พอนึกว่าสิ่งที่ “มนุษย์แมงมุม” พวกนั้นเอาไปจากอำเภอหลีหมิงไม่ได้มีเพียงศพ แต่ยังมีคนเป็นๆ อีกมากมาย ทุกคนพลันรู้สึกสะท้านวาบในใจ ไม่น่าล่ะร่างปรสิตพวกนั้นถึงได้ยินยอมใช้ร่างกายตัวเองเป็นรังให้แมงมุมพวกนั้นอาศัยอยู่ เพราะถ้าหากไม่ยอมทำอย่างนั้น ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจต้องประสบกับจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่า
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เชลยคนนั้นที่เราจับตัวได้กับแมงมุมหัวคนตัวนั้น พวกมันล้วนโกหกพวกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่รังของพวกมัน แต่ยังเป็นฐานเพาะเลี้ยงพิเศษของพวกมันด้วย” มู่เฉินหาจังหวะพักสูดหายใจ พลางตะโกนพูดเสียงดัง
หลิงม่อโจมตีซอมบี้ตัวหนึ่งล้มลงไป จากนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดว่า “ฉันสะเพร่าเอง คิดไปเองว่าในอำเภอแห่งนั้นนอกจากพวกมันก็ไม่มีคนเป็นคนอื่นอยู่แล้ว จากที่ดู สาเหตุที่พวกมันหวงโกดังอาหารขนาดนั้น ไม่ใช่แค่เพราะอาหารพวกนี้ แต่ยังเป็นเพราะกินปูนร้อนท้องด้วย”
“จริงของนาย จิตใจคนเราประหลาด ถึงแม้ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเรื่องแบบนี้จะถูกเปิดโปงหรือไม่ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งเกินกว่าจะรับได้ พวกเขาก็ยังคงพยายามปกปิดเรื่องที่ตัวเองทำไว้อย่างสุดชีวิต แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ตอนแรกพวกมันไม่ได้อยากฆ่าพวกเราทั้งหมด ไม่แน่ว่าอาจจะอยากจับเราบางคนกลับมาที่นี่เพื่อเป็นอาหารก็ได้” คำพูดของซย่าน่ายิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกมากกว่าเดิม กระทั่งอดนึกหวาดเสียวขึ้นมาไม่ได้ มีเพียงพวกเย่เลี่ยนที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย กระทั่งซอมบี้สาวบางตัวยังพยักหน้าร่วมอย่างเห็นด้วย ส่งผลให้คนที่เหลือต่างทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้
คิดไม่ถึงเลย…พวกเขายังขี้ขลาดกว่าเด็กสาวพวกนี้อีก…
“ถ้าอย่างนั้นทุกคนว่าที่นี่จะยังมีมนุษย์คนอื่นเหลืออยู่อีกไหม?” ผ่านไปครู่หนึ่ง อยู่ๆ อวี่เหวินซวนก็พูดขึ้น เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายอีกครั้งว่า “ทุกคนไม่รู้สึกหรอว่าพวกนั้นไม่กลัวที่จะสูญเสียพวกพ้องไปเลยซักนิด? ถึงแม้จะทำไปเพื่อชัยชนะ แต่ถ้าหากปล่อยให้คนตายไปหมดง่ายๆ แมงมุมตัวผู้ที่ต้องทำหน้าที่ผสมพันธุ์กับแมงมุมหัวคนตัวนั้นก็ไม่มีร่างปรสิตให้อาศัยอยู่แล้วน่ะสิ ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด แมงมุมตัวผู้น่าจะถูกเลี้ยงได้แค่ในร่างกายมนุษย์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของแมงมุมหัวคนตัวนั้น มันไม่มีทางเลือกมนุษย์มาทำเรื่องแบบนี้ให้มันแน่นอน”
“หมายความว่า แมงมุมยักษ์ตัวนั้นเตรียมตัวสำรองไว้ให้ตัวเองจำนวนมากงั้นหรอ?” เย่ไคเงื้อมีดในมือขึ้น ฟันซอมบี้ตัวหนึ่งเลือดสาด แล้วถาม
