เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1207 กระทำการชั่วร้าย

แปลโดย iPAT

“เปรี้ยง!” ห่าวเจิ้นบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและยิงสายฟ้าออกมา

สายฟ้าควบรวมเป็นบอลสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีศัตรูของเขาด้วยความเร็วสูง

คู่ต่อสู้ของเขาคือผู้อมตะเผ่ามู่หลานที่มีมัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่งราวกับก้อนหิน เขามีดั้งจมูกกว้าง คางใหญ่ และหน้าผากเล็กซึ่งทำให้ศีรษะของเขาดูเหมือนรูปสามเหลี่ยม

เขาไม่ได้หลบบอลสายฟ้าและอนุญาตให้มันปะทะร่างกายของเขาโดยตรง

“บึม!”

บอลสายฟ้าระเบิดกระจายออกไปทั่วทุกหนทุกแห่งทำให้สายตาของผู้อมตะพร่าเลือนไปชั่วขณะ

หลังจากประกายสายฟ้าสลายไป ผู้อมตะเผ่ามู่หลานยังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน

มีจุดไหม้อยู่บนหน้าอกของเขาและมีควันสีขาวลอยขึ้นมา

แต่ผลกระทบของมันก็มีเพียงเท่านั้น

“นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้างั้นหรือ? เจ้าเผาขนหน้าอกของข้าได้บางส่วน มันมีพลังมากกว่าเดิมเล็กน้อย” ผู้อมตะเผ่ามู่หลานกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งโดยปราศจากความหงุดหงิดใดๆ

“เจ้า!” ดวงตาของห่าวเจิ้นราวกับสามารถพ่นไฟออกมาดแต่เขาไม่สามารถโต้แย้ง

ท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขากลับไม่มีผลต่อคู่ต่อสู้

“ยอดเยี่ยม!”

“เขาสมกับเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงด้านการป้องกันของภาคเหนืออย่างแท้จริง!”

“เผ่ามู่หลาน…ชายผู้นี้ไม่ได้โจมตีแต่การโจมตีของผู้อาวุโสห่าวเจิ้นกลับไม่ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย”

ผู้อมตะทั้งสองฝ่ายอุทานด้วยความประหลาดใจ

ฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง นี่เป็นการโจมตีฝ่ายธรรมะอย่างหนักหน่วง

เพื่อพลิกสถานการณ์และปลุกขวัญกำลังใจ กงหว่านถิงต้องส่งผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งของเผ่ามู่หลานออกมา

ชายร่างกำยำผู้นี้ก็คือมู่หลานกัง!

ชูตู๋ขมวดคิ้วอีกครั้ง

เขาลอบถอนหายใจ ‘เย่หลิวชุนซิงถูกสังหารไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังมีมู่หลานกัง ตระกูลฮวงจินสมกับเป็นเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือมาอย่างยาวนาน’

ห่าวเจิ้นยอมรับความพ่ายแพ้และกลับมาด้วยใบหน้าซีดขาว “ข้ารู้สึกละอายใจนักที่ไม่สามารถเติมเต็มความคาดหวังของท่าน”

ชูตู๋ปลอบใจด้วยคำพูดไม่กี่คำ

ฟางหยวนพึ่งจากไปแต่ชูตู๋ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจอีกครั้ง

เขามองผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังและพบว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถส่งออกไป

“ในความคิดเห็นของข้า คนที่แข็งแกร่งที่สุดของเราคือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง แต่ท่านไม่สามารถออกไปได้โดยง่าย ข้าคิดว่าท่านควรเรียกผู้อาวุโสหลิวกลับมา” หวังอู๋หมิงแนะนำ

ข้อเสนอของเขาได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะหลายคนทันที

“ถูกต้อง ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสหลิวไม่อาจหยั่งรู้ ข้าคิดว่าเขาจะสามารถสังหารมู่หลานกังอีกครั้ง!”

“ผู้อาวุโสหลิวสังหารเย่หลิวชุนซิงได้อย่างง่ายดาย การสังหารมู่หลานกังย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา”

“ลมหายใจมังกรดาบบรรพกาลของผู้อาวุโสหลิวทรงพลังเกินไป”

กระทั่งมู่หลานกังยังกล่าวว่า “จักรพรรดิอมตะอย่าส่งตัวละครเล็กๆออกมา นอกจากเจ้า ผู้เดียวที่สามารถต่อสู้กับข้า มู่หลานกัง มีเพียงหลิวกวนซื่อ ข้าขอแนะนำให้เจ้าส่งเขาออกมา ข้าต้องการสัมผัสกับพลังอำนาจของลมหายใจมังกร”

“บัดซบ! เขากำลังดูถูกพวกเรา!” เชาเหลาอู๋โกรธมาก

ห่าวเจิ้นกำหมัดแน่น “หากเป็นการต่อสู้สองต่อสอง พวกเราจะสามารถใช้เสียงคำรามของวายุสายฟ้ากวาดล้างพวกเขา!”

