ตอนที่ 178 รูปเหมือน

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 178 รูปเหมือน

 

“เลี้ยง!”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วพลางมองอสูรปักเป้าในมือของหลินหลิน หากมันไม่ใช่อสูรระดับบรรพกาลที่หนามของมัน สามารถกรีดโลหะของหลินหลินได้ ไป๋จูเหวินก็คงไม่ว่าอะไรหรอก เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไป๋จูเหวินได้เห็นขนาดจริงๆของอสูรปักเป้าแล้ว ทําให้ไป๋จูเหวินไม่อาจมองมันเหมือนสัตว์เลี้ยงได้เลย

 

“อื้ม มันน่ารักดี” หลินหลินตอบพลางหมุนเจ้าปักเป้าในมือ

 

“ไม่ได้หรอก”ไป๋จูเหวินส่ายหน้า ไม่ว่าจะอย่างไรการเอาอสูรระดับบรรพกาลมาเลี้ยงก็คงไม่ใช่เรื่องดี แถมระดับพลังของพวกมันก็มากกว่าพวกท่านน้าเสียอีก เรียกได้ว่า หากท่านน้าทั้ง 5 นับเป็นระดับบรรพกาล พวกท่านก็เป็นระดับบรรพกาลขั้นที่ 1 เท่านั้น เมื่อเทียบกับอสูรเต่ายักษ์และอสูรปักเป้าที่เป็นอสูรรดับบรรพกาลมาก่อนแล้วพวกมันเทียบได้ราวกับเป็นอสูรบรรพกาลขั้นที่ 10 เลย

 

“ทําไมอ่า” หลินหลินครางพลางทําหน้ามุ่ย นางทําท่าเหมือนบุตรสาวที่กําลังขอร้องบิดาให้เอาลูกหมาถูกทิ้งกลับไปที่บ้านไม่มีผิด

 

“หนามของมันแหลมและมีพิษ เจ้ากับข้าอาจจะไม่เป็นไร แต่คนอื่นๆต้องแย่แน่ๆ”ไป๋จูเหวินตอบ เพราะนอกจากหลินหลินแล้วยังมีปิงปิงกับหงเยว่อีกที่คอยติดตามไป๋จูเหวิน หากอสูรปักเป้าไปโดนพวกนางเข้ามีหวังโดนแทงเลือดอาบเป็นแน่ แถมพิษของปลาปักเป้าธรรมดาก็แรงอยู่แล้ว หากเป็นอสุรปักเป้าคงแรงมากขึ้นไปอีก แม้หงเยว่อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ปิงปิงอาจจะโดนพิษเข้าก็ได้

 

ฟุบ!! ราวกับได้ยินสิ่งที่ไป๋จูเหวินพูด อยู่ๆเจ้าอสูรปักเป้าก็เก็บหนามของตนไปทันที บัดนี้ผิวของมันเรียบลื่นราวกับลูกโป่งไม่มีผิด

 

“ไป๋จูเหวินถึงกับพูดอะไรไม่ออก เจ้านี้ฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องพอสมควร ท่าทางจะมีสติปัญญาพอๆกับอสูรระดับต่ํา มิน่าเล่าอสูรเต่ายักษ์ถึงบอกว่าเจรจากับมันไปก็ไม่ได้ เพราะมันไม่สามารถพูดได้นั่นเอง

 

“มีอะไรเหรอเจ้าคะนายท่าน”เห็นหลินหลินกับไป๋จูเหวิน พูดคุยกันมาสักพักแล้วหงเยว่เลยออกมาถามว่าเกิดอะไรอื่น

 

“พี่หงเยว่ ท่านว่าเจ้าตัวนี้น่ารักดีหรือไม่” หลินหลินถามพลางจับเจ้าอสูรปักเป้าที่ไม่เหลือคราวอสูรบรรพกาลแล้วมาให้หงเยว่ดู

 

“ น่ารักดีนะ” หงเยว่ตอบพลางมองเจ้าลุกโปงที่มีดวงตาสีดํากลมโตแปะเอาไว้

 

“พวกเจ้าช่วยตรวจจับพลังอสูรของมันหน่อยเถอะ”ไป๋จูเหวินถอนหายใจพลางมองสองสาวที่พากันชมชอบอสูรปักเป้ากันเสียแล้ว

 

“พลังอสูร..”หงเยว่ว่าพลางลองใช้พลังอสูรของตนตรวจสอบพลังของอสูรปักเป้าดู แต่พริบตาเดียวที่เริ่มตรวจสอบหงเยว่ก็ขนลุกซู่ในทันที

 

“หลินหลิน ปล่อยมันเถอะ” หงเยว่ว่าพลางถอยออกห่างอสูรปักเป้าในทันที ระดับพลังของมันเหนือกว่าตัวนางหรือแม้แต่เหนือกว่าไป๋จูเหวินเสียอีก เอาเข้าจริงๆนี่เป็นครั้งแรกที่หงเยว่เห็นพลังอสูรระดับนี้เสียด้วยซ้ํา

