บทที่ 39 พ่อบ้านผู้ปราดเปรื่อง[รีไรท์] EnjoyBook
บทที่ 39 พ่อบ้านผู้ปราดเปรื่อง[รีไรท์]
หลิงตู้ฉิงไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยจริง ๆ ตอนนี้เขากังวลมากเรื่องที่จะพัฒนาเต๋าตู้ฉิงให้สมบูรณ์แบบ ถ้าเขาไม่เข้าใจ เขาจะทำอย่างไรดี?
ตอนนี้โม่หยูถังยังไม่กลับมาจากการไปฝึกให้บรรดาผู้คุ้มกันและบ่าวรับใช้ หลิงตู้ฉิงจึงต้องรอโม่หยูถังกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ
หลิงตู้ฉิงที่กำลังเหม่อลอยรอโม่หยูถังอยู่ในเรือน จนกระทั่งยามบ่ายจึงเห็นโม่หยูถังพาเหล่าผู้คุ้มกันเหล่ากลับมา
หลังจากได้รับการชี้แนะของโม่หยูถัง บรรดาพวกผู้คุ้มกันได้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนร่างกายของพวกเขา ในสายตาของคนอื่นอาจจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาได้ยาก แต่ในสายตาของหลิงตู้ฉิง เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหล่าผู้คุ้มกันพวกนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังเป็นกังวลในขณะนี้
หลิงตู้ฉิงรั้งตัวโม่หยูถังไว้และพูดว่า “พ่อบ้านโม่ ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากปรึกษาเจ้า”
โม่หยูถังตกตะลึง ที่ผ่านมาหลิงตู้ฉิงไม่เคยใช้คำว่า ‘ปรึกษา’ กับเขามาก่อนหน้านี้เลย เขาจึงสงสัยเป็นอย่างมากว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?
เขาไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ ออกไป
บรรดาพวกผู้คุ้มกันที่ถูกไล่ให้แยกย้ายไป แม้พวกเขาเองต่างก็อยากรู้อยากเห็น แต่หลังจากที่ได้รับการชี้แนะจากโม่หยูถังมุมมองที่พวกเขามีต่อพ่อบ้านชราคนนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งพ่อบ้านคนนี้
หลังจากทุกคนจากไปแล้วโม่หยูถังจึงถามอย่างระมัดระวังว่า “นายท่าน ท่านต้องการรู้อะไร?”
หลิงตู้ฉิงถามด้วยความสับสนว่า “พ่อบ้านโม่ เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ของชายและหญิงหรือเปล่า? นอกจากนี้วิธีการสื่อสารและการแสดงออกทางอารมณ์ระหว่างชายและหญิงมันเป็นยังไง?”
โม่หยูถังนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงถามเรื่องนี้
เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่เอาจริงเอาจังของหลิงตู้ฉิง เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า “เป็นไปได้ไหมที่นายท่านจะตกหลุมรักใครสักคนเข้าให้แล้ว”
หลิงตู้ฉิงเล่าต่อว่า “ข้าถามครูถังเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางรู้ แต่นางไม่ต้องการบอกข้า และนางยังขอให้ข้ามาถามเจ้าแทน เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ไหม?”
โม่หยูถังรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ทำไมนายท่านของเขากล้าถามเรื่องแบบนี้กับผู้หญิง?
เขาลังเลก่อนที่จะถามว่า “นายท่าน ท่านเคยข้องแวะกับผู้หญิงสักคนมาก่อนบ้างไหม?”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว “ข้าเคยสิ ไม่ใช่ว่าข้ามีลูกสาวอยู่สามคน และข้าก็รู้จักครูถัง จ้าวเหมิงลู่ มี่ไล พวกนางไม่ใช่ผู้หญิงหรือยังไง?”
