ตอนที่ 179 สะกดรอย

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 179 สะกดรอย

 

ไป๋จูเหวินเดินทางตามกลุ่มของโจหยางเข้ามาในเขตของอาณาจักรชูอย่างระมัดระวัง นอกจากจะบอกให้พวกหลินหลินห้ามแปลงกายแล้ว ตัวมันยังเปลี่ยนชุดเป็นชุดชาวบ้านธรรมดาอีกด้วย แม้มันจะไม่มีเครื่องประดับแบบของชาวซูก็ตาม แต่มันก็ต้องเก็บสร้อยคอของกลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรภู่ลงไปก่อน

 

ดูเหมือนว่าสถานที่ ที่โจหยางจะเดินทางไปจะใช้เวลาหลายวันที่เดียว ทําให้ไป๋จูเหวินต้องแอบเข้าเมืองตามที่โจหยางเข้าไปอยู่หลายครั้ง ทําให้ไป๋จูเหวินแลกเงินของอาณาจักรชูและหาเครื่องแต่งกายเพิ่มเติมมาแต่งกายเพื่อความแนบเนียน

 

ดูเหมือนว่าเมืองแต่ละเมืองของอาณาจักรชูจะเก็บค่าผ่านทางทั้งหมด แถมยังแพงอีกต่างหาก นอกจากนี้ของต่างๆในเมืองยังค่อนข้างแพงที่เดียวเมื่อเทียบกับอาณาจักร

 

หลังจากเดินทางตาโจหยางมาหลายวัน ในที่สุดไป๋จูเหวินก็เดินทางมาถึงเมืองเป้าหมายเสียที ดูเหมือนกลุ่มนักล่าอสูรขอราชาอสูรจะไม่ได้ครอบครองทั้งเมืองเหมือนของหวงหลง พวกมันอาศัยอยู่ในอาคารภายในเมืองๆหนึ่งเท่านั้น

 

“น้องชาย เจ้ามาจากที่ไหน” หลังจากพวกโจหยางเดินทางเข้าไปในในเมืองแล้ว ไป๋จูเหวินก็ตามไปทันที

 

“ข้ามาจากเมืองลมหวน”ไป๋จูเหวินตอบ เพราะก่อนหน้า นี้มันแวะเมืองลมหวนมาแล้วจริงๆ แถมเครื่องแต่งกายมันยังซื้อมาจากเมืองนั้นอีกต่างหาก

 

“อืม…”ทหารยามพิจารณาการแต่งกายของไป๋จูเหวินเล็กน้อย ต้องนับว่าโชคดีประชาชนของอาณาจักรภู่และอาณาจักรชูนั้นมีรูปร่างแทบไม่ต่างกัน ทําให้พวกมันไม่สามารถระบุได้ว่าไป๋จูเหวินเป็นคนของอาณาจักรอู่หรือไม่

 

“ผ่านได้ อย่าลืมค่าผ่านเมือง 10 เหรียญทองด้วยละ”ได้ ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็หยิบเงิน 40 เหรียญทองออกมาให้กับทหารอีกคน ค่าผ่านเมืองของแต่ละเมืองแพงมากจริงๆ ทํา ให้ราคาของเมืองใหญ่เช่นนี้แพงยิ่งกว่าเมืองก่อนเสียอีก แถมไป๋จูเหวินไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกหลินหลินเป็นอสูรมันเลยต้องจ่ายส่วนของพวกนางอีกต่างหาก แน่นอนว่า เงินเท่านี้ไม่ทําให้ไป๋จูเหวินลําบากเสียเท่าไหร่หรอก

 

หลังจากเคลียกับทหารหน้าเมืองสําเร็จ ไป๋จูเหวินก็ตาม พวกโจหยางเข้าไปในเมืองต่อ

 

ปึง! กว่าไป๋จูเหวินจะตามมาถึงประตูของกลุ่มนักล่าอสูรก็ปิดตัวลงไปแล้ว มันเป็นประตูขนาดใหญ่ที่ทําจากเหล็กทั้งชิ้น ดูแล้งให้ความรู้สึกแข็งแรงและเหมือนจะเอาไว้ ขังสัตว์มากกว่าเป็นประตูอาคารเสียอีก โดยอาคารของกลุ่มนักล่าอสูรนั้นกินพื้นที่ไปกว่า 1 ใน 4 ของเมืองเสียอีก เรียกได้ว่าถึงไม่ครอบครองทั้งเมืองก็เกือบจะทั้งเมืองอยู่แล้วก็ว่าได้

