ตอนที่ 1442 มาหาที่ตายอีกแล้ว (2)
ไม่นาน เจ้าเมืองพุงใหญ่ก็นำกองทหารเดินขบวนไปทางเหนือของเมือง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ และเมื่อเขาเห็นหอพักที่เรียงรายเป็นแถว เขาก็คันยุบยิบในหัวใจจนยากจะทนไหว แต่เขารู้ว่าเขาต้องกำจัดผู้ลี้ภัยพวกนั้นก่อน
เมื่อผู้ลี้ภัยได้ยินว่าเจ้าเมืองนำกองทหารจำนวนมากมาที่เมืองทางเหนือ สีหน้าของทุกคนก็มีความยินดี ไม่ว่าสภาพความเป็นอยู่ที่พวกเขาเคยอยู่จะเป็นแบบไหน แต่ในใจของพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าเจ้าเมืองชิงเฟิงที่เต็มใจให้ที่พักพิงกับพวกเขานั้น เป็นคนที่มีจิตใจเมตตาและรักประชาชน แม้ว่าจะเห็นกองทหารขนาดใหญ่ที่เขานำมาที่นี่ ทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย
“ท่านเจ้าเมืองมา! ท่านเจ้าเมืองต้องมาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแน่!”
“เจ้าเมืองเป็นคนดี ถ้าเขารู้ว่ามีอันธพาลมาข่มเหงผู้คน เขาจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเราแน่!”
หลังจากได้เห็นเหตุการณ์นองเลือดกับตาตัวเอง พวกผู้ลี้ภัยที่ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าเมืองปรากฏตัว ทุกคนพากันวิ่งเข้าไปหาทีละคน พลางเอ่ยปากยกย่องสรรเสริญเจ้าเมือง
เจ้าเมืองพยายามอย่างหนักที่จะยิ้มอย่างเป็นมิตร ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความรังเกียจพวกผู้ลี้ภัยที่มารุมล้อมอยู่รอบๆตัวเขา พอคิดว่ากาฝากพวกนี้กำลังยึดครองสถานที่ดีๆแบบนี้และขัดขวางเขาจากการหาเงินจำนวนมาก เขาก็อยากจะสั่งทหารให้ฟันขยะพวกนี้ให้ตายให้หมดจริงๆ!
ในใจเขากำลังสาปแช่งผู้ลี้ภัยทุกคนให้ตายและไปเกิดใหม่ให้เร็วๆ แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ความเป็นคนดีมีเมตตาเอาไว้ เจ้าเมืองจึงฝืนทำหน้ายิ้มแย้มใจดี และพยายามใช้น้ำเสียงที่เป็นมิตรอย่างเต็มที่
“ช่วงนี้พวกเจ้าทุกคนต้องลำบากกันแล้ว แม้ว่าเมืองชิงเฟิงจะไม่ใช่เมืองที่เจริญรุ่งเรือง แต่ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าต้องโดนข่มเหงรังแก! วันนี้ข้าได้ยินว่ามีคนมาสร้างความเดือดร้อน ทำให้ข้าโกรธมาก ถึงพวกเจ้าจะไม่ใช่คนที่เกิดและเติบโตที่เมืองชิงเฟิงนี่ แต่ตั้งแต่วันแรกที่พวกเจ้าก้าวเข้ามาในเมืองชิงเฟิง ข้าก็ถือว่าเจ้าเป็นพลเมืองของเราแล้ว ถ้าใครกล้าข่มเหงพวกเจ้า ข้าจะต้องทวงความเป็นธรรมให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน!” เจ้าเมืองกล่าวอย่างหนักแน่น ดูเหมือนขุนนางที่เข้มงวดและมีใจเป็นธรรม คำพูดของเขาน่าฟังเป็นอย่างมาก
ผู้ลี้ภัยที่รู้สึกสำนึกในบุญคุณของเจ้าเมืองอยู่แล้วก็พากันแสดงความขอบคุณทันที
“ท่านเจ้าเมือง วางใจได้เจ้าค่ะ อันธพาลพวกนั้นโดนจัดการเรียบร้อยแล้ว!” ใครบางคนพูดด้วยความยินดี ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาชั่วร้ายที่แวบขึ้นมาในดวงตาของเจ้าเมืองเลย
เจ้าเมืองเหยียดหยันอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังแสดงสีหน้ายินดี “โอ้? ถูกจัดการแล้วหรือ? ข้าเพิ่งได้ข่าวว่ามีพวกอันธพาลมาสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน ก็เลยพาคนของข้ามาที่นี่เพื่อจับพวกมันไปเข้าคุก ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะสามารถจัดการได้เร็วขนาดนี้ แบบนี้ข้าก็โล่งอกแล้ว หวังว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บนะ?”
พวกผู้ลี้ภัยต่างแย่งกันเล่าให้เจ้าเมืองฟังถึงการกระทำของอันธพาลพวกนั้น แต่พอพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงชรากับหลานและผู้หญิงกับลูกชาย ใบหน้าของพวกเขาก็แฝงความรู้สึกผิดและละอายใจ
“ท่านเจ้าเมืองวางใจได้ เรื่องนี้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว นายน้อยจวินก็ส่งคนไปรักษาอาการบาดเจ็บของหญิงชราคนนั้นแล้ว”
เจ้าเมืองยิ้มและพยักหน้า หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไปทันที “ข้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนดูแลจัดการเรื่องนี้? จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของข้าที่เป็นเจ้าเมือง แล้วข้าก็ล้มเหลวไม่สามารถแก้ไขให้ทันเวลาได้ ดังนั้นข้าจึงอยากขอบคุณคนที่ช่วยพวกเจ้าทุกคนอย่างไม่เห็นแก่ตัวเป็นการส่วนตัวซะหน่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าเมือง ผู้ลี้ภัยสองคนก็กำลังจะเปิดปากพูด แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าของพวกเขาถูกคนอื่นที่อยู่ข้างหลังดึงเอาไว้ พวกเขาจึงปิดปากทันที ไม่มีใครกล้าเปิดเผยเบาะแสเกี่ยวกับผู้ร้ายตัวจริงที่ฆ่าหลิวเอ้อร์เลยแม้แต่น้อย