จางซินเฉิงครุ่นคิดสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า “นี่คงเป็นตัวสำรองที่น่าเศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว…”
คนที่เหลือต่างพากันเงียบ แต่ดูจากสีหน้า คำพูดของเขากลับทำให้พวกเขาล้วนสะเทือนใจไม่ต่างกัน…
ซอมบี้ไร้แขนไม่ได้มีจำนวนมากนัก พลังต่อสู้ก็ด้อยกว่าซอมบี้ธรรมดามาก เมื่ออยู่ต่อหน้าทีมผู้มีความสามารถพิเศษซึ่งมีอาวุธครบมือ อีกทั้งยังมีซอมบี้ระดับสูงกับสัตว์กลายพันธุ์รวมอยู่ด้วย ใช้เวลาเพียงไม่นาน พวกมันก็ล้มตายไปจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนที่เหลือ ล้วนพุ่งออกมาระหว่างทางที่พวกหลิงม่อเดินไปที่โกดัง ทว่าพวกมันเพียงโผล่หน้าออกมาได้ไม่นาน ก็ถูกสังหารทันที บางตัวกระทั่งยังไม่ทันกระโจนออกมาจากพุ่มหญ้าก็ถูกหมีแพนด้ากลายพันธุ์เสี่ยวป๋ายซึ่งซ่อนตัวอยู่ในนั้นตะปบหัวจนแหลกเป็นชิ้นแล้ว
กู่ซวงซวงมองเข้าไปในพุ่มหญ้าอย่างสงสัย แต่น่าเสียดายที่เธอยังไม่ทันได้คิดมากไปกว่านี้ ใบหน้าสวมหน้ากากของสวี่ซูหานก็พลันชะโงกเข้ามาตรงหน้าเธอเสียก่อน
สวี่ซูหานหยิบเครื่องอัดเสียงออกมาด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงาน พลางถามว่า “ทำไมเธอถึงแอบมองหลิงม่อ?”
“ฉัน…ฉันไปแอบมองเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
“เมื่อกี้ไง…”
“มีเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!”
“ฉันเห็นนะ”
“นี่เธอใส่หน้ากากเพื่อที่จะแอบสังเกตคนอื่นได้สะดวกงั้นหรอ!”
“ใช่น่ะสิ”
“ยอมรับด้วย…”
“ดังนั้นกลับมาที่คำถามแรกของพวกเรากันเถอะ ทำไมเธอต้องแอบมองหลิงม่อ?”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้แอบมองไง!”
ฉวยโอกาสตอนที่กู่ซวงซวงหน้าแดงผ่าวมือไม้พันกัน สวี่ซูหานแอบหันหน้ากลับไปทำมือ OK ให้หลิงม่อ
“ไม่เสียแรงที่เป็นคนในวงการซุบซิบ ไม่ใช่แค่หูตาไว แต่ยังสามารถหาวิธีแก้ไข้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเลิศ ที่สำคัญที่สุดคือรู้ว่าตัวเองควรแกล้งโง่เรื่องไหน คุณสมบัติแบบนี้สมแล้วที่เคยเป็นถึงผู้ประกาศข่าว…” หลิงม่อเพิ่งจะยิ้มตอบสวี่ซูหาน ก็ได้ยินเสียงเฮยซือดังมาจากด้านหนึ่ง
“เจ้านาย ระวังตัวไว้ล่ะ ไม่แน่ว่านายอาจถูกเธอเล่นงานเข้าซักวันก็ได้…”
พอเห็นเด็กผู้หญิงสามขวบพูดเรื่องสองแง่สองง่ามด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่อย่างนี้ หลิงม่อถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ…
“ในฐานะหมาตัวหนึ่ง แกไปเรียนรู้เรื่องอะไรมาจากสังคมมนุษย์บ้างล่ะเนี่ย…บอกตามตรง ตอนนี้ฉันแทบไม่สามารถมองหน้าพวกหมาแมวตรงๆ ได้อีกแล้ว” หลิงม่อตอบ
อวี๋ซือหรานที่อยู่อีกด้านยืนท่าเดียวกับเฮยซือ จากนั้นก็เลียริมฝีปากมองหลิงม่อ “เหอะ จะให้ดีนายควรระวังฉันมากกว่า…”
“วางใจเถอะ! ฉันระวังอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ!” หลิงม่อนวดขมับ ไม่นานก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “จะว่าไปแล้ว ระดับวิวัฒนาการของพวกเธอสองคนในตอนนี้ ยังได้รับผลกระทบจากกันและกันอยู่อีกหรือเปล่า?”
