เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1208 ด้วยอาวุธสังหารที่อยู่ในมือ

แปลโดย iPAT

ภาคเหนือ สุสานกระดูก

ที่นี่เต็มไปด้วยกระดูกสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน

มันดูราวกับเนินเขาสีขาว กระดูกส่วนใหญ่ถูกกัดกร่อนและย่อยสลายไปแล้วตามธรรมชาติ เหลือเพียงกระดูกที่แข็งแกร่งของสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลเท่านั้นที่ยังอยู่

แต่กระดูกบางส่วนก็มีลักษณะพิเศษ บางส่วนเป็นสีเหลือง บางส่วนส่องแสงสีม่วงออกมา และบางส่วนมีควันพิษอยู่รอบๆ

ผู้อมตะหลิวหยงกำลังตรวจสอบพวกมัน

เขาเป็นผู้อมตะระดับหกเผ่าหลิวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลฮวงจิน

ตอนนี้เขาอยู่กับสุนัขเกราะกระดูกเดียวดายและกำลังค้นหากระดูกที่เขาต้องการ

มีเรื่องเล่าหลายเรื่องเกี่ยวกับต้นกำเนิดของสุสานกระดูก

บางคนกล่าวว่าในยุคโบราณ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสที่ยิ่งใหญ่สองคนต่อสู้กันส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตของสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลเป็นจำนวนมาก

บางคนบอกว่านี่คือสุสานของสัตว์อสูรประเภทกระดูก เมื่อสัตว์อสูรประเภทกระดูกตระหนักว่าอายุขัยของพวกมันกำลังจะสิ้นสุดลง พวกมันจะนำตนเองมาตายที่นี่

บางคนคาดเดาว่านี่เป็นสถานที่หลอมรวมวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมในยุคโบราณ หลังจากหลายปี มันจึงอยู่ในสภาพนี้

แต่ไม่ว่าต้นกำเนิดของสุสานกระดูกจะเป็นอย่างไร ที่นี่ก็เต็มไปด้วยกระดูกของสัตว์อสูร

สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าหลิว พวกเขาพัฒนามันและทำให้มันกลายเป็นแหล่งผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งกระดูก

ทุกปีหลิวหยงจะมาที่นี่และคัดเลือกกระดูกที่เหมาะสมเพื่อเป็นอาหารให้กับสุนัขเกราะกระดูกเดียวดายของเขา

“กระดูกสีขาวชิ้นนี้ดูเหมือนจะเป็นกระดูกของอสรพิษนิ่ม มันใช้ไม่ได้ หากกินเข้าไป กระดูกก็จะนิ่มและไม่สามารถป้องกัน”

“นี่เป็นวิญญาณประเภทพิษ สุนัขเกราะกระดูกไม่สามารถต้านพิษที่รุนแรง พวกมันจะตายหากกินสิ่งนี้เข้าไป”

“กระดูกชิ้นนี้ไม่เลว ดูเหมือนมันจะเป็นกระดูกของกิ้งก่าผิวเหล็ก แม้มันจะไม่ดีที่สุด แต่มันก็เพียงพอเพราะมันมีความสามารถในการอดทนต่อแรงกระแทก”

หลิวหยงตรวจสอบและพบกระดูกที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดเขาก็นำกระดูกหกชิ้นมาวางไว้ด้านหน้าสุนัขเกราะกระดูกเดียวดายของเขา

ขณะที่เขาเอนกายนอนอยู่บนกะโหลกศีรษะขนาดใหญ่และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“วันนี้อากาศดีจริงๆ” เขามองท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆขณะที่สายลมอ่อนๆพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเขาและทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก

“หือ? เผ่าส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลมาที่นี่งั้นหรือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาค้นพบบางสิ่ง

เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนและตรวจสอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึงความก้าวหน้าของเผ่าหลิวในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ต่อไปคือข่าวลือและการเคลื่อนไหวของผู้เชี่ยวชาญที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้

ในที่สุดก็มาถึงประเด็นสำคัญ นั่นคือข้อมูลเกี่ยวกับงานประลองทุ่งโลหิต

“มู่หลานกังเอาชนะแปดรอบติดต่อกัน!”

“อย่างไรก็ตามระหว่างการต่อสู้ทุกรอบเขาต้องพักฟื้นเป็นเวลาสองชั่วโมง เขาไม่เหมือนเย่หลิวชุนซิงที่สามารถต่อสู้ติดต่อกัน”

“ข้าได้ยินมาว่ามู่หลานกังมีวิธีการป้องกันที่น่าทึ่ง แต่ค่าใช้จ่ายของมันก็ไม่น้อยเช่นกัน”

“เห้อ…เมื่อกล่าวถึงเย่หลิวชุนซิง น่าเสียดายที่เขาถูกสังหารโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชู การลอบโจมตีนั่นเป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างแท้จริง!”

ตระกูลฮวงจินเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ เมื่อพวกเขาเผยแพร่ข้อมูลออกไป พวกเขาย่อมกล่าวถึงมันด้วยมุมมองของตนเอง แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมือง

แม้ข้อมูลจะไม่ผิดแต่วิธีการกล่าวถึงเรื่องเหล่านั้นกลับทำให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

ในจดหมายยังกล่าวถึงความแข็งแกร่งของฟางหยวนและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลของเขา นอกจากนั้นพวกเขายังไม่ลืมที่จะกล่าวถึงความไร้ยางอายอันเป็นที่สุดและความเจ้าเล่ห์ของฟางหยวนอีกด้วย

ตัวตนของหลิวกวนซื่อที่ฟางหยวนใช้กลายเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดของโลกผู้อมตะภาคเหนือที่ไม่รู้จักเขา แม้แต่องค์ชายฟงเซี่ยนและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับเขา หรือกระทั่งภูมิภาคอื่นก็ได้ยินเรื่องราวของหลิวกวนซื่อเช่นกัน

หลังจากแสดงความโกรธและเย้ยหยันหลิวกวนซื่อ หลิวหยงก็ถอนหายใจกับตนเอง

“ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส ข้าไม่เหมาะกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัว”

“เมื่อใดกันที่ข้าจะมีชื่อเสียงเช่นนี้บ้าง”

“บางทีวันหนึ่งข้าอาจเอาชนะหลิวกวนซื่อและท้าทายจักรพรรดิอมตะชูตู๋ หากเป็นเช่นนั้นมันจะยอดเยี่ยมมาก!”

ขณะที่จิตใจของหลิวหยงกำลังล่องลอยออกไป เสียงระเบิดกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“บึม!”

พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” กะโหลกศีรษะยักษ์ที่อยู่ด้านล่างหลิวหยงหลุดออกจากโครงกระดูกส่วนร่างกายเนื่องจากแรงสั่นสะเทือน

หลิวหยงรีบบินขึ้นสู่อากาศ “ค่ายกลวิญญาณกำลังถูกโจมตี บางคนบุกโจมตีอาณาเขตของเผ่าหลิวงั้นหรือ!?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิวหยงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้

เผ่าหลิวเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะของตระกูลฮวงจิน พวกเขาเป็นกองกำลังที่ปกครองภาคเหนือทั้งหมด

โดยเฉพาะหลังจากเผ่าไห่ที่เป็นคู่อริของพวกเขาล่มสลาย อนาคตของเผ่าหลิวยิ่งสดใส แล้วผู้ใดจะกล้าโจมตีอาณาเขตของเผ่าหลิว

ผู้ใดที่มีความกล้าเช่นนี้?

หลิวหยงโกรธและดีใจเล็กน้อย “โชคดีที่ข้ามาที่นี่เพื่อหาอาหารให้กับสุนัขเกราะกระดูกของข้า ฮ่าฮ่า เจ้าโจรชั่ว เจ้าช่างโชคร้ายนักที่พบกับข้า…หือ?”

ในเวลาต่อมาหลิวหยงก็มองเห็นผู้บุกรุก

หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นมันคือมังกร

มังกรดาบบรรพกาล!

การปรากฏตัวของมันทำให้ร่างของหลิวหยงสั่นสะท้านขึ้น

“โอ้ ดูเหมือนสมาชิกเผ่าหลิวจะอยู่ที่นี่ ข้าโชคดีจริงๆ” มังกรดาบบรรพกาลกล่าวด้วยภาษามนุษย์และปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรงออกมาจากดวงตา

“หลิวกวนซื่อ?” หลิวหยงตะลึง

เขารู้สึกอยากจะร้องไห้

หัวใจของเขาเต้นแรง ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุม เขากรีดร้องอยู่ภายใน ‘ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ หลิวหยง เจ้าทำได้!”

แต่อีกความคิดหนึ่งกลับปรากฏขึ้นในใจของหลิวหยงอย่างรวดเร็ว ‘เขาคือหลิวกวนซื่อ กระทั่งเย่หลิวชุนซิงยังตายอยู่ในกำมือของเขา เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และไร้ยางอาย แต่ข้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกตัวเล็กๆ!”

“ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ ถูกต้อง หลิวกวนซื่อเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชู นิกายชูเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ เช่นนั้นหลิวกวนซื่อก็ต้องเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ในฐานะสมาชิกฝ่ายธรรมะ เขาจะโจมตีพวกเราโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร? การโจมตีพวกเราเพื่อความมั่งคั่งเป็นการกระทำของปีศาจ!”

