“ความเป็นความตายตัดสินตามแต่ชะตาของเจ้ากับข้ารึ…หึหึ หึหึ….!”
เฉินคงหัวเราะอยู่นาน
“กล้าพูดเช่นนั้นแม้จะมาถึงตรงนี้! หยินหยู แม้ถึงจะไม่มีเหตุให้ต้อดงฆ่าเจ้า ฆ่าก็ไม่อยากจะฆ่าเจ้าเลย!”
คำพูดของเขามิได้ปิดบังความนับถือ
เหล่าผู้คนตกใจ ความเป็นความตายตามแต่โชคชะตางั้นรึ? ในความต่างของพลังมากมายเช่นนี้ ในความสิ้นหวัง ในยามที่เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน…แต่ซือหยูยังคงยืนตระหง่าน และยังพูดว่า “ตามแต่ชะตา”? จิตวิญญาณเช่นใดกัน ความกล้าหาญเช่นใดกัน เขายอมรับความตายได้มากขนาดไหนกัน?
จ้าววิหคเพลิงใจสั่น นางจ้องร่างที่ไม่ยอมจำนนบนลานประลองและตกอยู่ในภวังค์ นางเคยคิดว่านางได้พบพานกับความสงบสุขมานานเกินไปและเห็นทุกสิ่งที่บนโลกมนุษย์แห่งนี้ต้องการ ในตอนนี้นางรู้สึกอย่างมิอาจบรรยาย นางประทับใจและนับถือซือหยูอย่างมาก
“เฉินคง…”
จ้าววิหคเพลิงถอนหายใจและยืนขึ้น
“ถอยไปซะ ข้าจะปกป้องหยินหยู เขาไม่ควรต้องตายที่นี่”
แววตาของนางเยือกเย็น เสียงนั้นมิได้ดุร้าย แต่ทุกคนรู้สึกได้ถึงความตั้งมั่นของจ้าววิหคเพลิง นางกล้าแม้แต่จะสู้กับเฉินคงเพื่อปกป้องหยินหยู
เฉินคงหยุดเดิน เขาเงยหน้ามอง
“เฉินคง ข้าจะหมั้นเจ้ากับเฟิงเซี่ยนอย่างเป็นทางการถ้าเจ้าหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้”
จ้าววิหคเพลิงเจรจา
เฉินคงจ้องซือหยู แววตานั้นรู้สึกโศกเศร้าและระวังตัว ด้วยอำนาจเช่นนี้ เฉินคงพยักหน้า
“ย่อมได้ แต่นี่จะเป็นโอกาสเดียวเท่าน….”
จ้าววิหคเพลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางเหลือบตามองซือหยู นี่เป็นทั้งหมดที่นางทำให้เขาได้ หัวใจของผู้คนสงบลง เหตุการณ์ในตอนนี้กุมหัวใจของพวกเขา
เป็นเพราะจ้าววิหคเพลิงที่มีหลักการและรู้สึกนับถือซือหยู ซือหยูถึงมีชีวิตรอดไปได้
แต่คำพูดที่ดังตามมาก็ทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่อ
“ท่านยังไม่ได้ถามความเห็นข้า!”
น้ำเสียงนั้นชัดเจน มันมาจากซือหยูที่อยู่กลางลานประลอง
จ้าววิหคเพลิงสับสน
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”
ซือหยูเงยหน้าด้วยความแน่วแน่
“ข้าจะต้องจบการต่อสู้นี้ให้ได้! แม้ข้าจะต้องแหลกสลายไปพร้อมกับโลกนี้ก็ตาม!”
ผู้คนตกตะลึง เขายังคงดึงดันที่จะตายแม้ชีวิตของเขาจะถูกช่วยเอาไว้ด้วยความยากลำบากงั้นรึ? เขายังอยากจะสู้อยู่อีกรึ? แม้ว่าเขาจะต้องกลายเป็นแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นควันของกาลเวลาน่ะรึ?
จ้าววิหคเพลิงไม่เข้าใจในความตั้งใจของซือหยู
“ทำไมเจ้าถึงดึงดันที่จะต่อสู้ในครั้งนี้นัก?”
