พลทหารกว่าสองร้อยคนก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดออกมา

 

ชูฮันเดินต่อไปข้างหน้า โดยไร้สัญญาณเตือนจู่ๆชูฮันก็หมุนตัวกลับหันมาจ้องพลทหารที่ตะโกนเมื่อสักครู่ด้วยสายตาแข็งกร้าว

 

พลทหารคนนั้นไม่คิดจะถอนสายตาจากชูฮัน และจ้องตากลับใส่ชูฮันอย่างไม่เป็นมิตรเช่นกัน

 

สายตาของชูฮันเย็นชาเช่นเดียวกับน้ำเสียง “นายชื่ออะไร?”

 

“หลี่บี๋เฟิง!” พลทหารคนนั้นตอบเสียงดัง จ้องตาชูฮันกลับ ท่าทางหยิ่งผยอง

 

“หึ!” ชูฮันหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นเขาก็ตวัดสายตาหันไปกวาดตามองพลทหารกว่าสองร้อยนายตรงหน้า ชูฮันไม่ได้ตะคอก ทว่าเสียงของเขากลับดังกังวาล “พวกคุณลืมคำสาบานที่ให้ไว้กับกองทัพแล้วเหรอไง?”

 

“ไม่ลืมครับ!” หลิวยู่ติงรีบตอบกลับเสียงดังฟังชัดทันที “เชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไว้ ห้ามปฏิเสธ!”

 

ใบหน้าของหลี่บี๋เฟิงตึง หากเขายังคงไม่ยอม “แต่มันก็ลบสิบองศาข้างนอกนั่น ผมคิดว่า—–“

 

“คำสั่งของผู้บังคับบัญชาการคือสูงสุด ถึงแม้มันจะติดลบร้อยองศา นายก็ต้องทำตามคำสั่ง!” หลิวยู่ติงรีบพูดแทรกหลีบี๋เฟิงที่กำลังพูดอยู่ขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็แทรกตัวออกมาจากฝูงชน โค้งคำนับให้ชูฮันพร้อมกับวันทยาหัตถ์ จากนั้นก็หมุนตัวและเดินออกไปด้านนอกและยืนนิ่งเหมือนกับเสาหินท่ามกลางหิมะ

 

ทหารสองร้อยนายกว่าสะบัดหัวขณะมองไปที่ภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา พวกเขาทั้งหมดตกใจไม่ต่างกัน ไม่ใช่แค่กลุ่มทหารเท่านั้น แต่แม้แต่ชูฮันก็ยังบิดริมฝีปาก

 

เฉินช่าวเย่เบนสายตาไปที่หลี่บี๋เฟิงที่กำลังทำตัวโง่เง่าอย่างมาก

 

หลี่บี๋เฟิงมองไปที่หลิวยู่ติงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านนอกท่ามกลางหิมะ นี่ผู้ชายคนนี้ยอมทำจริงๆงั้นเหรอ?

 

“อุณหภูมิทั้งเขตคือลบสิบองศา แต่อุณหภูมิของทหารคือเท่าไหร่? ข้อดีของการเป็นวิวัฒนาการและพรสวรรค์คืออะไร?” น้ำเสียงของชูฮันช่างเย็นชา แต่มันเต็มไปด้วยพลังและความน่าเกรงขาม “ฉันบอกให้ออกไปยืน ไปยืนท่าปฏิบัติทหาร 2 ชั่วโมง! เดี๋ยวนี้!”

 

เฮือก!

 

คนกว่าครึ่งรีบเดินออกไปด้านนอกทันทีอย่างไม่กล้าสงสัยอะไรอีก หากยังคงมีบางคนที่ต่อต้านชูฮันอยู่เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็เหมือนกับที่ชูฮันพูดด้านนอกมันคือลบสิบองศา ถึงแม้ร่างกายของพวกเขาอาจจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าคนทั่วไปแต่ถึงยังไงมันติดกับภูเขายังไงพวกเขาก็ต้องทรมานกับความหนาวของลมหิมะอันรุนแรงอยู่ดี

 

กลุ่มทหารที่เหลือครึ่งหนึ่งยังคงไม่ต้องการจะออกไปด้านนอก หลี่บี๋เฟิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

“ท่านพลเอกชูฮัน!” พลทหารคนหนึ่งที่ทนไม่ไหวพูดขึ้น “คำสั่งของท่านมันโหดเกินไปรึเปล่า?”

 

ชูฮันทำเพียงแค่เหลือบตาไปมองพลทหารคนนั้นและไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

หากพลทหารคนนั้นยังคงไม่หยุด ยิ่งชูฮันแสดงท่าทางไม่สนใจ พลทหารคนนั้นก็ยิ่งมีอารมณ์ “พวกเราไม่ใช่ทาสหรือผู้ลี้ภัยที่ท่านจะทำอย่างไรกับเราก็ได้ และพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นวิวัฒนาการและพรสวรรค์ที่ทรงเกียรติกันทั้งนั้น อย่างน้อยท่านควรจะให้เกียรติพวกเราบ้าง”

 

ชูฮันยิ้มมุมปากและยังคงมองพลทหารคนนั้นไม่หยุด

 

พลทหารคนนั้นเห็นว่าชูฮันไม่ตอบโต้อะไร ในใจของพลทหารคนนั้นก็ยิ่งเดือดขึ้นไปอีก เขาพูดเสียงดัง “พวกเราทุกคนมีมีเกียรติและถือเป็นทหารที่ดีที่สุดในซางจิง พวกเราได้รับคำสั่งให้ติดตามท่าน เราไม่ได้ขอเฮลิคอปเตอร์หรืออะไรเลน แต่อย่างน้อยท่านควรเห็นแก่พวกเราบ้าง ไม่ใช่เหรอ?”

