ห้องที่สภาพดีๆจู่ก็ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร ทั้งสถานที่ตกอยู่ในความวุ่นวายราวกับถูกอาวุธทำลายล้างสูงโจมตี เหล่าทหารที่ยังคงอยู่ในห้องยิ่งมีสภาพเละเทะขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า เศษปูนปลิวว่อนในอากาศและติดเสื้อผ้าประกอบกับหิมะที่ตกลงมา ทั้งความหนาวและความตกใจที่ได้รับ ส่งผลให้ทุกคนนิ่งค้าง

 

เฉินช่าวเย่พร้อมกับขาหมูในมือหลบอยู่ในจุดที่เพดานไม่ถล่ม ทันทีที่ชูฮันใช้เท้าเตะผนังครั้งแรก เขาก็รีบหาจุดที่คิดว่าจะปลอดภัยและรีบวิ่งมา

 

เพดานทั้งห้องถล่มลงมาเกือบหมดจนกลายเป็นพื้นที่เปิดโล่ง กลุ่มพลทหารครึ่งหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านนอกตกใจค้าง เพียงแค่กลุ่มทหารที่เหลือไม่ยอมออกมาพลเอกชูฮันถึงกับเอาห้องออกไปเลยงั้นเหรอ?

 

พระเจ้า!

หลิวยู่ติงเองก็อึ้งค้างไปครู่หนึ่ง เขาพูดอะไรไม่ออก หากเขาเองก็รู้สึกโชคดีเช่นเดียวกับกลุ่มทหารที่ยืนอยู่ถัดไป ทุกคนต่างคิดว่าโชคดีที่ออกมาก่อน ไม่งั้นพวกเขาคงโดนเพดานถล่มทับไปแล้ว

 

ปึก! ปึก!

เสียงของรองเท้าบู้ททหารของชูฮันเหยียบลงกระทบกับพื้นและเดินฝ่าเศษฝุ่นออกไป เนื้อตัวของชูฮันไม่เปรอะเปื้อนอะไรเลยสักนิด แสดงให้เห็นชัดว่าชูฮันใช้ความเร็วเหนือฟ้าพุ่งตัวออกมาก่อนที่เพดานจะถล่ม ขณะนี้ชูฮันมองไปที่กลุ่มทหารตรงหน้าที่มีใบหน้าเปื้อนฝุ่นปูนจนเป็นสีเทาและเนื้อตัวสั่นด้วยความหนาว ชูฮันก็ยิ้มออกมาราวกับคนคลั่ง

 

“พวกคุณยังจะต่อต้านต่อหรือไม่?” เสียงของชูฮันฟังดูน่ากลัวมากสำหรับทุกคน หลังจากชูฮันพูดจบมันก็เกิดความเงียบขึ้นทันที

 

หลี่บี๋เฟิงที่ยืนอย่างโง่เขลาอยู่ท่ามกลางกลุ่มพลทหารที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยสีเทา

 

คนอื่นๆก็กลัวเกินกว่าจะกล้าพูดอะไรออกมา หลายคนแสดงท่าทางหวาดกลัวและเริ่มมีอาการตัวสั่น

 

“เยี่ยม” น้ำเสียงของชูฮันแฝงไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากกวาดสายตามองหลุ่มทหารกว่าสองร้อยนาย เขาก็เปิดปากพูดอีกครั้ง “งั้นก็ยืนต่อไป ยืนจนกว่าฉันจะบอกให้เลิก อย่าคิดจะมีลูกเล่นหรือทำอะไร ไม่อย่างนั้น….หึ หึ! พวกคุณก็น่าจะรู้ดี!”

 

ชูฮันขู่อย่างจริงจัง!

 

ไม่รอให้นายทหารพวกนี้ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้หรืออะไร ชูฮันก็พูดประโยคต่อไปทันที “พลตรีหลิวยู่ติง ในฐานะหัวหน้าควบคุม….ใครก็ตามที่ขยับตบหน้าได้เลย!”

 

“ครับท่าน!” หลิวยู่ติงตอบรับอย่างรวดเร็ว

 

ไม่มีใครกล้าคิดจะพูดอะไรขึ้นมาอีกเลย ทุกคนยืนด้วยท่าปฏิบัติพื้นฐานของทหารด้วยสีหน้าจริงจัง!

 

ชูฮันแสยะยิ้มอยู่ในอก สิ่งที่เขาต้องการก็คือคนที่เหมือนเฉินช่าวเย่ที่ไม่ลังเลจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขา ไม่ต้องตั้งคำถาม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เขาต้องอยู่เหนือทุกอย่าง ต้องอยู่ในใจของทุกคน คำสั่งของเขาคือที่สุดและต้องปฏิบัติตามอย่างทันที!

 

ในเมื่อคนพวกนี้มีข้อเรียกร้องมากมาย งั้นก็…ไปหาแม่พวกแกสิ!

 

จากนั้นชูฮันก็มองไปที่ผนังด้านที่สี่ซึ่งเป็นประตู ซึ่งก่อนหน้านี้พลทหารคนนั้นที่กระโดดเข้ามาตะโกนใส่เขาอย่างไร้ความเคารพก็ได้วิ่งหนีผ่านประตูนั้นไปแล้ว

 

ภายในพริบตา ชูฮันก็เดินตรงไปที่ประตู “ร้อยโทเฉินช่าวเย่ ตามมา”

 

“ครับ หัวหน้า!” เฉินช่าวเย่รีบกลืนเนื้อคำโตที่พึ่งกัดลงทันที เฉินช่าวเย่มองและเดินตามหลังชูฮันไป

 

