เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1209 ปล้นต่อ

แปลโดย iPAT

ร่างหนึ่งบินอยู่กลางอากาศด้วยความเร็วสูง

มันคือฟางหยวน

ตอนนี้เขาอยู่ในร่างมังกรดาบพรรพกาลและยังกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

เร็วมาก!

ย้อนกลับไปขณะที่เขาสังหารเย่หลิวชุนซิง แทบไม่มีผู้ใดสามารถตอบสนอง

แน่นอนว่าการระเบิดความเร็วอย่างกะทันหันในเวลานั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าตกใจ แต่ตอนนี้ฟางหยวนกำลังเดินทางไกล ดังนั้นความเร็วของเขาจึงลดลงเล็กน้อย

แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเร็วมาก

‘ความเร็วของข้าอยู่ในระดับแนวหน้าของโลกผู้อมตะภาคเหนือ แน่นอนว่าข้ายังไม่สามารถแข่งขันกับฮุ้ยฟงซื่อ แต่ความเร็วของชูตู๋ต่ำกว่าข้าแล้ว’

ฮุ้ยฟงซื่อได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่รวดเร็วที่สุดของภาคเหนือเพราะครั้งหนึ่งเขาสามารถหลบหนีจากการจับกุมของผู้อมตะระดับแปด

ตอนนี้ฟางหยวนยังด้อยกว่าฮุ้ยฟงซื่อ

สำหรับชูตู๋ ความเร็วของเขาเหนือกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติในแง่ของทางตรง

เมื่อฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลเพิ่มเติมด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ช่วยเพิ่มพลังอำนาจของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ความเร็วในปัจจุบันของฟางหยวนจึงเหนือกว่าชูตู๋

โดยไม่ต้องกล่าวถึงข้อบกพร่องของท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวของชูตู๋ที่ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทาง

‘เปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปด มันจะเป็นอย่างไร?’ ฟางหยวนตั้งคำถามในใจ

แต่เขาก็ส่ายศีรษะทันที

ผู้อมตะระดับแปดมีพลังอำนาจที่ไม่สามารถหยั่งรู้ หากพวกเขาต้องการไล่ล่า ฟางหยวนจะตกอยู่ในอันตราย การระเบิดความเร็วเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น หากเป็นการไล่ล่าระยะไกล มันจะกลายเป็นไร้ประโยชน์

และวิธีไล่ล่าไม่ใช่เรื่องของความเร็วเท่านั้น ผู้อมตะระดับแปดมีวิธีการที่หลากหลาย พวกเขาสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่ง ท่าไม้ตายระยะไกล และอื่นๆ

‘ข้าพึ่งทำลายสุสานกระดูกของเผ่าหลิวและยังสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสของเผ่าหลิว หลิวหยง ตอนที่เขายังมีชีวิต เขาต้องแจ้งข่าวกลับไปที่เผ่าหลิวเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเผ่าหลิวจะส่งผู้อมตะออกมาไล่ล่าข้า’

‘อย่างไรก็ตามผู้อมตะที่แข็งแกร่งของเผ่าหลิวล้วนอยู่ในงานประลองทุ่งโลหิต ผู้อมตะที่เหลือกระจายตัวอยู่ตามแหล่งทรัพยากรต่างๆของเผ่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะส่งบางคนออกมาจัดการกับผู้เชี่ยวชาญเช่นหลิวกวนซื่อ’

‘หลังจากพวกเขาไปที่สุสานกระดูก พวกเขายังต้องใช้เวลาตรวจสอบก่อนจะไล่ล่ข้า พวกเขาย่อมคิดว่าข้ากำลังล่าถอย แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะไปปล้นถ้ำแสงมรกตของพวกเขา’

‘ขณะที่พวกเขากำลังเสียเวลาตรวจสอบ ข้าสามารถปล้นชิงทรัพยากรทั้งหมดของถ้ำแสงมรกต’

ฟางหยวนรวบรวมข้อมูลเอาไว้มากมาย แหล่งทรัพยากรของกองกำลังขนาดใหญ่ไม่ใช่ข้อมูลลับ ผู้อมตะส่วนใหญ่รู้จักพวกมันเป็นอยางดี ตัวอย่างเช่นสุสานกระดูก

ฟางหยวนสนใจถ้ำแสงมรกตของเผ่าหลิวมาก

เหตุผลเป็นเพราะวิญญาณทัศนคติ

อาหารของวิญญาณทัศนคติคือธารแสงหลากสี

ฟางหยวนซื้อผลไม้แสงจำนวนมากมาจากสวรรค์สีเหลือง เขาปลูกพวกมันไว้เพื่อผลิตธารแสงหลากสี

นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการดูแล

และในถ้ำแสงมรกตมีวิญญาณบนเส้นทางแห่งแสงทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นวิญญาณแสงมรกต วิญญาณแสงสะท้อน วิญญาณศรแสง วิญญาณดูดแสง หรือวิญญาณแสงสีต่างๆเช่นวิญญาณแสงสีฟ้า วิญญาณแสงสีแดง วิญญาณแสงสีดำ และอื่นๆ