ซือหยูหัวเราะ เขายิ้มอย่างแน่วแน่ อย่างดื้อด้าน และอบอุ่น แววตาอันอ่อนโยนจ้องมองที่นั่งเมฆาหิมะ
“เพราะข้ามาเพื่อเซี่ยนเอ๋อ! นางคือผู้หญิงที่ข้าต้องแลกด้วยชีวิต! ข้าจะมองดูนางแต่งงานกับคนอื่นได้อย่างไร?”
แม้ว่าเขาจะต้องตาย เขาก็จะสู้!
“การต่อสู้นี้มีเพื่อเซี่ยนเอ๋อเท่านั้น!”
ผู้คนตกตะลึง เหตุผลในการต่อสู้ของซือหยูคือเพื่อสตรีคนเดียว! แม้เขาจะรู้ว่าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขานั้นสิ้นหวัง แม้เขาจะรู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ที่รู้ผลล่วงหน้า…เขาก็ยังคงจะมุ่งไปข้างหน้า!
เพื่อเฟิงเซี่ยน เพื่อผู้หญิงหนึ่งคน…นี่มันคุ้มกันแล้วรึ?
“เซี่ยนเอ๋อสำคัญกับเจ้าขนาดนั้นเชียวรึ?”
เฉินคงเงยหน้าถอนหายใจ
“ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้าจริงๆ….”
มิใช่แค่ผู้คนที่ประทับใจ แต่ศัตรูของเขาเองก็ประทับใจเช่นกัน ต่อสู้จนตัวตายเพียงเพราะเฟิงเซี่ยน! คนนับไม่ถ้วนจ้องมองที่นั่งเมฆาหิมะ มองไปยังจุดที่หญิงสาวผู้นั้นไม่ก้าวออกมา ไม่พูดแม้แต่คราเดียว พวกเขามองอย่างริษยา
หลายคนประทับใจในความคิดที่ต้องการคู่ชีวิตและต้องแลกกับการต้องเผชิญหน้ากับทุกคน มิใช่เพื่อชื่อเสียง ลาภยศ ความเป็น ความตาย แต่เพื่อความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ความสุขของคนผู้นั้นจะมีมากเพียงใดกัน? เฟิงเซี่ยนคือสตรีที่สวรรค์ประทานพรให้โดยแท้จริงที่ได้คนที่จะทำเช่นนั้นเพื่อนาง
แม้แต่จ้าววิหคเพลิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ เขากำลังต่อสู้เพื่อเฟิงเซี่ยนงั้นรึ? นางยิ้มอย่างขมขื่นหลังจากเงียบไปนาน
“เจ้าทำใจแล้วสินะ ข้าจะไม่หยุดเจ้าอีกแล้ว สู้ตามแต่ใจปรารถนาของเจ้าเถอะ!”
ราวกับว่านางถูกพากลับไปยังในอดีตครั้งเมื่อยังสาว ในตอนนั้นนางงดงามอย่างมาก เปล่งประกายอย่างมาก นางมีทุกอย่างที่เฟิงเซี่ยนมี…ยกเว้นบุรุษอย่างหยินหยูที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนาง นางไม่เคยมีเลย ในตอนนี้ แม้แต่นางก็มิอาจซ่อนความริษยาในศิษย์ของตัวเองได้
ซือหยูที่ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางมองไปยังที่นั่งเมฆาหิมะ และมองตรงไปยังเฉินคง
“เริ่มสู้เถอะ!”
เฉินคงพยักหน้า แววตาของเขามีจิตสังหารที่ดูขัดแย้ง
“เจ้านั้นยอดเยี่ยม ข้าเป็นรองเจ้า! การทำลายฐานพลังและปล่อยให้เจ้ารอดไปได้นั้นจะไร้ปรานีและไม่เป็นการเคารพเจ้าเลย ข้าตัดสินใจจะสังหารเจ้า!”
ความตายคือความนับถือขั้นสูงสุดที่เขาจะมอบให้ยอดฝีมืออย่างซือหยูได้
ซือหยูพยักหน้า
“เจ้าก็เหมือนกัน! ไม่ว่าจะฆ่าเจ้าหรือปล่อยเจ้าไป นี่ก็เป็นทั้งหมดที่ข้าทำได้!”