หลิวยู่ติงอึ้งอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมองไปที่ชูฮันที่เดินไปพร้อมกับเฉินช่าวเย่ที่กำลงยัดขาหมูเข้าปาก มันช่างเป็นอะไรที่สุดยอดที่ไอ้อ้วนนั่นจะยัดอาหารลงไปได้เร็วขนาดนี้

 

คนอื่นๆมีสีหน้าขม พลทหารทั้งหมดยืนหนาวสั่นท่ามกลางหิมะที่กำลังตก นายทหารนับร้อยที่ยืนอยู่ในห้องที่เพดานโดนทำลายต่างรู้สึกเสียใจ ผลลัพธ์ของการต่อต้านชูฮันนั้นพวกเขาไม่อยากจะจินตนาการเลย

 

ชูฮันและเฉินช่าวเย่ที่ก้าวเท้าผ่านประตูไปเข้าไปในสำนักงานก็ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานที่กำลังรวมตัวกันอย่างหวาดกลัวและมองชูฮันที่เดินผ่านเข้ามา บางคนกลัวถึงกระทั่งหลบไปซ่อนอยู่ใต้โต๊ะทำงาน คนพวกนี้เป็นแค่ข้าราชารพลเรือนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีทางที่จะกล้าเผชิญหน้ากับพลเอกได้ ไม่ต้องไปพูดถึงพลเอกชูฮันเลย แม้แต่ได้ยินเสียงคำรามของเฉินช่าวเย่ก็ทำให้พวกเขาขาอ่อนแล้ว

 

ชูฮันหยุดชะงักและมองไปรอบๆภายในสำนักงานโลจิสติกส์ ทว่าพันชางเซียนไม่ได้อยู่ที่นี้ ชูฮันกวาดตามองให้ทั่วจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินต่อไปมุ่งหน้าไปหาข้าราชการพลเรือนคนหนึ่ง

 

กลุ่มคนในสำนักงานเมื่อได้ยินเสียงเสมือนฝีเท้าของปีศาจที่กำลังคืบคลานเข้ามาก็ต่างก้มหน้าลงต่ำด้วยความกลัว หากรู้สึกดีใจที่ชูฮันไม่ได้เดินมุ่งหน้มาหาตัวเองเพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

 

ข้าราชพลเรือนที่อยู่ในสายตาชูฮันตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวขณะชูฮันกำลังขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆเขาก็หลับตาปี๋

 

ปึก!

เสียงฝีเท้าของชูฮันหยุดลง เขาจ้องไปที่ชายตรงหน้าที่มีท่าทางกลัวเขาจนลนลาน เขาก็แค่มาเอาของบางอย่างเฉยๆ ทำไมคนพวกนี้ต้องทำท่ากลัวเขาอะไรขนาดนี้?

 

ชูฮันยื่นมือชี้ไปที่คนที่อยู่ที่พื้นและมองไปที่ผู้คนที่ไปกระจุกตัวกันอยู่ตามมุมห้อง

 

ชูฮันรู้สึกหงุดหงิดและดึงเอาใบรับรองจากซองเอกสารขึ้นมา น้ำเสียงแสดงว่าเขาเริ่มหมดความอดทน “ใครคุมที่นี้? ออกมาและเตรียมของพร้อมให้ฉันที?”

 

“ผมเอง ผมเป็นคนคุมที่นี้” ชายวัยกลางคนที่มีร่างท้วมก้าวออกมาด้านหน้า และรับใบรับรองที่ชูฮันส่งมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัว “ผมจะดูให้ท่านทันทีเลย ท่าน ท่านอย่าพังสำนักงานเราเลย”

 

“เฮ้—–” เฉินช่าวเย่ยิ้มออกมา หากไม่ใช่รอยยิ้มใจดี

 

ชูฮันมองอย่างหมดความอดทน “เร็วสิ”

 

“ครับ ครับท่าน” ชายคนนั้นพยักหน้ารัวๆ

 

———–

 

ในขณะนี้ ณ ห้องที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว พลทหารที่หนีไปก่อนหน้านี้กำลังวิ่งกลับมาพร้อมตะโกนโหวกเหวกโวยวายมาแต่ไกล ตามมาด้วยคนอีกสองคนตามหลังมา

 

พลทหารคนนั้นโกรธจัด “ดูที่คนตำแหน่งใหญ่โตทำสิ เห็นมั้ยว่าเขาทำอะไร? นี่มันพวกนอกรีตชัดๆ ดูสิว่าห้องถูกพังทลายไปแล้ว!”

 

สองคนที่ตามหลังพลทหารคนนั้นมา…คนหนึ่งคือพันชางเซียน ส่วนอีกคนมีร่างกำยำใส่ชุดลายพรางทหาร ตรงเอวมีอาวุธมีดพกติดไว้ ดูท่าทางจะเป็นมือสังหาร

 

พันชางเซียนที่เห็นภาพตรงหน้าก็มีอาการโกรธขึ้นมาพร้อมกับปล่อยพลังผันผวนออกมาทันที พริบตาเดียวพันชางเซียนก็มาปรากฏด้านหน้าและได้เห็นนายทหารกว่าสองร้อยคน พันชางเซียนตะคอกออกไปอย่างหมดความอดทน “นายท่านของพวกแก??! บอกให้เขามาอธิบายเดียวนี้!”

 

เงียบกริบ—–

 

ไม่มีใครตอบพันชางเซียนเลย โดยเฉพาะกลุ่มพลทหารที่ถูกเพดานถล่มใส่โดยฝีมือชูฮัน พวกเขาถึงกับก้มหัวซ่อนหน้าซ่อนตาด้วยซ้ำ ถ้าชูฮันรู้ว่าพวกเขาปริปากพูดละก็พวกเขาต้องเละแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย

 

และไม่ว่ายังไง…

 

พวกเขาก็พูดไม่ได้เพราะหลิวยู่ติงยืนอยู่ข้างๆ!