“พวกเขาหยาบคายมาก!” เมื่อเห็นว่าเหล่าผู้ฝึกฝนระดับมหาสมุทรทีมีท่าทางเย็นชาและไม่สนใจจะเอาเรื่องพวกเธอรู้สึกโล่งอก แต่แล้วก็เริ่มพูดอีกครั้ง
“พวกเขาตั้งใจเมินเรา!”
“พวกเขาไม่ทักทายต่อนางฟ้าสีดำแห่งหนานหัวของเรา” หนึ่งในกลุ่มกระซิบกระซาบ
“พสกเขาช่างเป็นคนต่างถิ่นที่ไร้อารยธรรมและดูไม่รู้ประสีประสา เราต้องเพิกเฉยต่อพวกเขา!” อีกคนหนึ่งเสริม จู่ๆ เสียงของพวกเจาก็ดังขึ้น
“หืม!?” สาวกของกลุ่มปีศาจดำระดับสูงหลายคนมองกลับไปด้วยสายตาเยือกเย็นขูดเลือดขูดเนื้อเล็กน้อยด้วยการปล่อยรัศมีพลังการฝึกฝน
ทันใดนั้นพวกเธอก็สัมผัสได้ว่ากำลังถูกพลังของพวกเขาครอบงำด้วยบรรยากาศที่อึมครึมชวนใจสั่นพวกเธอก็เงียบปากลงทันที
เหล่าสาวกปีศาจดำที่นั่งอยู่ข้างหน้าพวกเขามีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูและขวดโค้กในมือขวา พวกเขานั่งกินพลางปลายตามองกลุ่มหญิงสาวจากหนานหัวตั้งแต่หัวจรดเท้าขึ้นลงด้วยสายตาเหยียดและเย็นช้า
แววตาของพวกเขาชวนหวาดกลัวและชั่วร้ายรัศมียังคงเปล่งออกมาห้อมล้อมเหล่าผู้ฝึกฝนสาวทำให้ตอนนี้พวกเธอรู้สึกเหมือนเป็นลูกไก่น้อยที่ถูกหิ้วเข้าไปอยู่ในห่วงพายุกลางมหาสมุทร!
ผู้ฝึกฝนหญิงเพียงไม่กี่คนหดหู่และซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังนางฟ้าสีดำ
“หึ!” เสียงไม่พอใจในลำคอของคนในร้านดังขึ้นเหมือนกับค้อนกระแทกลงพื้น!
ชายคนหนึ่งร่างสูงในชุดคลุมสีดำเริ่มมองหาที่นั่งขณะดื่มโค้ก ผู้หญิงหายคนหันมองและสงสัยว่าเขาเป็นใครหน้าตาเขาดูดุดันแถมรัศมีที่ออกจากเขาช่างดูน่ากลัวไม่น้อย
ขณะเดียวกันซีเฉินโจวจากสำนักงานมังกรม้วนเดินเข้ามาในร้านพอดี เขารู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าเนื่องจากปกติแล้วที่เขามาทุกสิ่งจะดูสะอาดสะอ้านตาเป็นสิ่งที่โดดเด่นสำหรับร้านนี้ เขาตะโกนขึ้น “นี่ท่าน! ทำไมพื้นทางเข้าสกปรกแบบนี้? ทำไมไม่ทำสะอาดแบบเมื่อก่อน?”
ฟางฉีเงยหน้ามองทางเข้าที่ดูยุ่งเหยิง “ใครทำ? ไปทำความสะอาด!”
“ทำไมเราต้องทำความสะอาด!?” ผู้ฝึกฝนหญิงผิวขาวสวมชุดเจ้ารูปน่าตาน่ารักถามด้วยเสียงเมินเฉย “เจ้าช่างหยาบคาย”
“หืม?” เวลาเดียวกันอาจารย์ตังหยวนและเถากุนทั้งสองคนจากศาลาหยวนเฮงเพิ่งทำข้อตกลงเสร็จ พวกเขาซื้อขนมแท่งราเผ็ดพลางปลายตามองไปอย่างกลุ่มหญิงสาว เถากุนพูดเย้ย “ฟางฉีไม่มีอารมณ์ร่วมเลย หากสิ่งนี้เกิดขึ้นที่ศาลาหยวนเฮงละก็ผู้ที่ทำให้พื้นที่ของข้าสกปรกป่านนี้คงถูกจับมัดแขนขาก่อนที่เราจะแขวนพวกเขาไว้หน้าร้านเจ็ดวันเจ็ดคืน!”