ฟางหยวนต้องแข่งขันกับเวลาเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามได้รับการแจ้งเตือนแล้ว

‘มีก้อนเมฆอยู่ด้านหน้า’ ความปิติยินดีปรากฏขึ้นในดวงตาของมังกรดาบบรรพกาล

ตอนนี้เขาใกล้จะถึงถ้ำแสงมรกตแล้ว ก้อนเมฆเหล่านี้สามารถปกปิดร่องรอยของเขา

‘โชคดีที่มีก้อนเมฆอยู่ที่นี่ หากผู้อมตะเผ่าหลิวที่ปกป้องถ้ำแสงมรกตประมาท ข้าจะสามารถลอบโจมตี’

ฟางหยวนบินเข้าไปในก้อนเมฆด้วยความคาดหวัง

กลุ่มเมฆหมอกหนาทึกช่วยปกปิดร่างกายของมังกรดาบบรรพกาลเอาไว้อย่างสมบูรณ์

แต่ความจริงมักไม่เป็นไปตามความหวังของผู้คน

ผู้อมตะเผ่าหลิว หลิวลั่วที่ปกป้องถ้ำแสงมรกตตระหนักถึงบางสิ่ง ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น “ศัตรู!”

หลิวลั่วมีอายุเกือบสองร้อยปี แต่ร่างกายของนางยังเหมือนเด็กสาวที่น่ารักและบอบบาง

ตอนนี้นางตื่นตัวมาก

หลังจากทั้งหมดเผ่าหลิวได้ส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังผู้อมตะทุกคนของเผ่าเรียบร้อยแล้ว

ค่ายกลวิญญาณที่ปกป้องถ้ำแสงมรกตไมมีวิญญาณอมตะเป็นแกนกลาง ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย

‘มันคือหลิวกวนซื่อ เขาไม่หนีแต่มาโจมตีถ้ำแสงมรกต!’ หลิวลั่วทั้งโกรธและตกใจมาก

‘ข้าไม่สามารถหลบหนี ความเร็วของข้าไม่สามารถแข่งขันกับมังกรดาบบรรพกาล’

‘โชคดีที่ข้าปลูกเมล็ดพันธุ์มากมายไว้ที่นี่ ข้าต้องอดทนและรอกำลังเสริม!’

‘ท่านพี่ มาช่วยข้าเร็วเข้า…’

หลิวลั่ววิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว นางพึมพำขณะที่เถาวัลย์หลายสิบเส้นที่ดูคล้ายอสรพิษจะพุ่งขึ้นมาจากพื้น

จากนั้นพวกมันก็เกี่ยวพันกันและก่อตัวเป็นร่มขนาดใหญ่ปกคลุมที่พื้นที่รอบๆตัวนางเอาไว้

หลิวลั่วซ่อนตัวอยู่ในป่า

‘ดูเหมือนพวกเขาจะค่อนข้างระวังตัว’ ฟางหยวนตระหนักว่าหลิวลั่วหายไปจากการรับรู้ของเขา

‘ผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งไม้…แต่ป่าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน มันค่อนข้างลำบากในการจัดการ’ ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลำบาก

เพราะป่าแห่งนี้คือท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ

หลิวลั่วเป็นผู้อมตะระดับหกแต่นางมีท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ นี่เป็นสิ่งที่ไม่ปกติ

แต่ฟางหยวนไม่รู้สึกแปลกใจ

จากการค้นวิญญาณของหลิวหยง ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมาย เผ่าหลิวมีผู้อมตะคู่พี่น้องหลิวเจิ้งและหลิวลั่ว ทั้งสองได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากบิดาของพวกเขากระทั่งกลายเป็นผู้อมตะ

หลิวเจิ้งเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พลังการต่อสู้ของเขาไม่ด้อยกว่าเย่หลิวชุนซิง แต่เนื่องจากเขาติดภารกิจกำจัดฝูงอสูรโคลนที่บ่อโคลนของเผ่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมในงานประลองทุ่งโลหิต

หลิวเจิ้งมีทั้งความแข็งแกร่งและสถานะที่สูงสุดโดยเฉพาะเมื่อเผ่าหลิวไม่มีผู้อมตะระดับแปด

หลิวเจิ้งให้ความสำคัญกับหลิวลั่วน้องสาวของเขามาตั้งแต่เด็ก

ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ของหลิวลั่วก็ได้รับมาจากหลิวเจิ้ง

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจไม่เข้าไปในเขตแดนของหลิวลั่วแต่พุ่งตรงไปจับวิญญาณป่าจำนวนนับไม่ถ้วน

หลิวลั่วมองหลิวกวนซื่อปล้นสะดมทรัพยากรด้วยความโกรธและอับอาย

‘หลิวกวนซื่อผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก!’

