แดนนิรมิตเทพ บทที่ 468
“คุณหนูครับ ให้ผมดูหยกแขวนชิ้นนั้นหน่อยได้มั้ยครับ?” ลุงสุ่ยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้ามีความประหม่าปรากฏขึ้น

มู่หรงยานเอ๋อร์แอบรู้สึกงุนงง แล้วถอดหยกแขวนที่เฉินโม่ให้เธอ ยื่นให้กับลุงสุ่ย “ลุงสุ่ยเชิญดูได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณครับคุณหนู!”

ลุงสุ่ยรับหยกแขวนมา สองมือถือไว้ เหมือนกับว่ากำลังถือสมบัติหายากอยู่ ท่าทางการกระทำจริงจังอย่างมาก

พวกลูกคนรวยต่างก็มองหน้ากัน แล้วต่างก็หันไปมองลุงสุ่ยอย่างสงสัย ก็แค่ของข้างถนนไม่ใช่หรือไง? ตาแก่นี่ต้องทำขนาดนี้เลยงั้นหรอ?

แต่หยู่เหวินเฉิงกลับมีสีหน้ากังวล แอบภาวนาใจว่าอย่าให้ลุงสุ่ยดูออกเด็ดขาด

ลุงสุ่ยสีหน้ากระตุก แล้วยิ้มออกมา จากนั้นก็ยื่นมือปล่อยพลังชี่แท้ออกมา

หยกแขวนเส้นนั้นส่องแสงสีเขียวออกมาเล็กน้อย ลมเย็นเหมือนเมื่อกี้ปรากฏออกมาอีกครั้ง แต่ระยะเวลาสั้นมาก มีเพียงแค่ลุงสุ่ยและหยู่เหวินเฉิงที่เป็นนักบู๊สองคนนี้เท่านั้นที่สัมผัสได้

แม้ว่าจะไม่สามารถกระตุ้นผลลัพธ์ของหยกแขวนออกมาได้ แต่ลุงสุ่ยก็มั่นใจในความคิดของตัวเองแล้ว

หยู่เหวินเฉิงหลับตาลง คิดในใจว่า “จบแล้ว”

ลุงสุ่ยคืนหยกแขวนชิ้นนั้นให้กับมู่หรงยานเอ๋อร์อย่างเคร่งขรึม สองมือสั่นไหว สีหน้าเคร่งเครียด “คุณหนูครับ ไม่ว่าเวลาใด ก็ต้องสวมใส่หยกแขวนเส้นนี้ไว้กับตัวตลอดเวลานะครับ จดจำไว้ะครับ ต้องจำไว้นะครับ!”

“ค่ะ ฉันจำไว้แล้วค่ะ” มู่หรงยานเอ๋อร์พยักหน้าพูดอย่างจริงจัง

มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของลุงสุ่ย คนอื่นรู้เพียงแค่ว่าลุงสุ่ยเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลมู่หรง แต่มู่หรงยานเอ๋อร์รู้ดีถึงความสามารถและตำแหน่งในตระกูลมู่หรงของลุงสุ่ย ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ ยังไม่เคยได้เห็นลุงสุ่ยยั้งสติไม่อยู่เช่นนี้มาก่อน

“หยกแขวนชิ้นนี้ที่เฉินโม่ให้ฉันมา มีความอัศจรรย์อะไรกันแน่? ถึงได้ทำให้ลุงสุ่ยให้ความสำคัญมากเช่นนี้!” มู่หรงยานเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเฉินโม่ พบว่าเฉินโม่สีหน้านิ่งเฉย ดูไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่

ชายหนุ่มลูกคนรวยที่เอาแต่คิดอยากจะประจบตระกูลหยู่เหวินคนนั้น พึมพำออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ก็แค่ของข้างถนนชิ้นเดียวไม่ใช่หรือไง? มีอะไรน่าอัศจรรย์! หรือว่ายังสามารถสู้หัวใจแห่งมหาสมุทรที่คุณชายเฉิงมอบให้กับคุณหนูยานเอ๋อร์งั้นหรอ?”

