ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 360

หลังจากฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ ออกไป

แซ็คก็มองไปที่ผู้อาวุโสซิมเมอร์ ดูเหมือนว่าเขามีอะไรอยากจะพูด แต่ก็ห้ามตัวเองไว้

แซ็คเข้าใจทุกอย่าง จนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และถามว่า “คุณปู่คิดว่าเมื่อกี้ผมเป็นคนโลภไหม…?”

“โอ้? ทั้ง ๆ ที่แกก็รู้ตัว?” ผู้อาวุโสซิมเมอร์พูดอย่างเย็นชา

“คุณปู่ กำลังเข้าใจผมผิด ผมไม่เคยอยากได้นาฬิกานั่น แต่เป็นเพียงการทดสอบฮาร์วีย์เท่านั้น ตอนนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าฮาร์วีย์มีความหยิ่งผยองมากขึ้นจากแต่ก่อนทันทีที่แมนดี้ได้ตำแหน่ง … ”

“แล้วแกวางแผนจะทำอะไร? รองซีอีโออย่างแกพูดแบบนี้ ฉันอยากให้แกหยุดความคิดนั่นไว้ซะดีกว่า” ผู้อาวุโสซิมเมอร์พูดอย่างหงุดหงิด

“ผมแค่อยากเสนอว่าเราควรจะสร้างปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แมนดี้ แน่นอนว่ามันจะไม่กระทบกับผลกำไรของตระกูลซิมเมอร์ ปัญหาเล็ก ๆ เหล่านี้ทำให้แมนดี้มีอำนาจยากขึ้น มันจะรั้งแมนดี้ไว้ไม่ให้หยิ่งผยองเกินไป” แซ็คอธิบาย

เขาเรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้น ก่อนที่จะทำอะไรพวกนี้ เขาจะต้องขอคำแนะนำและรายงานก่อน ถ้าไม่งั้นผู้อาวุโสซิมเมอร์จะต้องเข้ามาจัดการหากเรื่องมันเกินรับมือ

“แล้วไง…”

ผู้อาวุโสซิมเมอร์คิดตามแล้วพยักหน้า

แซ็ครีบโน้มตัวไปกระซิบที่หูของผู้อาวุโสของซิมเมอร์เบา ๆ

ผู้อาวุโสซิมเมอร์ประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่แซ็คพูด จากนั้นก็พยักหน้ารับ

“เอาล่ะ แกลองไปจัดการ แต่ถ้าแกล้มเหลวฉันจะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้ แกต้องยอมรับกับผลที่จะตามมา”

“มั่นใจได้เลยครับคุณปู่ แผนเราผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอน”

แซ็คตบที่หน้าอกของเขาด้วยความมุ่งมั่นและมั่นใจ

***

ณ บ้านซิมเมอร์

ลิเลียนกำลังให้แมนดี้โน้มน้าวฮาร์วีย์ เธอพยายามโน้มน้าวเองสองสามครั้งแต่เขาก็ยักไหล่เหมือนไม่สนใจ ท่าทีของฮาร์วีย์ทำให้ลิเลียนอยากจะอาเจียนเป็นสายเลือด

‘ขยะไร้ค่านี้ไม่มีความคิดเอาเสียเลย เขาคิดจริง ๆ ว่าจะมีใครสนใจเขาถ้าเขาทำตัวรั้นแบบนี้’

“แมนดี้ ทำไมลูกไม่ลองคิดดูล่ะ แม้ว่าลูกจะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการศูนย์กลางการค้าและดูแลจัดการด้านการเงินของบริษัท แต่ก็มีอีกหลายวิธีที่ตาเฒ่านั่นจะปลดลูกออกจากตำแหน่งได้ แล้วการจะให้ไอ้ขยะนั่นไปพูดเรื่องดี ๆ ของครอบครัวของเราให้เชนฟังนั่นก็ยากแสนยาก ทำไมลูกถึงต้องทิ้งอนาคตที่สดในของลูกไว้กับขยะนี่ด้วย?” ลิเลียนพูดด้วยความหงุดหงิด

สิ่งที่เธอคิดกับฮาร์วีย์นั้นซับซ้อนมาก เธอไม่ต้องการแม้แต่จะถามอะไรฮาร์วีย์ในตอนนี้ แต่ลิเลียนก็เอาแต่พูดซ้ำ ๆ

“ตระกูลของเรามันขึ้นอยู่กับลูกนะ! ถ้าผู้อาวุโสทำให้ชีวิตของลูกยุ่งเหยิง ลูกจะทำยังไง?”

“อยู่กับไอ้ขยะไร้ค่านั่นงั้นเหรอ? เงินเดือนของมันจะเท่าไหร่กันถ้าเขาเป็นแค่คนขับรถอยู่อย่างงี้?”

“แม่กับพ่อของลูกกำลังจะเกษียณ น้องสาวของลูกก็จะต้องเข้ามหาวิทยาลัย ลูกอยู่บนความเสี่ยงกับคนที่ไม่มีประโยชน์ ลูกคิดว่ามันคุ้มค่างั้นเหรอ?”

ใบหน้าของแมนดี้เหมือนกำลังจมดิ่งลงไปในน้ำ จะให้ไปคุยกับฮาร์วีย์เกี่ยวกับเรื่องนี้มันเหมือนกับการที่จะต้องขอร้องเขา

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเหมือนอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็ง เธอไม่ต้องการขอโทษเขา

“คุณแม่คะ เราวางแผนที่จะหย่ากันอยู่แล้ว หนูยังต้องไปถามเรื่องนี้จากเขาอีกงั้นเหรอคะ?”

แมนดี้ถอนหายใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำ! ตอนนี้ก็ไม่ต้องไปพูดอะไร! มันกินอยู่กับเรามาตลอดสามปีโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย! จะเป็นไรไปถ้าจะให้มันช่วยพูดเพื่อครอบครัวของเรา และเพื่อลูกเอง? ตอนนี้เราไม่ได้ทำผิดอะไรกับเขาเลย จริงไหม?”

ลิเลียนดูถูก

‘ฮาร์วีย์คิดว่าเขาเป็นคนที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ งั้นเหรอที่เขาสามารถประเมินค่าวัตถุโบราณแค่นั้นได้ เขาไม่มีทั้งเงินและอำนาจ ก็แค่เป็นกระสอบขยะไร้ค่า! ’

“คุณแม่คะ อย่าลืมสิคะว่าเขาให้เงินหนูมาแปดแสนดอลลาร์และจากคำขอของคุณแม่ เขาก็ให้อีกแปดแสนดอลลาร์แล้วยังเซ็นสัญญาข้อตกลงที่จะชำระหนี้คนเดียวอีก”

“เขาทำทุกอย่างด้วยกำลังของเขา เราจะขอให้เขาทำเรื่องนั้นได้ยังไงละคะ?”

แมนดี้รู้สึกผิด แต่ลิเลียนก็ไร้ยางอายเกินไปจริง ๆ