ตอนที่ 308 ที่จริงก็เป็นเขา
ตอนที่ 308 ที่จริงก็เป็นเขา

การปรากฏตัวของเขาและ ‘คนใช้ตระกูลจ้าว’ ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน!

เพราะดวงตาอันดุร้ายคู่นั้นซูหวานหว่านเห็นความโหดร้าย และเห็นถึงความเกลียดชัง!

นางรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ ดาบเล่มยาวสะท้อนแสงแวววับถูกยกสูงขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวรีบวิ่งเข้าขวางเอาไว้ทันที หากแต่ไม่สำเร็จ แต่นางก็ไม่ได้ทิ้งความพยายามแต่อย่างใด ทั้งมองหน้ากันทำให้เหล่าชาวบ้านแถวนั้นตกใจ

“สาวน้อยคนนี้เป็นใคร? เหตุใดถึงกล้าต่อกรกับแม่ทัพเหนียน?”

“ข้าเองก็ไม่รู้!”

“…”

ซูหวานหว่านถือว่าโชคดีมากที่นางสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าเอาไว้เมื่อตอนออกจากตระกูลเฉียน มิฉะนั้นนางอาจจะทุกสายตาจ้องมองมาอย่างเชือดเฉือน เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังมองตระกูลจ้าวในทางที่ไม่ดี

ทุกคนต่างคาดเดาว่าเป็นใครกันที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้น แต่แม่ทัพเหนียนกลับพูดออกมาว่า “เจ้าอยากมีส่วนร่วมกับคนพวกนี้อย่างงั้นหรือ? เจ้าคือคุณหนูจ้าวใช่หรือไม่?”

ความน่าเกรงขามรอบตัวของแม่ทัพเหนียนก็เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเยาะเย้ย นางจ้องมองเข้าไปในตากับแม่ทัพเหนียนด้วยสายตาเกลียดชัง และกล่าวว่า “ทำไมท่านแม่ทัพเหนียนถึงได้ดุร้าย และข่มเหงรังแกผู้อื่นขนาดนี้? ไม่รู้ว่าเหตุใดกันถึงได้โกรธเกลียดตระกูลจ้าวเช่นนี้!”

“หากข้าจะเกลียดชังตระกูลจ้าวแล้วจะเป็นไรไป ตระกูลจ้าวทำการค้าเกลือแต่กลับทำเรื่องสกปรกเหล่านั้น! เช่นนี้ไม่สมควรถูกประหารชีวิตงั้นเหรอ?” แม่ทัพเหนียนพูดออกมาด้วยสายตาอาฆาตที่จ้องมองไปยังซูหวานหว่าน และเอ่ยออกมาอีกว่า “ทุกคนในที่นี่คิดว่าข้าพูดถูกต้องหรือไม่?”

“ท่านแม่ทัพพูดต้องแล้ว!”

“ตระกูลจ้าวสมควรได้รับการลงโทษ!”

“…”

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้หัวใจของซูหวานหว่านพลันด้านชาขึ้นมา และได้ยินแม่ทัพเหนียนพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ข้าจะขอถามอีกครั้ง เจ้าเป็นคนของตระกูลจ้าวใช่หรือไม่? ไม่เช่นนั้นเหตุใดเข้าถึงห้ามไม่ให้ข้ากำจัดคนเหล่านี้!”

เมื่อมองไปที่ดวงตาและฟังจากน้ำเสียงของนายพลเหนียน ดูเหมือนว่านายพลเหนียนจะรู้ตัวตนของนางอย่างไรอย่างงั้นเลย! ซูหวานหว่านพยายามควบคุมสติ และกล่าวออกมาว่า “คนของตระกูลจ้าวสมควรถูกฆ่า แต่คนเหล่านี้ไม่ใช่คนตระกูลจ้าว”

พูดจบ ซูหวานหว่านก็รีบเอ่ยต่อเพื่อไม่ให้แม่ทัพเหนียนหาข้อแก้ต่างได้ หญิงสาวชี้ไปที่คนเหล่านั้นและพูดว่า “บ้านตระกูลจ้าวถูกปิดตายไปนานแล้ว อีกทั้งเหล่าคนใช้ก็ถูกจับไปหมดแล้ว ฝ่าบาทจะปล่อยคนเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร แม่ทัพเหนียนกำลังสงสัยในการจัดการของฮ่องเต้ใช่หรือไม่?”

“ปากดีเหลือเกิน!” แม่ทัพเนียนสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา แล้วเก็บดาบเข้าฝักแล้วกล่าวออกมาว่า “มันก็จะต้องมีคนหนีรอดออกมาบ้าง? ข้าได้ข่าวมาว่าฮูหยินจ้าวและคุณหนูจ้าวหนีออกมาได้ ใครจะไปรู้ทั้งสองอาจจะสั่งให้คนทำเรื่องไม่ดีก็ได้”

คำพูดเหล่านี้ฟังดูแล้วสมเหตุสมผล นางไม่อาจหาคำพูดใดมาโต้แย้งได้จริง ๆ นางคงต้องปล่อยให้พวกเขาทำลายชื่อเสียงของตระกูลจ้าวไปเสียก่อน

ซูหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ นางมองไปที่ ‘คนของตระกูลจ้าว’ นางยักไหล่แล้วพูดออกมาว่า “งั้นก็ขอโทษด้วยที่รบกวน เชิญท่านลงมือเถอะ”

หลังจากพูดออกมาอย่างนั้น ซูหวานหว่านก็เดินไปที่โรงน้ำชาทันที เมื่อได้พบเจอแม่ทัพเหนียนตัวจริง เขาเป็นคนที่ค่อนข้างโหดร้ายมาก จึงแอบคิดภายในใจว่า ‘ซูหวานหว่าน เกมเพิ่งจะเริ่มต้น เจ้าควรที่จะปล่อยให้เขานำไปก่อน!’

แม่ทัพเหนียนจึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ฆ่ามัน!”

ในตอนนี้ที่เขากำลังจะลงมือ คนรับใช้เหล่าก็ตกตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ และรีบหนีไปทันทีพร้อมกับตะโกนว่า “พวกเราไม่ใช่คนของตระกูลจ้าว! พวกเราแค่ถูกจ้างมาเพื่อใส่ร้ายตระกูลจ้าวเท่านั้น!”

“ใช่แล้ว! ที่ทำแบบนี้ก็เผื่อที่ให้คุณหนูจ้าวออกมาปรากฏตัวออก และฆ่านางไม่ใช่อย่างงั้นหรือ? เหตุใดถึงไม่ฆ่านางแล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาที่พวกเราแทน!”

“…”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซูหวานหว่านก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา “พวกโง่! ในเมื่อพวกเจ้าทำงานไม่สำเร็จ พวกเขาก็คิดจะปิดปากพวกเจ้าน่ะสิ หึ?”

เมื่อเห็นคนเหล่านั้นถูกนำตัวไปทีละคน หัวใจของซูหวานหว่านเย็นชาลง และนางมั่นใจว่าแม่ทัพเหนียนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็นึกถึงชายคนนั้นขึ้นมาในหัว นางหันไปมองที่ฉีเฉิงเฟิงทันทีและพูดออกมาว่า “เจ้าคิดว่าชายคนนี้ดูคล้าย ๆ พี่ชายของสือเป่ยเอ๋อร์หรือไม่ ศัตรูเก่าของเจ้าและข้าสือเฉิงชุน?”

“เป็นเขางั้นเหรอ?” เมื่อคิดถึงคนคนนี้หัวใจของฉีเฉิงเฟิงสั่นสะท้าน และรู้สึกด้านชาขึ้นมาทันที พร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ข้านั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลสือจะเป็นมิตรกับแม่ทัพเหนียน”

“ภายนอกกับความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน เจ้าไม่สามารถมองแค่ภายนอกได้” ซูหวานหว่านก็ได้กล่าวออกมา ทันใดนั้นนกนางส่งออกไปก็บินกลับมาเกาะลงบนบ่าของซูหวานหว่าน หญิงสาวใช้พลังวิเศษของตัวเองฟังเสียงนกที่กำลังพูดกับนาง “หลังจากที่แม่ทัพเหนียนกลับถึงบ้านของตัวเอง เขาได้เขียนจดหมายสั่งให้ใครสักคนนำเกลือจากคลังที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้มาขายให้กับนายท่านเฉียนราคาต่ำ”

คลังเกลือทิศตะวันออกเฉียงใต้? นั่นมันคือโกดังเก็บเกลือของสกุลนางไม่ใช่เหรอ! เรื่องนี้ประติดประต่อกับเรื่องราวของนายท่านเฉียน รอยยิ้มอ่อนปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

“เขา?” ฉีเฉิงเฟิงก็พูดออกมาหากแต่ในใจก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย “แต่ว่าเขาไปอยู่ที่ชายแดนมาสามปี และไม่เคยกลับมาเลย”

“เจ้าและข้าสามารถออกมาได้ง่ายแน่ ๆ แต่ว่าพวกเราไม่ได้จับตาดูเขาเอาไว้ พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ในค่ายทหารตลอดระยะเวลาสามปี?” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้ม และนึกถึงไปที่แม่ทัพเหนียนที่นางเห็นในวันนี้ ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งและรู้สึกว่าแม่ทัพเหนียนและสือเฉิงชุนนั้นมีลักษณะที่ดูเหมือนคล้ายกัน