หลังจากเห็นพลังของฟางหยวน ความไม่พอใจในตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามและสี่ของห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ก็จางหายไป

ห่าวเจิ้นกล่าวเช่นนี้เพียงเพราะต้องการรักษาใบหน้าเท่านั้น

แท้จริงแล้วเขารู้ดีว่าท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของวายุสายฟ้าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้งาน พวกเขาต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเท่านั้น

เช่นเดียวกับการต่อสู้ที่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน พวกเขาสามารถใช้เสียงคำรามของวายสายฟ้าเพราะได้รับการปกป้องจากผู้อมตะคนอื่นๆ

ตอนนี้ทุกคนต่างคาดหวังให้ฟางหยวนปรากฏตัว

ฝ่ายของชูตู๋หวังว่าฟางหยวนจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขา

ฝ่ายธรรมะหวังว่าพวกเขาจะสามารถสังหารฟางหยวนเพื่อกอบกู้ใบหน้า

ชูตู๋หวังว่าฟางหยวจะออกไปต่อสู้อีกครั้ง

แต่ฟางหยวนไม่ได้ตอบกลับ

ชูตู๋ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นกับเรื่องนี้และไม่สามารถทำสิ่งใด

หลังจากทั้งหมดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางหยวนก็เป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น พวกเขามีสถานะที่เท่าเทียม

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ในห้องลับของเมืองเมฆา

ฟางหยวนนั่งไขว้ขาอยู่บนเสื่อและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่มิติช่องว่างของเขา

เขากำลังหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะให้เป็นลูกพลัมแดงอมตะ

วิธีการหลอมรวมนี้ได้รับความนิยมกันในกว้างขวางและไม่ใช่เรื่องใหม่

วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่รอบๆ

ภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณเหล่านี้ องุ่นเขียวอมตะค่อยๆหลอมรวมกันอย่างช้าๆ

ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ฟางหยวนมีลูกพลัมแดงอมตะที่เกิดจากการหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะจำนวนสองผล

‘หือ? ชูตู๋ส่งจดหมายมาอีกครั้ง มันยังเป็นมู่หลานกัง…นี่เป็นจดหมายฉบับที่หกแล้ว’ ความสนใจของฟางหยวนถูกเบี่ยงเบนเล็กน้อย

แต่หลังจากนั้นเขาก็โยนวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลทิ้งไปอย่างไม่แสแยและไม่ตอบกลับ

งานประลองทุ่งโลหิตอันใด! ข้าไม่สน!

สัญญาพันธมิตรระหว่างฟางหยวนกับนิกายชูหละหลวมมาก นอกเหนือจากหลักการพื้นฐานบางอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องทำงานใดๆให้กับนิกาย เขากระทั่งสามารถออกจากนิกายชูได้โดยสมัครใจและจะไม่ได้รับผลกระทบย้อนกลับใดๆทั้งสิ้น

แล้วงานประลองทุ่งโลหิตคือสิ่งใด?

ฟางหยวนรู้ว่ามันเป็นการประนีประนอมทางการเมือง

นี่เป็นการต่อสู้ที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวงสองผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือตกลงกันและสร้างมันขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้ง จุดประสงค์หลักของมันคือเพื่อทำให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่สูญเสียผลประโยชน์มากเกินไป

เหยากวงรู้อย่างชัดเจนว่าตั้งแต่เผ่าไป่ซูก่อตั้งขึ้นแล้ว มันก็ไม่สามารถถูกทำลาย อย่างน้อยเหยากวงเพียงผู้เดียวก็ไม่สามารถทำได้

เพราะฝ่ายตรงข้ามคือผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ตราบเท่าที่เขายังอยู่ เผ่าไป่ซูก็ยังมั่งคงแข็งแกร่งราวกับหินผา

เว้นเพียงถ้ำสวรรค์นิรันดรจะส่งบางคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดออกมาเป็นกำลังเสริม

เมื่อเหยากวงได้รับคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร เขาไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตาม สิ่งที่เขาต้องการทำคือการไกล่เกลี่ย

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่ต้องการสร้างความยุ่งยากให้กับกองกำลังตระกูลฮวงจิน เขาสร้างเผ่าของตนเองขึ้นมาและต้องการอยู่อย่างสันติ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงทำได้เพียงเผชิญหน้ากับการรุกรานของกองกำลังตระกูลฮวงจิน

มีเพียงการจัดงานประลองเช่นนี้ที่จะทำให้พวกเขาไม่ต้องต่อสู้ล้มตายกันทั้งหมด

ชูตู๋เข้าใจความคิดของทั้งสอง แต่เขาถูกบีบให้อยู่ตรงกลางและเผชิญหน้ากับผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ หากเขาทำงานได้ดี นิกายชูจะได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หากไม่ นิกายชูจะถูกทำลาย อย่างไรก็ตามการสูญเสียของพวกเขาก็ยังไม่น่าเป็นกังวล

จากมุมมองของถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาไม่ต้องการเห็นสายเลือดอื่นปะปนอยู่ในฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ พวกเขายิ่งไม่อยากเห็นการดำรงอยู่ของนิกายชู ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์กับระบบสายเลือดเป็นอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน พวกเขาต้องระวังไม่ให้เกิดความสัมพันธ์ระบบอื่น

ถ้ำสวรรค์นิรันดรตระหนักอย่างชัดเจนว่าเมื่อระบบอาจารย์กับศิษย์แพร่กระจายออกไป ระบบสายเลือดจะสั่นคลอนและส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตระกูลฮวงจินเป็นอย่างมาก

ภาคกลางเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของเรื่องนี้

‘แต่ถ้ำสวรรค์นิรันดรกำลังฝันหากพวกเขาต้องการใช้ชื่อเสียงเพื่อทำลายกองกำลังพันธมิตรระหว่างนิกายชูกับเผ่าไป่ซู’

‘เว้นเพียงพวกเขาจะมีความเด็ดขาดและส่งผู้อมตะระดับแปดออกมาสังหารจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู’

‘โลกใบนี้ความแข็งแกร่งคือกฎ’

‘เผ่าไห่ไม่มีผู้อมตะระดับแปด ขณะเดียวกันพวกเขาก็สูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เผ่าไห่ล่มสลาย กระทั่งสหายตระกูลฮวงจินก็ยังพยายามเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพวกเขา’

‘เผ่าไป่ซูเป็นคนนอกที่ไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน แต่การคงอยู่ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูทำให้สถานการณ์แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง’

‘ความแข็งแกร่ง…ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่ง…’

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

การบ่มเพาะระดับเจ็ด นี่คือความสำเร็จ แต่สำหรับฟางหยวน มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

‘งานประลองทุ่งโลหิตไม่อยู่ในความสนใจของข้า’

‘ข้ามีมิติช่องว่างที่ยิ่งใหญ่และสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติและยกระดับความแข็งแกร่ง นี่เป็นการบ่มเพาะทางลัดที่เต็มไปด้วยเลือดและการฆ่าฟัน…แต่ข้าชอบมัน’

‘ข้าต้องการให้ทั้งโลกวุ่นวาย ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งดี!’

‘สงครามห้าภูมิภาคยังต้องรออีกสี่ร้อยปี มันยาวนานเกินไป ข้าไม่สามารถรอให้เวลานั้นมาถึง’

‘ข้าต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้พวกเขาต่อสู้กัน งานประลองทุ่งโลหิตยังอ่อนโยนเกินไป พวกเขาสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้มากเพียงใด? หากไม่มีคนตาย มันก็ไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์’

‘สำหรับนิกายหลางหยาและพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ฮ่าฮ่า หากข้าปล่อยข่าวออกไป ผู้อมตะภาคเหนือจะทำเช่นไร น่าเสียดายที่ข้าถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตร กระทั่งท่าไม้ตายอมตะไม่สนใจก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ’

ความกังวลของฟางหยวนมีเพียงหนึ่งเดียวคือโลกจะไม่วุ่นวาย

ความคิดชั่วปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาไม่มีความตั้งใจที่จะไปที่ทุ่งโลหิตอีก

เขาจะตอบสนองความคาดหวังของนิกายชูเพื่อสิ่งใด

ฟางหยวนต้องทุ่มเทความพยายามเพื่อสังหารเย่หลิวชุนซิง หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาอาจหมดโอกาส หลังจากทั้งหมดคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังอยู่ที่นั่นและพวกมันไม่ใช่ของประดับฉาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่หลานกัง เขาเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฟางหยวนที่จะเอาชนะโดยไม่ต้องกล่าวถึงการสังหาร

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น ฝ่ายของชูตู๋ก็พ่ายแพ้มาแล้วหลายครั้งขณะที่ฝ่ายธรรมะแพ้เพียงหนึ่งในสาม

ฮ่าฮ่า จะเกิดความขัดแย้งภายในหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างแน่นอน

นี่เป็นสิ่งที่มักเกิดขึ้นในกองกำลังฝ่ายธรรมะ

ฟางหยวนเคยคิดที่จะไปภาคใต้

ก่อนนหน้านี้เขาปรับเปลี่ยนแผนการบ่มเพาะและทุ่มเทความพยายามกับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝัน

มันเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้

แต่หลังจากไตร่ตรองอีกครั้ง เขารู้สึกว่างานประลองทุ่งโลหิตเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

นอกจากนี้อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ยังถูกยึดครองโดยกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ฟางหยวนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าไปโดยไม่เปิดเผยตัวตน

ดังนั้นหลังจากที่ฟางหยวนหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะทั้งหมดให้กลายเป็นลูกพลัมแดง เขาก็ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและไปถึงอาณาเขตของเผ่าหลิว

เขากำลังจะกระทำการชั่วร้าย!