ในความจริง ซือหยูอยากจะรู้ว่าเหตุใดเฉินคงถึงต้องฆ๋าเขา พวกเขามิได้มีเรื่องผิดใจต่อกัน แต่เฉินคงพูดว่าซือหยูต้องตาย! ก่อนหน้านี้ เฉินคงได้ทำให้เจ้าตำหนักเสี่ยวกังมาก่อเรื่องที่ตำหนักหยินหยู เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นโดยไร้สาเหตุ
แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว การเอาชนะเฉินคงคือเป้าหมายเดียวของซือหยู
เฉินคงยืนมือไพล่หลัง
“กฎเดิม เจ้ามีโอกาสเดียวที่จะโจมตีข้า! แต่ครั้งนี้มันจะไม่มีข้อยกเว้น!”
อำมฤตระดับห้า — ตัวตนราวเทพแห่งทวีป ทุกวิชาที่ซือหยูมีนั้นไร้ค่าต่อหน้าเขา เขามีโอกาสเดียวให้ลงมือเท่านั้น ซือหยูเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเอาชนะเฉินคงในการโจมตีเดียว
ซือหยูบินลง เขาเหยียบพื้น
แกร๊ก—-
ก้อนศิลาใต้เท้าของเขาแหลกเป็นเสี่ยงด้วยพลัง ทำให้ขาของเขาจมลึกลงไปในลานประลอง ประสาทสัมผัสทั้งหมดในร่างทำงานอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างต่อเนื่อง
เขายังไม่เริ่มใช้วิชาด้วยซ้ำแต่ผู้คนก็รู้สึกถึงพลังประหลาด ราวกับว่าซือหยูเตรียมจะใช้วิชาที่น่ากลัว
จ้าววิหคเพลิงเงยหน้ามองท้องนภา นางขมวดคิ้ว
“พลังวิญญาณของปราการวิหคเพลิงถูกรบแวน….นั่นมันพลังอะไรกัน!”
แต่วิชาระดับอำมฤตทุกวิชาสามารถสร้างพลังเช่นนี้ได้แม่ว่าจะแข็งแกร่งที่อ่อนแอ แต่พลังที่ซือหยูอัญเชิญเข้ามานั้นเหนือกว่าวิชาทั่วไป
พลังวิญญาณเหล่านั้นราวได้ได้ยินคำบัญชาจากสวรรค์ มันเข้ามารวมตัวที่ซือหยู! การเคลื่อนตัวอันบ้าคลั่งของพลังวิญญาณทำให้เกิดสายลมรุนแรง หลายคนตกใจและลอยขึ้น! แม้แต่หลังคาของสิ่งปลูกสร้างก็ลอยขึ้นจากพลังอันน่าตกตะลึง
พลังวิญญาณรวมตัวที่เหนือศีรษะของซือหยู มันกลายเป็นวารีวิญญาณที่ก่อตัวรวมเป็นเมฆา!
“ชั้นเมฆาวิญญาณ!”
ผู้คนเบิกตากว้าง พวกเขาร้องเสียงหลง
เขารวบรวมพลังวิญญาณได้มากมายเช่นนี้!
“นะ…นั่นมันวิชาอะไรกัน?”
ไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
แม้แต่จ้าววิหคเพลิงก็ตกใจ แววตานางเปลี่ยนไป
“หรือว่ามันจะเป็น…?”
“อรหันต์แปดอักษร! ปิง!”
เสียงคำรามแห่งสวรรค์ดังก้องปฐพี
พลังวิญญาณอันน่ากลัวที่ก่อตัวบนศีรษะซือหยูได้ก่อตัวเป็นรูปลักษณ์อักษรที่เขียนว่า ‘ปิง’ ที่กว้างใหญ่! จิตสังหารไร้ขอบเขตและพลังสวรรค์ประหลาดพุ่งออกมาจากคำว่า ‘ปิง’! คำคำนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ มันปล่อยมาจากเสียงตะโกน ราวกับว่าคำพูดนั้นมีทหารล้านคนรวมตัวกันอยู่
จิตสังหารอันน่าครั่นคร้ามนี้ทำลายได้แม้กระทั่งสวรรค์ — มากพอที่จะสังหารทุกสิ่งบนโลกใบนี้!
แกร๊ก—
แก้วชาในมือจ้าววิหคเพลิงแตกเป็นเสี่ยง ความเยือกเย็นและแววตาอันอ่อนโยนของนางเปลี่ยนไป นางพูดกับตัวเองเบาๆ
“วิชาระดับตำนาน! เป็นไปได้ยังไง?”