ซูหวานหว่านเขียนจดหมายและให้หนูนำจดหมายไปส่ง หญิงสาวได้สั่งให้นกทั้งรังช่วยเป็นหูเป็นตาแทนนาง หลังจากนั้นนางกับฉีเฉิงเฟิงก็กลับไปพักที่ตำหนักขององค์ชายสาม และรอข่าวสารของแม่ทัพเหนียนในวันพรุ่งนี้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แม่ทัพเหนียนนั่งพระจันทร์อยู่ริมหน้าต่างภายในเรือ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของหนูดังขึ้น จากนั้นก็มีหนูตัวหนึ่งปีนขึ้นมาบนโต๊ะเขียนหนังสือ บนโต๊ะมีจดหมดหมายที่เขากำลังเขียนเอาไว้อยู่ หากแต่หมึกยังไม่แห้งดี จะให้หนูขึ้นไปเล่นบนโต๊ะได้อย่างไร!

“หนูสกปรก ลงไปเดี๋ยวนี้!” แม่ทัพเหนียนตะโกนออกมา แต่หนูตัวนั้นก็ยังไม่ขยับเขยื้อนและยิ่งส่งเสียงร้องกว่าเดิม แม่ทัพเหนียนก็เดินเข้าไปทันทีและหนูก็วิ่งหนีออกไปทันที เมื่อเห็นว่าหนูตัวนั้นได้หนีไปแล้ว แม่ทัพเหนียนกำลังจะเดินกลับไปที่หน้าต่างเหมือนเดิม แต่เมื่อก็เหลือบไปเห็นจดหมายที่อยู่โต๊ะเพิ่มมาหนึ่งฉบับ ดูจากลายมือแล้วตัวอักษรนั้นสวยงามมาก แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นคนเขียน!

ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็ไม่เจอผู้ใด แต่จดหมายนี้กลับถูกนำขึ้นมาส่งได้อย่างลึกลับ แม่ทัพเหนียนก็รู้สึกประหลาดใจมาก เขาก็เหลือบมองจดหมายและฉีกมันออกทันที!

เนื้อหาในจดหมายนั้นเขียนเอาไว้ว่า

‘ สือเฉิงชุน เจ้ากลับมาแล้วเหรอ? ถ้าเจ้าต้องการอัฐิของพ่อแม่เจ้า ให้รีบมาที่บ้านของตระกูลสือให้เร็วที่สุด อย่ามัวรอช้า! – ซูหวานหว่าน’

“เฮอะ! เจ้าคิดว่าข้าจะตกหลุมพรางเจ้าอีกอย่างงั้นหรือ?” แม่ทัพเหนียนกระตุกยิ้มเย้ยหยันออกมา ภายใต้หน้ากาก

ดวงจันทร์ส่องแสงเจิดจ้า แม่ทัพเหนียนจ้องมองไปที่แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา และเมื่อเขามองเห็นตัวเองในกระจกก็อดไม่ได้ที่จะถอดหน้ากากออก

ใบหน้าของเขาค่อนข้างดำคล้ำเล็กน้อย มีผิวหนังค่อนหยาบกร้าน รูปร่างกำยำสมดั่งชายชาติทหาร และเขาคือสือเฉิงชุน!

เขาใช้มือสัมผัสไปยังใบหน้าอันคล้ำเสียของตัวเองอย่างช้า ๆ “ซูหวานหว่าน ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ข้าไม่มีวันที่จะตกหลุมพรางเจ้าอีกแน่!”

สายลมหนาวพัดโชยทำให้ผมยาวของสือเฉิงชุนก็พลิ้วไสวไปมา ทำให้จดหมายบนโต๊ะเคลื่อนไหวตามสายสม สือเฉิงชุนขมวดคิ้ว ลุกขึ้นและเปิดกล่องในลิ้นชักดู “ร้านหงเหมินในเมืองเล็ก ๆ ก็ล้มละลายอย่างงั้นหรือ? ร้านหงเหมินโหลวในเมืองโจวก็ล้มละลายด้วยอย่างงั้นหรือ?”

ปัง

สือเฉิงชุนก็ทิ้งบัญชีรายรับในมือทิ้งไปทันที ดวงตาอันดุร้ายคู่นั้นเผยแววอาฆาต “ซูหวานหว่าน เดิมทีข้าจะให้เวลาเจ้าก่อนตาย แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะรนหาที่ตายเอง เดี๋ยวข้าจะช่วยสนองความต้องการของเจ้าให้!”

หลังจากพูดอย่างนั้นสือเฉิงชุนก็เปิดประตูออกมา “ใครก็ได้! ไปเตรียมคนมาสามสิบคนเพื่อไปที่ตระกูลสือกับข้าสิ! ไปฆ่านางให้แหลกเป็นชิ้น!”