‘เขากล้าสังหารผู้อมตะเผ่าหลิวของข้าและกระทั่งปล้นชิงทรัพยากรของเรา!’

‘น่าเสียดายที่ข้ามีพลังไม่พอ มิฉะนั้นข้าจะทำให้เขาต้องชดใช้!’

หลิวลั่วซ่อนตัวอยู่ในท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของนางและไม่แสดงตัวออกมา

แม้ฟางหยวนจะจากไปแล้ว นางก็ยังไม่กล้าเปิดเผยร่องรอยของตน

ไม่นานหลังจากนั้นแสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นผู้อมตะชายผู้หนึ่ง

เขามีรูปร่างผอมสูงและมีใบหน้าคมคายแต่เขากำลังแสดงออกด้วยความวิตกกังวลและความโกรธเกรี้ยว

“ท่านพี่!” หลิวลั่วปรากฏตัวขึ้นเมื่อเห็นคนผู้นี้

“น้องสาว เจ้าปลอดภัย! ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก!” เมื่อเห็นหลิวลั่วสบายดี เขาจึงสามารถผ่อนคลาย

หลิวลั่วดีใจเช่นกันแต่นางยังระวังตัวมาก “ท่านพี่บอกรหัสลับของเราก่อนที่ข้าจะให้ท่านเข้ามา”

ไม่มีปัญหาหลิวเจิ้งสามารถเข้าไปในเขตแดนอมตะและพบกับน้องสาวของเขาได้ในที่สุด

“น้องสาว เจ้าต้องตกใจมากใช่หรือไม่? อย่ากังวล พี่ชายของเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว”

“ท่านพี่ หลิวกวนซื่อผู้นั้นชั่วร้ายมาก เขาปล้นวิญญาณทั้งหมดในถ้ำแสงมรกตไปโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ดวงเดียว ข้าปกป้องพวกมันไม่สำเร็จ เผ่าต้องลงโทษข้าอย่างแน่นอน”

“อย่ากังวล ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะปกป้องเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น” หลิวเจิ้งกล่าวกับน้องสาวของเขา

เขาวางมือบนศีรษะของหลิวลั่วและปลอบใจ “พี่ชายจะไปฆ่าคนชั่วผู้นี้และล้างแค้นให้กับเจ้า”

ในความเป็นจริงเขาถูกเผ่าส่งมาเพื่อจับกุมฟางหยวนตั้งแต่แรก

ความแข็งแกร่งของหลิวเจิ้งไม่ด้อยกว่าเย่หลิวชุนซิง เขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งแสงและมีความเร็วในการเคลื่อนที่

ผู้อมตะที่มีข้อได้เปรียบด้านความเร็วสามารถต่อสู้หรือล่าถอยได้ตามใจปรารถนา

ในขณะที่พี่น้องกำลังพูดคุย ผู้อมตะเผ่าหลิวอีกสองคนก็มาถึง

ฟางหยวนฆ่าหลิวหยงและปล้นทรัพยากรของเผ่าหลิว เรื่องนี้ทำให้เผ่าหลิวโกรธมาก

พวกเขาไม่เพียงส่งหลิวเจิ้งออกมาแต่ยังส่งผู้อมตะอีกสองคนมาเพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ

“สวรรค์! ทรัพยากรในถ้ำแสงมรกตถูกปล้นไปหมดแล้ว!”

“ฆ่าเขา! เราต้องฆ่าเขา มิฉะนั้นความโกรธของเผ่าหลิวจะไม่มีวันสงบ!”

ผู้อมตะที่มาใหม่สองคนกรีดร้อง

“หุบปาก! พวกเจ้ากำลังทำให้น้องสาวของข้าตกใจ!” หลิวเจิ้งเงยหน้าตะโกน

ผู้อมตะทั้งสองของเผ่าหลิวลดระดับเสียงลงทันที

หนึ่งในสองมีทักษะในการสืบสวน เขาพบร่องรอยของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว “เขาหนีไปทางนั้น ตามไป!”

“พวกเจ้าไปก่อน ข้าจะพาน้องสาวของข้ากลับบ้าน” หลิวเจิ้งกล่าว

ผู้อมตะอีกสองคนรู้สึกมึนงง “ไปกลับ ท่านจะใช้เวลานานเพียงใด หากเราไม่เริ่มไล่ล่าตอนนี้ เราอาจตามเขาไม่ทัน”

“เช่นนั้นหากหลิวกวนซื่อย้อนกลับมาและทำร้ายน้องสาวของข้าจะทำอย่างไร? หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับนาง ข้าจะจัดการพวกเจ้า!” หลิวเจิ้งตะโกนเสียงดัง

“พี่ชายของข้ายอดเยี่ยมที่สุด!” หลิวลั่วมีความสุขมาก

ผู้อมตะเผ่าหลิวสองคนมองหน้ากันและสามารถมองเห็นความขมขื่นในดวงตาของแต่ละคน