“ไงท่านตัง! ไงท่านเถา! ยินดีที่ได้เจอพวกท่าน” ซีเฉินโจวกล่าวเสริม “ถ้าใครทำเช่นนี้ที่สำนักงานมักกรม้วนป่านนี้พวกเขาคงจะกลายเป็นพายเนื้อเช่นกัน!”
สาวกหญิงคนหนึ่งส่ายหน้าและกระซิบเสียงสั่น “ชายคนนี้เป็นผู้ฝึกฝนในอาณาจักรมหาสมุทรศักดิ์สิทธิ์!”
โมเซียนตอบกลับ “ข้ารู้แล้ว!”
ฟางฉีเกาหัว “ตามกฎของที่นี่หากผู้ใดมีปัญหาหรือก่อปัญหาพวกเขาจะถูกหักขาและโยนออกจากร้าน อืม .. ว่าแต่การทำเลอะเทอะที่ทางเข้านั่นถือว่าก่อกวนมั้ยนะ?”
“หักขาหรอ?”
“โยนพวกเราออกไป!?”
เมื่อมองไปรอบๆ ตอนนี้มีทั้งผู้ฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่หลายคนที่กำลังส่งสายตาชวนขนลุกมาทางนี้ แถมขาของพวกเธอก็สั่นราวกับว่าหนาวเหน็บไปหมด ฉันมาทำอะไรที่นี่ ..
เมื่อคิดถึงผลที่ตามมาจากการถูกหักขาแถมยังถูกโยนออกนอกร้านด้วยสถานที่แห่งนี้ .. คงหน้าอายเป็นแน่ แม้แต่โมเซียนตอนนี้เธอเองยังหน้าซีดและไม่กล้าจะประกาศจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ต้องการเอาชนะเจ้าของร้าน กลายเป็นว่าเธอกลับกรีดร้องออกมา “ไม่! มันไม่ใช่ปัญหา!”
ตามด้วยเสียงผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ที่ตะโกนออกมาด้วยความเกรงกลัว “เราจะทำความสะอาดทันที!”
พวกเขารีบไปกวาดพื้นด้วยความรวดเร็ว
จู่ๆ รถม้าคันหนึ่งก็หยุดที่หน้าร้านค้าของฟางฉี รถม้าที่คุ้นเคย .. ชายคนหนึ่งสวมเสื้อกั๊กสั้นๆ ยืนขึ้นเผยให้เห็นว่าเขาเป็นคนจากวังเซียน “หืม? ท่านนี่ร้านของท่านเริ่มหรูหรามาขึ้นเรื่อยๆ” เขามองไปที่สาวงามทั้งหน้าตาชุดเสื้อผ้าที่ดูสมกันไปหมดและพูดขึ้นว่า “แม้แต่คนใช้ที่ร้านของท่านยังสวยเหมือนนางฟ้า!”
“ใครคือคนใช้!?”
“เจ้าไง!”
“เจ้าไม่มีตาใช่มั้ย?”
“…”
พวกเขาระเบิดด้วยความโกรธ
…
หลังจากที่พวกเขาทำความสะอาดพื้นหน้าร้าน ฟางฉีก็กลับมานั่งเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพต่อ
ซูโมถามว่า “ท่านต้องการเล่นเกมหรือดูละครทีวีหรือเปล่า?”
ผู้ฝึกฝนหญิงหลายคนไม่ตอบ หน้าตาของพวกเธอดูไร้อารมณ์ชวนให้ซูโมไม่กล้าสบตา
“เอ่อ ..” พวกเขาเงียบจนซูโมต้องหาความฮึกเหิมเพื่อถามอีกครั้ง “พวกเจ้าจะเล่นเกมหรือดูละคร?”