 

“แต่มันเหมือนจะชอบพี่ไปนะ” หลินหลินว่าพลางปล่อย อสูรปักเป้าออกไปให้เห็นอิสระ ทันที่ที่ปล่อย มันก็ลอยไปหาไป๋จูเหวินในทันที แถมยังว่ายอากาศวนอยู่รอบตัวไป๋จูเหวินไม่ยอมไปไหนอีกต่างหาก

 

จนแล้วจนรอดไป๋จูเหวินก็ไม่สามารถไล่อสูรปักเป้าออกไปได้ ทั้งๆที่ปกติมันสามารถบอกให้อสูรระดับต่ําไม่ต้องมาตามมันได้แท้ๆ แต่ดูเหมืนอสูรที่มีพลังมากๆจะมีความสามารถต่อต้านพลังของไป๋จูเหวินในระดับหนึ่ง อย่างพวกท่านน้าเองก็ไม่ใช่ว่าจะเชื่อฟังไป๋จูเหวินทั้งหมด พวกมันยังคงอยู่ภายใต้การตัดสินใจของตนเองแต่ก็มีความรู้สึกรักหลงไป๋จูเหวินอยู่เท่านั้น

 

“พี่ไป๋ ให้พวกข้าขึ้นมาขอสูรของท่านจะดีเหรอ”เหล่านักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูถามขณะพวกมันกําลังนั่งอยู่บนหลังของหลินหลินและหงเยว่ โดยไป๋จูเหวินเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่บนหลังของปิงปิง ทั้งนี้เพราะตัวปิงปิงมีไอเย็นปกคลุมตลอดเวลา นอกจากไป๋จูเหวินแล้วไม่มีใครนั่งหลังของปิงปิงได้เลย

 

“ถือว่าช่วยข้าประหยัดเวลาก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองเจ้าปักเป้าที่ยังลอยตามมาไม่ห่าง แต่ก็ถือว่าไม่เลวเท่าไหร่เพราะพอมีอสูรปักเป้าตามแล้วเหล่าอสูรปลาที่คอยลอยตามไป๋จูเหวินก่อนหน้านี้ก็ไม่โผล่ออกมาอีกเลย แถมด้วยขนาดเท่าลูกบอลทําให้เหล่านักล่าอสูรแห่งอาราจักรชูดูไม่ออกอีกด้วยว่ามันคืออสูรระดับบรรพกาล

 

“ถ้าเป็นแบบนี้พวกเราคงไปถึงได้ในวันเดียวแน่ๆ” ชายถือกระบี่ว่าพลางมองรอบๆด้วยความเร็วของหลินหลิน อย่าว่าแต่วันเดียวเลย เผลอๆมันอาจะเดินทางมาเกินครึ่งแล้ว

 

“ พะ พวกนางเป็นอสูรหมดเลย”ชายคนหนึ่งในกลุ่มว่าพลางกลั้นน้ําตาของมันเอาไว้ เพียงแต่นําตาของมันหาได้เกิดจากความกลัวไม่ เพียงแต่บางอย่างที่มันวาดฝันไว้ได้พังทลายลงเสียแล้ว

 

“จะถึงแล้ว” ชายที่เคยใช้ดาบโจมตีหลินหลินว่าพลางปล่อยให้ชายอีกคนเศร้าเสียใจไปโดยไม่ทําอะไร ทั้งๆที่อาจารย์ของพวกมันก็สั่งสอนเอาไว้อยู่แล้วว่าอสูรสามารถแปลงกายได้งดงามมาก จึงเน้นย้ําไม่ให้พวกมันหลงกล มันควรทราบตั้งแต่เห็นพวกนางไม่มีใครมีพลังวิญญาณเลยเสียด้วยซ้ํา

 

ตูม!! ร่างของชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาหลินหลินพลางใช้ดาบโจมตีใส่หลินหลินที่เดินมาหน้าสุดในทันที ทําเอาไป๋จูเหวินนึกถึงภาพเมื่อวานไม่มีผิด

 

“ “ชายที่เข้ามาโจมตีถึงกับพูดอะไรไม่ออกเพราะดาบวิเศษของมันทําอะไรหลินหลินไม่ได้เลย

 

“พี่โจหยาง อย่าโจมตี”เหล่ากลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูว่าพลางพยายามห้ามชายคนนั้นไม่ให้โจมตีหลินหลิน แต่พอชายคนนั้นเห็นว่าเด็กใหม่ของมันอยู่บนหลังของ อสูรตัวยักษ์ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเสียอีก

 

“ขะ ขออภัยด้วยที่เด็กๆของเราไปรบกวนท่าน” หลังจากอธิบายกันพักใหญ่ ในที่สุดโจหยางก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดโดยไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้กันมากมายอะไร

 

“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าพวกมันก็ช่วยข้าเช่นกัน”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มเจื่อนๆ

 

“แล้วคนที่ท่านตามหามีลักษณะอย่างไรเหรอ”โจหยางถามหลังจากได้ทราบแล้วว่าไป๋จูเหวินต้องการตามหาคนเลยช่วยเหลือกลุ่มเด็กๆของมัน เพื่อแลกกับการพาไป๋จูเหวินมาหามันเองเพื่อถามหาคน

 

“พวกมัน…”ไป๋จูเหวินคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะอธิบายรูปร่างหน้าตาของต้าชิงต้าเฉินอย่างไร แต่สุดท้ายไป๋จูเหวินก็เลือกที่จะหยิบกระดาษออกาพลางใช้พู่กันวาดรูปของทั้งคู่ให้โจหยางแทน

 

“นี่เป็นหน้าตาของพวกมัน ไม่ทราบว่าท่านเคยเห็นหรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางยืนรูปให้โจหยางดู ด้วยความทรงจําเหนือมนุษย์ของไป๋จูเหวินทําให้มันสามารถจดจํารายระ เอียดรูปร่างหน้าตาของต้าชิงต้าเฉินได้เป็นอย่างดี ทําให้รูปที่ออกมามองผ่านๆก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นใคร

 

โจหยางเงียบไปครู่หนึ่งพลางมองรูปตรงหน้า 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง”ไป๋จูเหวินถามพลางสังเกตสีหน้าของโจหยาง

 

“ข้าไม่เคยพบพวกท่านหรอก” โจหยางตอบพลางส่ายหน้า เพียงครู่เดียวไป๋จูเหวินก็ทราบได้ทันทีว่ามันกําลังโกหก

 

“อย่างนั้นเหรอ น่าเสียดายจริงๆ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเก็บรูปของต้าชิงกับต้าเฉินไป

 

“เดี๋ยวก่อน”โจหยางว่าพลางยื่นมือมาคว้ารูปของต้าชิงกับต้าเฉินเอาไว้

 

“ข้าจะเอารูปนี้ไปถามคนรู้จักให้ เพื่อเขาจะเคยเห็นได้ยิน” โจหยางพูดเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็ยอมปล่อยมือให้ภาพแก่โจหยางไปทันที

 

“น่าเสียดายนะพี่ไป๋ ข้านึกว่าพี่โจหยางจะรู้เสียอีก”ชายถือกระบี่ว่าพลางถอนหายใจออกมา

 

“น่าเสียดายจริงๆ” ไป๋จูเหวินตอบพลางเหล่มองท่าทีของโจหยาง

 

“คุณชาย ข้าขอถามอะไรท่านหน่อยได้หรือไม่”โจหยางพูดออกมาด้วยท่าที่ลุกลนอย่างประหลาด

 

“ได้ มีอะไรหรือ”ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วขึ้น ราวกับจะบอกว่ามีอะไรก็ถามมาได้เลย

 

“ทั้งสองคน เป็นคนของอาณาจักรอู๋อย่างนั้นหรือ”เมื่อครู่ มันได้ทราบแล้วว่าไป๋จูเหวินเป็นคนของอาณาจักร นั้่นหมายความว่าคนทั้งสองย่อมเป็นคนของอาณาจักรอู๋ด้วยเช่นกัน

 

“ใช่แล้ว”ไป๋จูเหวินตอบออกไปตามตรง

 

“เข้าใจแล้วขอรับ…ข้าจะได้ถามคนรู้จักได้ง่ายหน่อยว่ามีคนของอาณาจักรอู๋มาหรือไม่” แม้ปากจะบอกแบบนั้นแต่ท่าทีของโจหยางค่อนข้างแปลกทีเดียว

 

“เช่นนั้นข้าขอตัวออกตามหาพวกมันก่อนก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางโบกมือลาพวกกลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชู

 

“หวังว่าพี่ไปจะเจอคนที่ตามหาเร็วๆนะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางมองแผ่นหลังของไป๋จูเหวินไม่วางตา

 

“พวกเจ้าทําได้ดีมาก”โจหยางว่าพลางเก็บกระดาษรูปวาดของต้าชิงกับต้าเฉินลงกระเป๋าเสื้อ

 

“กลับกันเถอะ ข้ามีเรื่องต้องไปรายงานท่านอาวุโส” พูดจบโจหยางก็บอกให้เหล่าเด็กๆของมันเดินทางออกจากเขตอสูรไป โดยที่ไม่ทราบเลยว่าห่างออกไปหลายกิโล ไป๋จูเหวินและอสูรเลี้ยงของมันก็ยังไม่ได้ไปไหน

 

“ไปกันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินตามโจหยางไปช้าๆ ด้วยดวงตาสีน้ําเงินของไป๋จูเหวินทําให้มันสามารถมองเห็น โจหยางและกลุ่มได้จากระยะไกล ทําให้การสะกดรอยตามมันนั้นทําได้ไม่ยากเลย