หยู่เหวินเฉิงถึงตาใส่ แทบอยากจะเดินเข้าไปตบหน้าเจ้าโง่คนนั้น คนอื่นอาจจะดูไม่ออกถึงความเป็นมาของหยกแขวนชิ้นนั้น แต่ลุงสุ่ยรู้ดี

แม้ว่าหัวใจแห่งมหาสมุทรจะล้ำค่า แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่ง แล้วจะสามารถเทียบกับเครื่องรางที่มีประสิทธิผลน่าอัศจรรย์ได้ยังไง? ช่างหาเรื่องอับอายขายหน้าใส่ตัวเสียจริง!

อย่างที่คิด ลุงสุ่ยมองชายหนุ่มคนนั้น แล้วยิ้มเยาะพูดว่า “หยกแขวนชิ้นนี้ เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดในบรรดาของขวัญทั้งหมด! หัวใจแห่งมหาสมุทรเมื่อเทียบกับมันแล้ว ก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้น!”

พูดจบ ลุงสุ่ยมองหยู่เหวินเฉิง “คุณว่าอย่างไรละครับ? คุณชายหยู่เหวิน!”

หยู่เหวินเฉิงหน้าแดงด้วยความอับอาย ในใจต่อว่าด่าทอเจ้าโง่คนนั้นกว่าหมื่นครั้ง ถ้าหากว่าลุงสุ่ยเป็นเพียงแค่พ่อบ้านของตระกูลมู่หรง หยู่เหวินเฉิงก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ

แต่ว่าหยู่เหวินเฉิงรู้ดี ว่าลุงสุ่ยเป็นนักบู๊แดนในท่านหนึ่ง แล้วยังเทียบได้ถึงระดับแดนในชั้นสูงสุด เมื่อเทียบกับอาจารย์เขาแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน

กฎระเบียบของโลกฝึกบู๊เข้มงวดมาก เมื่ออยู่ต่อหน้านักบู๊ผู้อาวุโส หยู่เหวินเฉิงไม่กล้าที่จะสะเพร่าเลยแม้แต่นิด “ท่านผู้อาวุโสแววตาเฉียบคมมากครับ!”

ทุกคนต่างตกตะลึง หยู่เหวินเฉิงยอมรับเองว่าของขวัญของตัวเองเทียบกับเฉินโม่ไม่ได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“คุณชายเฉิงครับ เขาเป็นเพียงแค่พ่อบ้านของตระกูลมู่หรงเท่านั้น ไม่รู้ถึงความล้ำค่าของหัวใจแห่งมหาสมุทร ทำไมคุณ….”

ชายหนุ่มคนนั้นยังพูดไม่จบ หยู่เหวินเฉิงก็ตวาดใส่ว่า “แกหุบปากไปซะ!เจ้าโง่อย่างแกจะไปรู้อะไร!ไปให้พ้นซะ!”

ชายหนุ่มคนนั้นสีหน้าอับอาย ไม่เข้าใจว่าทำไมหยู่เหวินเฉิงถึงได้โมโหขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้ามีปัญหากับหยู่เหวินเฉิง ทำไมแค่ถอยหลังไปอย่างอับอาย

ลุงสุ่ยสีหน้าเยาะเย้ย มองหยู่เหวินเฉิงอย่างลึกซึ้ง แล้วหันหน้าไปมองเฉินโม่อย่างจริงจัง

“ถึงแม้ว่าฉันเองก็ดูไม่ออกถึงประสิทธิผลของหยกแขวนเส้นนั้น แต่ในเมื่อนายมอบของขวัญที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้กับยานเอ๋อร์ ฉันก็ขอขอบคุณนายแทนยานเอ๋อร์ด้วย!”

พูดจบ ลุงสุ่ยก็โค้งตัวทำความเคารพให้กับเฉินโม่