 

ฟุบ! ร่างของไป๋จูเหวินทะยานขึ้นไปบนกําแพงพลางกระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าอสูรของมันทั้ง 3 ตนพยายามจะตามมาด้วย แต่ไป๋จูเหวินบอกให้พวกนางรอข้างนอก ไม่ต้องเข้ามาเพราะหากพวกนางเข้ามาในเขตของผู้มีพลังวิญญาณพวกนางที่ไม่มีพลังวิญญาณคงเด่นน่าดู ส่วนเจ้าอสูรปักเป้านั้น มันมีปัญหาตั้งแต่เข้าเมืองก่อนหน้านี้เสียอีก ไป๋จูเหวินเลยให้มันลอยอยู่ด้านบนเหนือหัวพวกมันจนคนธรรมดาไม่อาจเห็นตัวได้ แต่มันก็ยังคงว่ายตามไป๋จูเหวินไปทุกที่อยู่ดี

 

ภายในเขตของกลุ่มนักล่าอสูรนั้นแทบจะเหมือนกับสํานักฝึกฝนพลังวิญญาณทั่วไปเลย ที่นี่ไม่เหมือกลุ่มนักล่าอสูรของหวงหลงเลยแม้แต่น้อย เพราะเมืองร้อยแผดอสูรน นมีเหล่าอสูรเลี้ยงจํานวนมากใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ แต่กลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูนั้นกลับมีแต่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอย่างเดียวเท่านั้น ทําให้ไป๋จูเหวินสัมผัสพลังอสูรได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น เหมือนกับว่าพวกมันยังเหล่าอสูรเอาไว้สําหรับสอนนักล่ามือใหม่เท่านั้น

 

“พวกเจ้าแยกย้ายไปได้ ข้าจะไปรายงานผลของพวกเจ้า”โจหยางว่าพลางบอกให้เหล่ากลุ่มนักล่าอสูรรุ่นใหม่แยกย้ายกันไปที่อื่น ก่อนที่ตัวมันจะเดินทางตรงเข้าไปในส่วนลึกของเขตกลุ่มนักล่าอสูรต่อไป

 

วูบ…ไป๋จูเหวินชักใยแมงมุมกับต้นไม้และผนังรอบๆตาม โจหยางไปจากระยะไกลดูเหมือนโจอยางจะเข้าไปในอาคาร แห่งหนึ่งที่ดูหรูหรากว่าอาคารอื่นๆ แถมมันยังขึ้นไปบนชั้น 2 อีกต่างหาก

 

“ท่านอาวุโส” โจหยางพูดพลางคารวะชายที่อยู่ในห้องส่วนทางด้านไป๋จูเหวินนั้นมันแอบคิดว่าหากมันได้เรียนวิชาควบคุมพลังวิญญาณมาบ้างก็คงดี เพราะยามนี้มันระแวงเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะสัมผัสพลังวิญญาณของมันได้เพราะ

 

อาวุโสที่โจหยางเข้าไปหานั้นมีพลังระดับเทียนเซียนขั้นที่ 8 เลยทีเดียวน่ากลัวว่าราชาอสูรที่พวกมันเคยพูดถึงจะเป็นบุคคลระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 เป็นแน่ หากพูดถึงกําลังคนกลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรชูนับว่าเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“มีเรื่องอะไร”อาวุโสของหลุ่มนักล่าอสูรอาณาจักรชูถามออกมาพลางมองโจหยางด้วยท่าที่นิ่งขรึม

 

“เอวันก่อนจ้าได้พบคนจากกลุ่มนักล่าอสูรจากอาราจักรขอรับ” ทันทีที่เปิดปากโจหยางก็รายงานเรื่องของไป๋จูเหวินเป็นอย่างแรกทันที

 

“มันบอกว่ามันเข้ามาตามหาคนในเขตอสูร มันเลยมาสอบถามข้าว่าข้าเห็นพวกมันหรือไม่ โจหยางเล่าพลางหยิบกระดาษที่ไป๋จูเหวินวาดรูปเหมือนของต้าชิงและต้าเฉินออกมา