“เรื่องนี้…ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เฮยซือส่ายหน้า
“เมื่อโอกาสมาถึงแล้วค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน” หลิงม่อบอก เพียงแต่ยามมองไปที่อวี๋ซือหราน หลิงม่อกลับอดลอบถอนหายใจไม่ได้ ถึงแม้ร่างกายของเธอในตอนนี้จะเป็นอิสระ แต่ความคิดกลับถูกผูกติดไว้กับหมาตัวนี้ตั้งนานแล้ว…ปัญหานี้ไร้ทางแก้ไข ไม่รู้ว่าถ้ายัยซอมบี้จอมบ้าคลั่งตัวนั้นกลับมาหาพวกเขาเมื่อไหร่ จะคลุ้มคลั่งทันทีที่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า…
“ช่างเถอะ ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่กลับมาอีกตลอดไป รู้อย่างนี้ไม่น่าให้เธอออกไปตามหาเจ็ดดรากอนบอลตั้งแต่แรกเลย…ไม่สิ เจ็ดไวรัสนางพญาต่างหาก ฉันควรให้เธอออกไปตามหาสุดยอดซอมบี้ที่มีเพียงหนึ่งเดียวมากกว่า…” หลิงม่อคิดอย่างนึกเสียใจ หากคำนวณเวลาแล้ว ไม่แน่ว่ายัยซอมบี้ที่สับสนเรื่องเพศของตัวเองตัวนั้นอาจกำลังตามหาพวกเขาไปทั่วโลกแล้วก็ได้…
“แต่หวังว่าเธอจะเป็นพวกหลงทิศ! แล้วก็เป็นพวกปัญญาอ่อน!” หลังจากภาวนาประโยคสุดท้ายจบ หลิงม่อก็หันกลับไปสนใจโกดังอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อ…หลังคาของอาคารสิ่งก่อสร้างกลุ่มหนึ่งปรากฏเหนือต้นหญ้ารกชัฏ โกดังอาหารที่กว่าจะชิงมาได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงแล้ว…
พวกมนุษย์แมงมุมเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นรังกบดานอันวังเวงน่าขนลุก…ประตูใหญ่เพิ่งจะปรากฏเบื้องหน้า พวกเขาก็มองเห็นใยแมงมุมถักทอกันอยู่ตรงนั้นมากมาย ซอมบี้บางส่วนถูกห่อหุ้มไว้ในนั้น และบางส่วนก็กำลังเดินวนเวียนไปมารอบๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ใยแมงมุม เดาว่าในป่ารกร้างก็คงมีใยแมงมุมแบบนี้อยู่ไม่น้อย ถ้าไม่อย่างนั้นซอมบี้พวกนี้คงไม่ถูกขังไว้ในบริเวณนี้
ทว่าในเวลาแบบนี้ พวกหลิงม่อไม่มีอารมณ์สำรวจสถานการณ์โดยรอบ เป้าหมายของพวกเขา คือกวาดล้างรังขนาดใหญ่แห่งนี้ให้ราบคาบ…
หลังจากกำจัดซอมบี้ไร้แขนพวกนั้นเสร็จแล้ว พวกเขาจึงค่อยค้นพบอย่างขนลุกว่า ในใยแมงมุมพวกนั้นก็ยังมีซอมบี้จำนวนมากที่ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่พอไร้แขน พวกมันจึงไม่อาจออกมาจากในนั้นด้วยตัวเอง ซอมบี้บางส่วนถูกสูบเลือดเนื้อจนร่างกายซูบผอม แม้แต่กระดูกก็ยังมีรอยกัดแทะปรากฏให้เห็น พวกหลิงม่อเพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นก็มีแมงมุมจำนวนมากไต่ออกมาจากในนั้น ทว่าเสี้ยววินาทีถัดมาพวกมันก็ถูกอวี่เหวินซวนที่สะดุ้งจุดไฟเผาจนไหม้เกรียม