หลิวหยงพยายามวิเคราะห์สถานการณ์

แต่เสียงอีกสายหนึ่งยังกรีดร้องอยู่ในใจของหลิวหยง “แล้วเหตุใดหลิวกวนซื่อไม่อยู่ในงานประลองทุ่งโลหิตแต่มาที่นี่? เขาทำลายค่ายกลวิญญาณของเผ่าหลิว ชัดเจนว่าเขามีเจตนาร้าย!”

แม้หลิวหยงจะมีความกล้าหาญอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาหวาดกลัวอย่างมาก เขาเริ่มกล่าวตะกุกตะกัก “ผู้อาวุโสหลิว เหตุใดท่านถึงมาที่นี่…”

“แน่นอน มันคือการ…” ฟางหยวนจงใจลากเสียง

“คือสิ่งใด?” หลิวหยงถาม

คำตอบของฟางหยวนไม่ใช่คำพูดแต่เป็นลมหายใจมังกร

ลมหายใจมังกรดาบบรรพกาลที่มีวิญญาณอมตะลมหายใจมังกรระดับเจ็ดเป็นแกนกลางถูกยิงออกไป

ร่างกายส่วนบนของหลิวหยงถูกตัดออกทันที

เลือดสดๆพุ่งกระจายลงบนกระดูกสีขาวและกลายเป็นฉากที่น่าสยดสยอง

ร่างของหลิวหยงแยกออกเป็นสองส่วนอยู่บนพื้นขณะที่ดวงตาของเขายังเบิกกว้าง

‘สหายที่ไร้ประโยชน์ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ตระกูลฮวงจินอยู่ในอำนาจมานานเกินไป เป็นธรรมดาที่จะมีสิ่งเน่าเสียอยู่ภายในเช่นเดียวกับนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลาง’ ฟางหยวนวิเคราะห์

“โฮ่ง โฮ่ง!”

สุนัขเกราะกระดูกเดียวดายเห่าใส่ฟางหยวนด้วยความโกรธเกรี้ยว

เจ้านายของมันตายไปแล้วแต่ทั้งสองมีความผูกพันที่ยาวนาน ดังนั้นมันจึงปกป้องศพของเจ้านายโดยหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหยวนต้องให้คะแนนประเมินหลิวหยงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ‘ดูเหมือนเขาจะเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายได้ดี น่าเสียดายที่มันไม่มีความฉลาดของผู้อมตะ เพียงสัตว์อสูรเดียวดายระดับหกจะทำสิ่งใดได้?’

ฟางหยวนเย้ยหยันขณะบินลงไป

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีสิ่งใดอยู่นอกเหนือความคาดหมาย

หนึ่งชั่วโมงต่อมา สุนัขเกราะกระดูกเดียวดายก็นอนอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน

สุนัขเกราะกระดูกเดียวดายปรากฏตัวขึ้นในจังหวะนี้ดี ตอนนี้ฟางหยวนกำลังต้องการสุนัขอสูรเดียวดายและใช้อึของพวกมันเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข

นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกของสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลอีกมากมาย

ฟางหยวนวางพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นการชั่วคราว

สุดท้ายศพของหลิวหยงก็ถูกผนึกและเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเช่นกัน

แดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวหยงเหมาะสมสำหรับฟางหยวน

ดวงวิญญาณของหลิวหยงก็ยังอยู่และมีคุณค่า แม้มันจะอ่อนแอมากหลังจากถูกโจมตีโดยลมหายใจมังกรก็ตาม

ฟางหยวนคิด ‘หลิวหยงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส เส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเป็นเส้นทางที่มีความใกล้ชิด เพื่อสะกดข่มสัตว์อสูร พวกเขาต้องมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง’

ฟางหยวนออกจากจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก

มีเพียงค่ายกลวิญญาณที่พังทลาย สุสานกระดูกที่ว่างเปล่า และร่างครึ่งบนของหลิวหยงเท่านั้นที่เหลืออยู่

‘สถานที่ต่อไป ถ้ำแสงมรกตของเผ่าหลิว’

ฟางหยวนเลียริมฝีปากของตนด้วยความตื่นเต้น

เขาเพิ่งก่อคดีฆาตกรรมแต่ตอนนี้เขากลับไม่ถอยและยังต้องการก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้น!

ดังคำกล่าว ด้วยอาวุธสังหารที่อยู่ในมือ ความต้องการฆ่าจะพุ่งสูงขึ้น

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลที่แข็งแกร่ง พลังอำนาจของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่ต้องเกรงกลัวผู้อื่นอีกต่อไป