 

“ถูกต้อง” มีคนพูดตามมาอย่างเห็นด้วย “ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นพลเอก แต่พวกเราทุกคนก็มีตำแหน่งพอสมควรในซางจิงเหมือนกัน การที่เราไม่ได้เงินเดือนเท่าท่านไม่ได้หมายความว่าท่านจะทำอย่างไรกับเราก็ได้!”

 

ชูฮันหัวเราะหึ “ไม่ออกไปข้างนอกใช่มั้ย? ดี”

 

กลุ่มทหารที่อยู่ด้านในตะลึง หากยังไม่ทันจะได้ทำอะไร——

 

“ปัง!”

โดยไม่มีสัญญาณเตือน มันก็มีเสียงกระแทกผนังดังขึ้น ด้วยพละกำลังของวิวัฒนาการระยะ 4 และความสามารถพิเศษด้านพละกำลังระดับ 4 ที่ชูฮันมี ผนังในห้องจึงถล่มลงมาทันที แม้แต่อิฐปูนก็กลายเป็นผุยผง

 

ตัวด้านหนึ่งห้องเปิดโล่งสู่ด้านนอก

 

ลมหนาวจากหิมะข้างนอกแผ่กระจายไปทั่วห้อง กลุ่มคนในรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที จ้องไปที่ชูฮันอย่างช็อค ผู้ชายคนนี้ทุบเอาผนังออกอย่างไม่ลังเลเลยเนี่ยนะ? พระเจ้า พวกเขาแค่ไม่อยากจะออกไปหนาวตายข้างนอก มันจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ? รู้รึเปล่าว่ามันต้องใช้ทรัยพากรคนและเงินมากแค่ไหนเพื่อสร้างผนังในเมืองชั้นในภายในค่ายแบบนี้?

 

พวกเขารู้ว่าแล้วอารมณ์ของพลเอกชูฮันเกรี้ยวกราดขนาดไหน นี่พวกเขาพูดมากไปจนยั่วอารมณ์พลเอกให้คลั่งได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

 

โชคร้ายที่ความเสียใจและความตกใจทั้งหลายมันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ไม่รอให้คนพวกนี้ได้มีโอกาสพูดอะไรขึ้นมาอีก——

 

“ปัง!”

เท้าอีกข้าง!

 

ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังตกใจกับลูกเตะแรกที่ทำลายผนังลง ชูฮันไม่แม้แต่จะลังเลที่จะทำลายผนังอีกด้านลงทันที มีเสียงอิฐปูนแตกถล่มดังสนั่นพร้อมกับลมแรงที่พุ่งปะทะเข้ามาในห้อง

 

ทุกคนรีบหันไปทางเสียงดังครั้งที่สองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา มองไปที่ผนังที่ถล่มตรงหน้าทั้งสองด้าน

 

ผลของการที่ผนังทั้งสองด้านที่ถล่มส่งผลให้ตัวห้องเริ่มไม่มั่นคง เพดานเริ่มโคลงเคลง ผนังอีกสองด้านที่เหลือไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของเพดานอาคารได้ เพดานเริ่มสั่นไหวราวกับพร้อมจะถล่มลงมาในอีกไม่ช้า

 

ไม่ทันรอให้ทุกคนได้แสดงอาการตระหนก ชูฮันก็ยกเท้าขึ้นเตรียมแตะผนังที่สามแล้ว!

 

“หยุดนะ!”

 

“ไม่!”

 

เท้าของชูฮันหยุดค้าง

 

พลทหารที่อยู่ในห้องมีอาการหวั่นวิตก พวกเขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง พวกเขาไม่น่าไปยั่วอารมณ์ของพลเอกบ้านี่เลย ถ้าผนังที่สามพังขึ้นมาห้องนี้จะต้องถล่มแน่นอนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!

 

ผนังด้านที่สี่นั้นเชื่อมต่อกับอีกห้องหนึ่ง ทุกคนมองไปที่ผนังที่ถล่มไปแล้วสองด้านตรงหน้าและด้านที่สามที่ขาของชูฮันยกค้างไว้อยู่

 

“ชูฮัน!” พลทหารคนเดิมตะโกนลั่น “ท่านทำบ้าอะไรอยู่? หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

ชูฮันเผยรอยยิ้มแปลกๆให้พลทหารคนนั้น และทันใดนั้นขาข้างขวาของชูฮันก็เกร็งกล้ามเนื้อและแตะเข้าใส่ผนังด้านที่สามตรงหน้า!

 

“ปัง!”

ฝ่าเท้าของชูฮันกระแทกเข้ากับผนังด้านที่สาม จนเกิดเสียงดังลั่น

 

ครืน!

ผนังถล่มลง

 

ครืนนนนนนนน——

เพดานถล่มลงมา และกลุ่มพลทหารที่ไม่ยอมออกไปด้านนอกช็อคอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เนื้อตัวของพลทหารที่อยู่ในห้องก็ถูกคลุมไปด้วยเศษฝุ่นจากปูนและอิฐ ทุกคนต่างมีสีหน้าย่ำแย่และไม่พอใจ