แดนนิรมิตเทพ บทที่ 467
คนธรรมดาพวกนั้น เพียงแค่รู้สึกว่าพลังงานความรู้สึกในร่างกายดีขึ้น แต่ว่า นักบู๊ที่อยู่ภายในห้องโถงพวกนั้น ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง

ในโลกที่ขาดแคลนพลังชี่ทิพย์อย่างโลกมนุษย์เช่นนี้ หินหยกธรรมดาที่มีพลังชะตาในฟ้าดินบรรจุอยู่ถือว่าน้อยมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหยกรวมสารที่ต้องผ่านการบ่มเพาะกว่าหมื่นปีเช่นนี้

วินาทีที่พลังทิพย์ธาตุน้ำบริสุทธิ์ผันผวน ได้ทำเอาแววตาของนักบู๊ทุกคนเดือดดาลกันหมด

หยู่เหวินเฉิงเป็นบักบู๊แดนในชั้นรู้ความ และมีระยะห่างใกล้กับมู่หรงยานเอ๋อร์มากที่สุด เขาจึงรู้สึกได้อย่างรุนแรงมากที่สุด ถึงพลังทิพย์ที่หยกแขวนปล่อยออกมา

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน? หยกแขวนชิ้นนี้ หรือว่าจะเป็น….เครื่องรางงั้นหรอ!”

หยู่เหวินเฉิงจำแววตาที่ปรากฏความชื่นชมนับถือในตอนนั้นที่ได้ยินอาจารย์ของเขาพูดคำว่าเครื่องรางออกมาได้อย่างดี

ตามความสามารถของอาจารย์เขาแล้ว เพียงแค่พูดถึงคำว่าเครื่องรางก็มีความจริงจังมากเช่นนั้น หากว่าได้เห็นเครื่องรางของจริงกับตาตัวเอง คงจะรีบเข้าไปสักการบูชาแน่นอน!

แต่เฉินโม่กลับนำเครื่องรางที่มีความสำคัญต่อนักบู๊มอบให้กับคนธรรมดาไปใช้เป็นเครื่องประดับ!

ช่างเป็นการสิ้นเปลืองสิ่งของอย่างที่สุด!

มู่หรงยานเอ๋อร์เองก็ถึงกับตัวสั่นสะดุ้ง แววตาที่มองเฉินโม่เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เธอเชื่อมั่นมาตลอดว่าของขวัญที่เฉินโม่มอบให้กับเธอจะต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดาแน่นอน ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของเธอถูกต้องมาโดยตลอด

แววตาของพวกกลุ่มลูกคนรวยที่มองไปยังเฉินโม่ มีความตกใจปรากฏขึ้น แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่พวกเขาคาดเดาว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเฉินโม่แน่นอน

น่าเสียดายที่พวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา จึงไม่รู้ถึงความหมายของพลังทิพย์เมื่อกี้ที่เกิดการผันผวน

หยูเจียหาวแอบบกวาดมองทุกคน พบว่าทุกคนดูเหมือนจะตะลึงต่อเฉินโม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเห็น

“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงเลยว่านายไม่เพียงแต่จะใช้ของข้างถนนมาหลอกลวงผู้คนเท่านั้น แต่ยังใช้พวกเล่ห์เหลี่ยมคาถามาหลอกคนอีกด้วย ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าของขวัญชิ้นนี้ของนายมีจุดไหนที่พิเศษนี่นา!หยูเจียหาวพูดเยาะเย้ย

“ใช่แล้ว นอกจากได้กลิ่นยาหม่องแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก ยังมาพูดว่าของขวัญของพวกเราเป็นของธรรมดา ไร้ยางอายสิ้นดี!” ลูกคนรวยของเขตเจียงหนานคนหนึ่งพูดประชด

“ใช่แล้ว เทียบกับหัวใจแห่งมหาสมุทรของคุณชายเฉิงแล้ว แย่กว่ามากโขเลยทีเดียว!” ชายหนุ่มคนนั้นที่คิดจะประจบตระกูลหยู่เหวินพูดเยาะ

“ใช่ ไอ้เจ้านี้มันเป็นคนหลอกลวงที่แท้จริง ไม่เพียงแต่เอาของข้างถนนมาหลอกลวงคุณหนูยานเอ๋อร์ แล้วยังใช้เล่ห์เหลี่ยมคาถามาหลอกลวงพวกเราอีก น่ารังเกียจจริงๆ!”

“สารเลว!”

พวกลูกคนรวยที่คิดว่าตัวเองดี เริ่มพูดจาโจมตีเฉินโม่อีกครั้ง

หยู่เหวินเฉิงยิ้มเยาะ แม้ว่าพลังบำเพ็ญของเขาจะไม่สามารถดูออกได้ว่าหยกแขวนที่เฉินโม่ให้กับมู่หรงยานเอ๋อร์ชิ้นนั้นเป็นเครื่องรางแบบไหน แม้จะเป็นเครื่องรางที่ธรรมดาที่สุดก็ถือเป็นของที่มีมูลค่ามหาศาล อย่าว่าแต่หัวใจแห่งมหาสมุทรเพียงเม็ดเดียวเลย ถึงมีสิบเม็ดก็ยังไม่สามารถเทียบกับหยกแขวนชิ้นนั้นได้

แต่ว่าหยู่เหวินเฉิงไม่มีทางพูดออกมาแน่นอนอยู่แล้ว ปล่อยให้พวกคนที่ไม่รู้ความจริงไปเหยียดหยามเฉินโม่ ก็ดีกว่าไม่ใช่หรือไง?

“หุบปากซะ!”

น้ำเสียงมีอายุเสียงหนึ่ง ดังขึ้นมาด้วยความโมโห

ลุงสุ่ยที่มีโรคกระดูกอ่อน เดินออกมาจากด้านหลังของมู่หรงยานเอ๋อร์ ยืนอยู่ที่ข้างกายมู่หรงยานเอ๋อร์ มองดูหยกแขวนตรงหน้าอกของมู่หรงยานเอ๋อร์ สีหน้าเคร่งขรึม

แม้ว่าลุงสุ่ยจะเป็นพ่อบ้านของตระกูลมู่หรง แต่ก็มีฐานะตำแหน่งไม่ธรรมดา แม้แต่มู่หรงชิงหลงคุณปู่ของมู่หรงยานเอ๋อร์ ก็ยังเคารพนับถือต่อลุงสุ่ย ดังนั้นมู่หรงยานเอ๋อร์จึงมิกล้าเสียมารยาท

“ลุงสุ่ย!” มู่หรงยานเอ๋อร์โค้งตัวทำความเคารพ

ลุงสุ่ยพยักหน้า สายตาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่หยกแขวนตรงหน้าอกของมู่หรงยานเอ๋อร์ ยิ่งมองสีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น