ได้ยินคำตอบของเจ้านายตัวเองแบบนี้โม่หยูถังแทบจะอธิบายต่อไปไม่ได้ เขาจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “สิ่งที่ข้าหมายถึงไม่ใช่แบบนั้น เอาแบบนี้นายท่านเคยอยู่กับผู้หญิงสักคนโดยไม่ใส่เสื้อผ้าไหม ข้าหมายถึงผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”
“ไม่เคย!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวทันที
เขาไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
โม่หยูถังหยุดครุ่นคิดอยู่สักพักและหรี่ตาถามหลิงตู้ฉิงด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “นายท่าน ท่านยังไม่เคยสัมผัสกับเรื่องนี้ในชาติที่แล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว
หลิงตู้ฉิงไม่ได้แปลกใจที่พ่อบ้านชราถามโยงไปถึงถึงเรื่องชาติที่แล้วของเขา นั่นเป็นเพราะการที่เขาจู่ ๆ ก็สามารถบำเพ็ญเพียรขึ้นมาได้ขนาดนี้และความรู้ต่าง ๆ ที่เขาเผยให้พ่อบ้านโม่เห็นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พ่อบ้านชราผู้นี้ซึ่งเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะพอจะเดาอะไรเกี่ยวกับตัวเขาได้ขึ้นมาบ้าง
“ที่ข้ากลับชาติมาเกิดก็เพื่อที่จะบำเพ็ญเพียรใหม่ให้อยู่ในวิถีที่ถูกต้อง และปัญหาในตอนนี้ของข้าคือ ข้าต้องการเข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ปกติ!” ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกล่าวประโยคนี้ เขาได้วาดมือขึ้นในอากาศเพื่อสร้างกำแพงล่องหนกั้นเสียงที่จะเล็ดรอดออกไปด้านนอก
แม้ว่าเขาไม่ต้องการปิดบังโม่หยูถัง แต่เขาก็ต้องปิดบังความลับนี้จากคนอื่น ๆ
ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขายังคงอ่อนแออยู่ หากผู้คนรู้ว่าเขากลับชาติมาเกิดและกำลังบำเพ็ญเพียรอีกครั้งเขาจะตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง
โม่หยูถังแทบพูดไม่ออก “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่านายท่านเคยบำเพ็ญเพียรไปถึงระดับไหนมาก่อน แต่นี่มันเป็นไปได้ยังไงที่ตลอดชีวิตชาติที่แล้วของท่านไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาใกล้เลย”
หลิงตู้ฉิงค่อย ๆ เข้าใจในสิ่งที่โม่หยูถังพูด เขาตอบว่า “ในชีวิตชาติที่แล้วของข้ามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่อยากเข้าใกล้ชิดข้า พวกนางแม้กระทั่งเปลื้องผ้าออกแล้วปีนขึ้นไปบนเตียงของข้า”
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขามีผู้หญิงทุกชนิดที่จะพยายามจะผูกมัดเขาเพื่อมีส่วนร่วมในสายเลือดของเขา แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเหล่านั้นเขาจึงปฏิเสธพวกนางทั้งหมดทุกคน
โม่หยูถังจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้นนายท่าน ทำอะไรกับพวกนาง?”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเย็นชา “ข้าสังหารพวกนางทั้งหมด…”
ในชาติที่แล้วเขาไล่ตามเส้นทางไร้อารมณ์ เมื่อผู้หญิงเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้น สัญชาตญาณของหลิงตู้ฉิงรู้ทันทีว่าผู้หญิงเหล่านี้จะมาขัดขวางเส้นทางการบ่มเพาะเต๋าไร้อารมณ์ของเขา หลิงตู้ฉิงผู้ซึ่งต้องการบรรลุไปยังขอบเขตแห่งนิรันดร์อย่างสุดหัวใจจึงสังหารทุกคนที่เขาคิดว่าจะมีผลต่อเส้นทางการบรรลุไปยังจุดสูงสุดของเขา
โม่หยูถังพูดไม่ออก ในเมื่อท่าน ‘สังหาร’ และ ‘ละ’ ทุกสิ่งในชีวิตชาติที่แล้ว แล้วทำไมในชาตินี้ท่านถึงมาตามหาสิ่งเหล่านั้นที่ท่านละทิ้งไป ในชีวิตปัจจุบันของท่าน?
นี่เป็นประโยคที่โม่หยูถังอยากจะถามสวนขึ้นมาแต่เขาเลือกที่จะเก็บไว้
ในขณะนี้ แม้ว่าโม่หยูถังจะไม่รู้ว่าเป้าหมายสูงสุดของหลิงตู้ฉิงคืออะไร เขารู้แต่ว่าในตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังเป็นทุกข์
“เอาล่ะ ข้าเริ่มเข้าใจปัญหาของนายท่านแล้ว เดี๋ยวข้าจะพานายท่านไปสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อท่านไปถึงแล้วท่านอาจจะได้รับคำตอบที่ท่านกำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้” โม่หยูถังหัวเราะ
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างใจจดใจจ่อ “ทำไมเราไม่ไปตอนนี้เลยล่ะ?”