มู่เทียนฟางที่อยู่ข้างนางได้ยินเสียงเบาๆจากนาง ราวกับว่านางถูกสายฟ้านับล้านซัดใส่กาย นางตัวแข็งทื่อ
“วิ…ชา…ระดับ…ตำนาน….”
มันคือสิ่งที่มีตัวตนเฉพาะในคำร่ำลือ! วิชาที่มีเพียงเทพที่บ่มเพาะได้! ซือหยูได้บ่มเพาะวิชาระดับตำนาน!
อักษร ‘ปิง’ ตัวใหญ่ยักษ์กำลังจะทำลายทุกสิ่ง! จิตสังหารอันมหาศาลเข้ากดดันฟ้าดิน ราวกันว่าเมื่อมันปะทุออกมา มันจะทำลายทุกสิ่ง!
จ้าววิหคเพลิงกลับมาได้สติอีกครั้ง นางชักสีหน้าและสั่งอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนออกจากลานประลองเดี๋ยวนี้! ทุกคนออกให้ห่างจากลบานประลองที่สุดเท่าที่จะทำได้! ถอยไป! เดี๋ยวนี้!”
เหล่าผู้คนสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ จิตสังหารที่อัดแน่นอยู่ในคำว่า’ปิง’นั้นทำให้พวกเขาขนลุก หากมันถูกปลดปล่อยออกมาแล้วพวกเขาคงจะแหลกเป็นผงแน่นอนถ้าหากเข้าใกล้!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–
หลายคนบินขึ้นท้องนภาอย่างรีบร้อน พวกเขาหนีไปไกลตามคำสั่งและมองดูจากระยะไกล
“พวกเราก็ต้องไปด้วย!”
จ้าววิหคเพลิงมองมู่เทียนฟางและถอยออกไปเช่นกัน!
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เทียนฟางเห็นความกลัวในดวงตาของอาจารย์!
“ท่านอาจารย์ นั่นมันจะรุนแรงเพียงใดกัน?”
มู่เทียนฟางกลืนน้ำลาย นางไม่ละสายตาจากซือหยู บุรุษผู้นี้ราวกับโจรที่ฉกชิงความกลัวของอาจารย์นางไป!
จ้าววิหคเพลิงจ้องมองอักษร ‘ปิง’ และส่ายหน้า
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นวิชาระดับตำนานด้วยตัวเอง! ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วมันจะรุนแรงแค่ไหน…ข้ารู้อย่างเดียวว่าข้าอาจจะตายได้เพราะท่านั้น ทุกสิ่งที่รอดไปได้แม้พิการนั่นก็นับว่าโชคดีแล้ว!”
“เฉินคงแพ้แล้ว!”
จ้าววิหคเพลิงพูดและมองซือหยูตาไม่กระพริบ นางเคยคิดว่าซือหยูเป็นแค่เด็ก แต่เขากลับซ่อนพลังอันน่ากลัวเอาไว้!
สมองของมู่เทียนฟางราวกับถูกซัดด้วยอัสนี ริมฝีปากของนางแห้งเหือด
“เขา…เขาสังหารท่านอาจารย์ได้…รึ?”
นางเคยคิดว่าซือหยูเป็นแค่ภัยเล็กน้อยต่ออาจารย์ของนาง แต่ในความจริงแล้วการโจมตีนี้รุนแรงจนมากพอที่จะฆ่าอาจารย์ของนาง! หยินหยูแข็งแกร่งเกินไป! แข็งแกร่งจนทุกคนต้องกลั้นหายใจด้วยความโศกเศร้า!
“วิชา! ระดับ! ตำนาน!”
เฉินคงกัดฟันแน่น เขาสั่นไปทั้งกาย
วิชาระดับตำนานเป็นวิชาของเทพที่ไม่สนความต่างของระดับพลัง ซือหยูครอบครองวิชาเช่นนั้นได้ยังไง? วิชาที่ไม่ควรจะเป็นของผู้ใดในทวีปเฉินหลง!
ความตายปกคลุมจิตวิญญาณของเขา เฉินคงรู้ว่าเขามิอาจป้องกันตัวเองจากวิชานี้ได้! แต่เขาก็ยังมิอาจเชื่อว่าซือหยูจะเอาชนะเขาได้แม้เขาจะใช้พลังเต็มที่!