหมือนว่าในระหว่างช่วงเวลานี้นางยังได้รับประโยชน์จากการฝึกฝนการวางข่ายอาคม

“ผู้ใช้ข่ายอาคม !”

แม้ว่าราชาเขาเงินยังคงสู้อยู่กับหงส์เพลิงอย่างไม่ลดลง มันก็ยังสามารถแบ่งสมาธิส่วนหนึ่งมาให้ความสนใจกับสถานการณ์ของฉินอวี้โม่

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับจูตี๋และเฟิงอู๋ มันก็คาดเดาสถานการณ์โดยรวมได้ในฉับพลัน

ราชาเขาเงินมองไปที่ฉินอวี้โม่และจู่ๆมันก็เกิดความระแวดระวังมากขึ้นเล็กน้อย

มันไม่คาดคิดเลยว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะเป็นผู้ใช้ข่ายอาคม

ผู้ใช้ข่ายอาคมเป็นอาชีพที่ลึกลับที่สุดในดินแดน อีกทั้งยังเป็นอาชีพที่แกร่งกล้าน่าเกรงขามที่สุดอีกด้วย

ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ที่ทะลวงพลังถึงขอบเขตจ้าวสุริยะ การเผชิญหน้ากับข่ายอาคมก็ยังถือเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว

อย่างไรก็ตาม ราชาเขาเงินสัมผัสได้ว่าข่ายอาคมเหล่านี้เป็นเพียงข่ายอาคมที่เรียบง่าย แม้ว่าจะสามารถกักขังครอบงำจูตี๋และเฟิงอู๋ไว้ได้ มันก็มิได้เกรงกลัว

ทันใดนั้น จู่ๆมันก็รู้สึกตงิดใจ หากว่าฉินอวี้โม่มีไพ่ตายใบอื่นๆอยู่ หลังจากนี้เมื่อมันต้องประจันหน้ากับฉินอวี้โม่ มันก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่มันจะพ่ายแพ้

เมื่อได้เห็นเฟิงอู๋และจูตี๋ติดอยู่ในข่ายอาคม สีหน้าท่าทางของหงส์เพลิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยและการเคลื่อนไหวของมันเริ่มสับสนลนลาน

ด้วยปัญญาหลักแหลมของราชาเขาเงิน มันจึงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหงส์เพลิงได้ในทันที

มันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่แสงสีทองจะเปล่งออกจากร่างและสะบัดหางขนาดใหญ่ฟาดอย่างแรงจนหงส์เพลิงกระเด็นออกไป

หงส์เพลิงกระเด็นออกไปจากแรงฟาดและร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ลมหายใจของมันอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

จากนั้น ราชาเขาเงินก็กะพริบหายไปและปรากฏตัวอีกครั้งถัดจากเฟิงอู๋และจูตี๋

มันสะบัดฟาดหางอีกสองครั้งส่งให้เฟิงอู่และจูตี๋ซึ่งติดอยู่ในสภาวะสับสนลอยกระเด็นออกไปและร่วงลงสู่พื้นดิน

เฟิงอู๋และจูตี๋ที่อยู่ในสภาวะมึนงงสับสนรู้สึกถึงความเจ็บปวดทางร่างกาย หลังจากถูกฟาดกระเด็นออกไป พวกเขาจึงสติกลับคืนมาอีกครั้ง

พวกเขามองไปรอบๆก่อนสีหน้ากลายเป็นบิดเบี้ยวไปทันที

“เมื่อครู่คืออิทธิพลจากข่ายอาคม !”

ทั้งสองมองไปที่ฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งยืนอยู่บนต้นจินหลินด้วยใบหน้าเยาะเย้ย

เดิมทีพวกเขาคิดว่าพลังความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่มิได้อยู่ในระดับสูงนัก ทว่าพวกเขาไม่คิดว่าแท้จริงแล้วนางจะเป็นผู้ใช้ข่ายอาคมที่มีเพียงน้อยนิดในแผ่นดิน

ผู้ใช้ข่ายอาคมเป็นอาชีพที่หายากอย่างที่สุด แม้แต่บรรดาบิดาของพวกเขาซึ่งเป็นจอมยุทธ์ระดับสูงในดินแดนอ้างว้างก็ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือในด้านนี้

พวกเขาตกไปอยู่ในอำนาจของข่ายอาคมโดยไม่ทันตั้งตัว หากอีกฝ่ายหมายจะสังหารพวกเขา พวกเขาก็คงตายไปแล้ว

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นอย่างไรเล่า ? เมื่อครู่เป็นแค่ข่ายอาคมพื้นฐานเท่านั้น หากพวกเจ้าต้องการ พวกเจ้าสามารถลองข่ายอาคมอื่นๆของข้าได้”

ฉินอวี้โม่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมด้วยพลังมายาที่ไหลเวียนอยู่ในมือราวกับกำลังจะวางข่ายอาคมอีกระลอกหนึ่ง

หน้าตาของเฟิงอู๋และจูตี๋บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด พวกเขามองไปที่หงส์เพลิงซึ่งพลังในการต่อสู้ลดต่ำลงอย่างมาก ตามด้วยราชาเขาเงินผู้สุดแสนจะโอหังและฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งอยู่บนต้นไม้ พวกเขาก็เข้าใจกันโดยไม่ต้องใช้คำพูด

“เราจะจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้ หากเราได้พบกันอีกในคราต่อไป พวกเจ้าจะต้องชดเชยให้กับเหตุการณ์วันนี้ !”

เฟิงอู๋กล่าวอย่างเลือดเย็นก่อนกะพริบหายออกไปโดยไม่ลังเลและเหาะตรงไปในระยะไกล

ในขณะเดียวกันนั้น หงส์เพลิงผู้ไร้เรี่ยวแรงบนพื้นก็เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและกลับเข้าสู่มิติเชื่อมอสูรของเฟิงอู๋

แน่นอนว่าจูตี๋ก็ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด

เมื่อเห็นเฟิงอู๋จากไปอย่างรวดเร็ว เขาและคนอื่นๆก็ทยอยหายไปจากทัศนวิสัยของฉินอวี้โม่และราชาเขาเงิน

ภายในการต่อสู้เพียงระยะสั้นๆ มีเพียงฉินอวี้โม่และราชาเขาเงินที่หลงเหลืออยู่

“น่าเบื่อเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดบางคนจึงชอบพูดพล่ามอะไรพวกนี้นัก หากการกล่าววาจาเช่นนี้สามารถทำร้ายผู้อื่นได้จริง ข้าก็คงตายไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว”

ราชาเขาเงินกล่าวอย่างอดไม่ได้และมันไม่สนใจสิ่งที่เฟิงอู๋กล่าวออกมาเมื่อครู่แม้แต่น้อย

ฉินอวี้โม่อดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินวาจาของราชาเขาเงิน

ราชาเขาเงินตัวนี้น่าสนใจจริงๆ อีกทั้งมันยังมีความคิดที่อยู่ในทิศทางเดียวกับนาง

“เอาล่ะ ในเมื่อสิ้นสุดลงแล้ว มาคุยเรื่องของเรากันเถอะ”

ราชาเขาเงินยิ้มออกมา มันรู้สึกชื่นชมฉินอวี้โม่อยู่ไม่น้อย

ก่อนหน้านี้มันมอบผลจินหยินให้กับฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็ซาบซึ้งอย่างมาก

.