 

“และนี่คือคนที่มันกําลังตามหาขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นอาวุโสก็เพ่งมองกระดาษในมือของโจหยางในทันที

 

“นั่นมันรองอาวุโสหวางชินและหวางเฉินไม่ใช่ หรือ” อาวุโสของกลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรขิงว่าพลางเบิกตากว้าง

 

“ขอรับ ข้าได้เห็นก็รีบกลับมารายงานท่านทันที”โจหยางว่าพลางวางกระดาษทั้งสองเอาไว้ระหว่างมันกับอาวุโส

 

“เจ้าจะบอกว่าพวกมันเป็นคนของอาณาจักรอุ้งั้นเหรอ”ได้ยินเช่นนั้นโจหยางก็พยักหน้าทันที

 

“ข้าได้ถามผู้ที่ออกตามหามันทั้งคู่แล้วว่า พวกมันเป็นคนของอาณาจักรอู่หรือไม่ มันได้ตอบข้ามาอย่างเต็มปากเต็มคําว่าทั้งสองคือคนของอาณาจักรขอรับ”ได้ยินเช่นนั้น อาวุโสของกลุ่มนักล่าอสูรก็มีท่าที่ครุ่นคิดออกมาทันที

 

“ข้าจะสอบถามมันด้วยตนเอง” อาวุโสว่าพลางลุกขึ้นยืนด้วยท่าที่มีน้ําโห ทําให้พลังเซียนรอบกายของมันหลั่งไหลออกมาอย่างรุนแรงในทันที แต่พริบตาที่พลังเซียนไหลออกมา อยู่ๆมันก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณสายหนึ่งจากนอกหน้าต่าง

 

“นั่นใคร” อาวุโสของกลุ่มนักล่าอสูรคํารามพลางตรงมาที่หน้าต่างทันที แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่พบผู้บุกรุกอย่างที่มันคิดเอาไว้เลย

 

ฟุบ! ร่างของไป๋จูเหวินทะยานไปตามหลังคาอย่างรวดเร็ว ไม่นึกเลยว่าอาวุโสคนนั้นจะปล่อยไอเซียนออกมาเพราะ ความโกรธแต่เท่านี้มันก็ได้ข้อมูลมากพอแล้ว และมันก็ทราบแล้วว่าสถาณการณ์ตอนนี้ของพวกพี่ต้าชิงและต้าเฉินนั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก

 

“พี่ชาย”ไป๋จูเหวินว่าพลางกระโดดลงไปหาชายคนหนึ่งที่ยืนกวาดพื้นอยู่ ท่าทางมันจะเป็นคนงานของกลุ่มนักล่าอสูรเป็นแน่

 

“มะ มีอะไร” ชายคนนั้นตกใจเล็กน้อยที่ไป๋จูเหวินกระโดดลงมาหามัน ทําให้มันแทบจะโยนไม้กวาดทิ้งอยู่รอมร่อ

 

“ท่านอาวุโสให้ข้ามาตามหาท่านรองอาวุโสหวางชินและ หวางเฉิน ไม่ทราบว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน”ไป๋จูเหวินถาม เพราะหลังจากฟังสิ่งที่อาวุโสกับโจหยางพูดคุยกันแล้ว ท่าทางตอนนี้พวกต้าชิงจะถือตําแหน่งรองอาวุโสอยู่ แม้ไม่ทราบว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่มันก็เป็นไปแล้วจริงๆ

 

“ท่านรองอาวุโสทั้ง 2 อยู่ที่เขตกักอสูรด้านหลังขอรับ” ชายคนกวาดพื้นว่าพลางก้มหน้าลงไม่นึกเลยว่าไป๋จูเหวินจะเป็นคนของอาวุโส

 

“ขอบใจ”ไป๋จูเหวินว่าพลางไปตามที่ชายคนนั้นชี้ทันที ไม่นึกเลยว่าถามเพียงคนเดียวก็ได้ความแล้วนับว่ามันโชคดีไม่น้อย

 