โม่หยูถังตอบ “นายท่าน เราต้องรอให้มืดก่อนสถานที่นั้นถึงควรจะเข้าไป”
“หลังจากมืดเท่านั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถาม
“บางสถานที่ก็สะดวกที่จะไปเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น นอกจากนี้ข้าเกรงว่าเราอาจจะต้องอยู่ในสถานที่นั้นทั้งคืน” โม่หยูถังเอ่ย
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้ยินว่าเขาต้องใช้เวลาทั้งคืน คิ้วเขาก็เริ่มขมวดเข้าหากัน
เขาจำได้จากในความทรงจำของตัวตนชาตินี้ว่าหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยออกไปค้างตอนกลางคืนนอกบ้านเลย นอกจากจะจำเป็นจริง ๆ นอกเหนือจากสองคืนที่เขาอยู่ในป่าสัตว์เวทย์แล้ว ระยะเวลาที่เขาอยู่นอกบ้านสามารถนับได้ด้วยมือเดียว เนื่องจากเขาต้องดูแลลูก ๆ ทั้ง 7 คน เขาจึงไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เป็นเวลานาน ๆ
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะพัฒนาเต๋าตู้ฉิงให้สมบูรณ์แบบ เวลานี้เขาจำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของโม่หยูถัง
แต่ถ้าเขาจากไปแล้วความปลอดภัยที่เรือนจะเป็นอย่างไร?
หลังจากคิดไปซักพักเขาก็พูดกับโม่หยูถังว่า “งั้นเราออกไปข้างนอกตอนฟ้ามืดแต่ตอนนี้ข้าต้องเตรียมการก่อน”
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเดินเข้าไปในห้องทุกห้องไม่ว่าจะเป็นระเบียงทางเดินรวมทั้งลานกลางเรือน
ในขณะที่เขาเดิน อักขระเวทย์จำนวนมากก็ได้ถูกประทับลงไปรอบ ๆ บริเวณที่เขาเดินผ่าน
เมื่อเรือนทั้งหลังเต็มไปด้วยอักขระเวทย์ เขาหยิบของชิ้นหนึ่งซึ่งมีรูปร่างเป็นเหรียญตราสีทองทรงหกเหลี่ยมออกมาจากแหวนมิติและเริ่มปรับแต่งมัน
หลังจากนั้นเขาไปหาหลิงยู่ชานที่พึ่งฝึกออกหมัดเสร็จและพูดกับเขาว่า “ยู่ชาน พ่อจะมอบเหรียญตราสีทองนี้ให้กับเจ้า เจ้าจงหยดเลือดลงบนเหรียญตรานี้แล้วมันจะยอมรับเจ้าเป็นนายของมัน”
หลิงยู่ชานถามว่า “ท่านพ่อเหรียญตรานี้มันเอาไว้ทำอะไร?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “นี่เป็นของที่ไว้สำหรับการป้องกันตัวของพวกเจ้า ถ้ามีศัตรูที่แข็งแกร่งเข้ามาสร้างปัญหาตอนที่พ่อไม่อยู่เรือน เจ้าสามารถใช้พลังวิญญาณส่งเข้าไปในเหรียญเพื่อเปิดใช้งานมันแล้วมันจะทำให้เจ้าปลอดภัย และอีกอย่างเจ้าควรบอกน้อง ๆ ของเจ้า ให้พวกเขาหยดเลือดลงบนมันด้วย แต่เหรียญตรานี้พ่อมอบหมายให้อยู่ในความดูแลของเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น นอกจากนี้อย่าออกจากเรือนไปไหนเด็ดขาด โดยไม่มีพ่อไปด้วย”
แม้ว่าหลิงยู่ชานจะสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็เป็นเด็กที่ฉลาดคนหนึ่ง เขารู้ว่าพ่อของเขาต้องมีเหตุผลที่ออกคำสั่งกับเขาเช่นนี้ เขาจึงตกปากรับคำอย่างเชื่อฟัง
อย่างไรก็ตาม การกระทำต่อไปในอนาคตของหลิงยู่ชานจะทำให้ทุกคนในตระกูลหลิงต้องประหลาดใจ
เมื่อเวลาผ่านไปถึงช่วงค่ำ โม่หยูถังเมื่อเห็นว่าถึงเวลาฤกษ์งามยามดีแล้วจึงพาหลิงตู้ฉิงออกมาจากเรือน