“ระวังหน่อย ในรังกบดานของพวกมันมีแมงมุมอยู่เยอะอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย” หลิงม่อพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด
“เชี่ย…” ทุกคนมองหน้ากัน จากนั้นจึงค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปทางประตูใหญ่ ชะเง้อคอมองเข้าไปข้างใน
ด้านในเองก็มีแต่แมงมุมเต็มไปหมด คำนึงถึงว่ายังมีโกดังเก็บอาหารและมนุษย์อยู่ในนั้น ดังนั้นวิธีวางเพลิงจึงไม่อาจใช้ได้แน่นอน วิธีเดียวที่ทำได้ ก็คือยอมเดินเข้าไปแต่โดยดี
“แทบมองไม่ออกเลยว่าข้างในเป็นยังไงบ้าง…ตอนที่แมงมุมยักษ์ตัวนั้นอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่ว่าเอาแต่พ่นใยทุกวันหรอกนะ? ถ้าพวกเราเข้าไปทั้งอย่างนี้ แม้แต่ทิศทางก็ยังแยกไม่ออกเลย เจ้าลิงผอม นายลองมาฟังดูหน่อยเถอะ” มู่เฉินหันกลับไปเรียก
เจ้าลิงผอมเดินตามช้าๆ อยู่หลังกลุ่มคน พอได้ยินว่าตัวเองมีประโยชน์ขึ้นมาในที่สุด เขาก็รีบหมอบลงกับพื้นเพื่อเงี่ยหูฟังอย่างกระตือรือร้น ทว่าพยายามฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างผิดหวัง “ไม่ได้ผล ใยแมงมุมพวกนี้เก็บเสียงได้ ผมแยกแยะไม่ออกว่าทางไหนมีหรือไม่มีคน ส่วนแมงมุม ยิ่งไม่ได้ยินเสียงพวกมันเลยซักนิด”
“ยังไงก็เดินเข้าไปตรงๆ กันเลยเถอะ” หลิงม่อสูดจมูก จากนั้นก็หันมาบอก “ใครที่ร่างกายไม่พร้อมก็รออยู่ข้างนอกแล้วกัน เพราะกลิ่นพวกนี้แย่เกินทนจริงๆ”
ใยแมงมุมเหล่านี้ไม่เพียงถักทอกันอย่างแน่นหนา แต่ยังส่งกลิ่นอายฉุนๆ ของเชื้อไวรัสออกมาอีกด้วย กลิ่นอายแบบนี้กลับไม่เป็นปัญหากับหลิงม่อและเหล่าซอมบี้สาว แต่สำหรับมนุษย์มันกลับค่อนข้างฉุนจนยากทานทน หลังจากได้ยินหลิงม่อพูดอย่างนั้น เจ้าลิงผอมที่ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดีก็รออยู่ข้างนอกอย่างรู้งาน กู่ซวงซวงเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะรออยู่ข้างนอกเหมือนกัน
“พวกเรารอรับช่วงต่ออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน เกิดถ้ามีซอมบี้ตัวอื่นเข้ามาอีก พวกเราจะขัดขวางไม่ให้พวกมันเข้าไปได้” กู่ซวงซวงพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราเข้าไปก่อนล่ะ” หลิงม่อพยักหน้า
ทว่าในเวลานี้เอง ด้านหลังใยแมงมุมที่อยู่หลังประตู เงาร่างหนึ่งกลับโฉบหายไปอย่างรวดเร็ว…