ฟุบ!! ร่างของไป๋จูเหวินทะยานข้ามเขตเมืองไปที่ท้าย เมืองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะเดินทางมาถึงสถานที่ แห่งหนึ่งที่ถูกสร้างด้วยกรงขนาดใหญ่เรียกได้ว่าซี่กรงแต่ละซี่นั้นสูงเลยหลังคาบ้านไปหลายเท่าเลยทีเดียว

 

“….” ไป๋จูเหวินสัมผัสพลังเข้าไปด้านในด้วยท่าที่ตกใจ นั่นเพราะไม่ว่าจะมองอย่างไรภายในกรงนั้นก็เป็นเขจอสูรชัดๆ หรือว่ากลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูกําลังสร้าง เขตอสูรขึ้นมาภายในกลุ่มกัน

 

“กรรรร”เสียงคํารามของเหล่าอสูรดังออกมาตามลม ทําให้ไป๋จูเหวินลอบกลืนน้ําลายลงคอ พวกมันยังเห่าอสูรจํานวนมากเอาไว้ภายในกรง แถมยังดูแลราวกับสัตว์อีกต่างหาก นอกจากนี้พลังของอสูรภายในกรงยังแข็งแกร่งอย่างมาก ถึงขั้นมีอสูรระดับมายาระดับ 7 และ 9 อยู่ในกรงอีกต่างหาก ซึ่งระดับพลังของพวกมันหากเทียบกับมนุษย์พว กมันก็จะมีพลังระดับเทียนเซียนขั้นที่ 7 และ 9 เลยทีเดียว

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางกระโดดขึ้นไปบนซี่กรง ภายในเขตกักอสูรแห่งนี้มีอสูรอยู่ 30 ตน นอกจากระดับมายา 2 ตนก่อนหน้านี้แล้วแต่ละตนต่างเป็นอสูรระดับตํานานทั้งสิ้น นับว่าเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวจริงๆ

 

“กรรรร” เหล่าอสูรต่างพากันคํารามทันทีที่เห็นไป๋จูเหวินเข้ามาด้านใน

 

“ชู่…”ไป๋จูเหวินส่งเสียงบอกให้พวกมันเงียบลง ซึ่งพวกมันก็ทําตามทันทีราวกับสัตว์เลี้ยง หากเป็นไป๋จูเหวินการจับพวกมันคงไม่ใช่เรื่องยาก แถมไป๋จูเหวินก็ไม่ต้องขังพวกมันเอาไว้แบบนี้อีกต่างหาก แต่ใครกันเล่าที่จับเหล่าอสูรระดับสูงเหล่านี้เอาไว้ในกรงได้

 

“พวกอสูรส่งเสียงร้อง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” อยู่ๆชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในเขตกรงของเหล่าอสูร

 

“อยู่ๆพวกมันก็ร้อง แล้วอยู่ๆพวกมันก็เงียบไป” ชายอีกคนพูดพลางมองไปรอบๆ ก่อนที่พวกมันจะสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินเสียก่อน

 

“ทางนั้น” คนทั้งสองตรงมาทางที่ไป๋จูเหวินยืนอยู่ทันที แต่หากว่าไป๋จูเหวินไม่ได้ก้าวเท้าหนีแต่อย่างไร มันเพียงยืนรอให้ทั้งคู่เข้ามาหาเท่านั้น

 

“นายน้อย”ต้าชิงพูดพลางมองร่างที่ยืนอยู่จตรงหน้าด้วยท่าที่ตกใจ

 

“เจ้าพูดอะไรกัน นายน้อยจะมา…”ต้าชิงที่ตามมากําลังหัวเราะกับท่าทีของต้าชิง แต่เมื่อเห็นไป๋จูเหวินยืนอยู่ตรงหน้า

 

“ไม่ได้เจอกันนานนะพี่ต้าชิงต้าเฉิน ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ท่าทางพวกมันจะปรอดภัยดี แถมพลังวิญญาณของพวกมันยังพัฒนาไปอย่างน่ากลัวอีกต่างหาก ยามนี้มัน เข้าใจแล้วว่าทําไมต้าชิงและต้าเฉินถึงได้รับตําแหน่งรองอาวุโส นั่นเพราะพวกมันต่างอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 4 กันทั้งคู่ยังไงล่ะ