“พี่อาวุโสหรือพวกเรา ..” ก่อนที่หญิงคนหนึ่งในกลุ่มจะพูดจบ
โมเซียนแทรกขึ้น “เรามาที่นี่เพื่อดูละครและเล่นเกม!”
“ใช่ .. ใช่” คนอื่นๆ พยักหน้าตามทันที ขาของพวกเธอยังคงสั่นไม่หาย
ซูโมรู้สึกอึดอัดใจจึงถามให้แน่ใจอีกครั้ง “สรุปว่าพวกท่านต้องการเล่นเกมหรือดูละคร?”
“ทั้งสอง!” พวกเธอตอบพร้อมเพรียงกัน
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ พวกเธอพยายามระงับความโกรธภายในใจแม้สายตาจะจับจ้องไปที่ฟางฉีโดยไม่ละ พลางกระซิบกัน “เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากซ่อนอยู่หลังผู้ฝึกฝนที่ทรงพลัง!”
“น่าอาย”
“ดู! ผู้ชายคนนั้นกินอะไรน่ะ!”
“มันมีกลิ่นที่หอมชวนหิวมาก”
“ศิษย์พี่! ดูละครเรื่องนี้สิ ทรงพลังมาก!”
[ธรรมชาติที่ไม่แยแส การบูชายัญ ..]
“ชายคนนี้สามารถบินได้โดยการยืนบนดาบ”
พวกเธอต่างตกใจกับฉากนี้
“…”
ข้างในคิวโซนของซูเทียนจิ “ท่านอาจารย์! ขอข้าเล่นหน่อย ท่านไม่ได้บอกหรอว่ามันไม่สนุกเท่าไร ..” เฟงหัวและยูซินเฝ้าดูเจ้าปืนถัวยิงซอมบี้ไม่หยุด จนพวกเธอเองก็อยากจะลองเล่นมันไม่น้อย
“รอก่อน!” ซูเทียนจิตอบ “ข้าจะผ่านระดับยี่สิบไป แล้วข้าจะให้พวกเจ้าเล่น!”
“ตกลง ..”
“งั้น .. เราคงต้องรออีกหน่อย”
“ดู! ซอมบี้กำลังกินเจ้ากำแพงวอลนัทที่อาจารย์ปลูกไว้ ฮ่าๆ หน้ามันโง่มาก!”
ณ ครึ่งเมือง
“ศิษย์พี่ .. เราไม่ควรทำอะไรเจ้าของร้านเพื่อเสี่ยงต่อชื่อเสียงกลุ่มหนานหัวของเรา!”
“เราจะ .. ดูละครกัน!” โมเซียนแสดงแววตาที่ดูร้ายกาจออกมา “หลังจากที่ข้าฝึกฝนเทคนิคขั้นสูงสุดทั้งหมดในละครนี้ ข้าจะแสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงของกลุ่มหนานหัว!”
ตอนนี้เธอเริ่มจินตนาการถึงสถานการณ์ที่เธอเชี่ยวชาญในการควบคุมเทคนิคสายฟ้าที่แท้จริงด้วยดาบแห่งสวรรค์เพื่อใช้ในการเอาชนะกองกำลังขนาดใหญ่ทั้งหมดที่คาเฟ่รวมถึงฟางฉีผู้ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง หลังจากนั้นพวกเขาก็จะกลับไปจัดการกับหลิวหนิงหยุน ปราบนางฟ้าให้ตกสวรรค์ด้วยการโจมตีโดยดาบเพียงครั้งเดียว
“พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่จะเปลี่ยนเป็นสายฟ้าด้วยดาบของพระเจ้า!” ด้วยความเย็นชา โมเซียนพึมพำเสียงต่ำ
สาวกหญิงอีกคนหนึ่งร้องด้วยความตื่นเต้น “นั่นศิษย์พี่สวดคาถา!”
“เธอดูสง่างามเมื่อใช้เทคนิคนี้!” พวกเธอยังคงอวยกันไม่หยุด
“หยุดโวยวาย! ข้าจะปิดคอมพวกเจ้าถ้าพวกเจ้าตะโกนอีกครั้ง!” ฟางฉีที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พวกเธอพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด