ตอนที่ 311 ดาบคืนสนอง
ตอนที่ 311 ดาบคืนสนอง

“ช้าก่อน! พ่อหนุ่มเจ้าคงยังไม่รู้อะไร!” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มและผลักดาบที่จ่ออยู่บริเวณคอตนเองออกช้า ๆ นางเลิกคิ้วเล็กน้อย และกล่าวว่า “เกลือของเราในตอนนี้เป็นเกลือที่ถูกที่สุดในเมืองหลวงแล้ว! ราคาสองตำลึงต่อหนึ่งชั่งเท่านั้นเอง”

“เฮอะ! ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่รู้หนังสือและกฎบ้านกฎเมืองเสียต่างหาก!” พ่อบ้านพูดออกมาอย่างเฉยชา เหลือบไปมองซูหวานหว่านแล้วส่งสัญญาณให้ดูป้ายที่ติดเอาไว้ข้างประตู ‘จวนแม่ทัพเหนียน’ แล้วพูดออกมาว่า “เกลือเหล่านี้ต้องถูกอนุญาตเท่านั้นจึงจะสามารถขายได้ เจ้าไม่ใช่พ่อค้าขายเกลือโดยตรง? เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาลักลอบขายเกลือเช่นนี้ มีความผิดถึงขั้นตัดหัวเชียวนะ เจ้ายังมีหน้ามาขายที่บ้านแม่ทัพเหนียนอีก ระวังดาบของข้าเอาไว้ บางทีอาจจะพลาดท่าทำให้เจ้าตายได้”

“พ่อหนุ่ม เจ้าไม่ควรพูดจาเช่นนี้นะ!” ซูหวานหว่านเอ่ย และทำท่าจะร้องไห้ออกมาเล็กน้อย ถ้าคนอื่นมองก็คงเห็นแค่ชายชราแก่คนหนึ่งที่ร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น และเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา

ซูหวานหว่านจึงกล่าวเสริมออกมาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ เมืองหลวงนี้แทบจะไม่มีเกลือแล้ว! ดูเหมือนว่าเกลือในทุกครัวเรือนจะหายไปในชั่วข้ามคืน แม้แต่ตระกูลเฉียนก็แทบไม่มี! ถ้าเจ้าออกไปกินข้าวนอกบ้านในตอนนี้ก็แทบจะไม่ได้รสชาติของเกลือเลย เกลือเหล่านี้เป็นเกลือที่ข้าได้ซื้อตุนเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว และแอบซ่อนเอาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านข้า!”

“ข้าคิดว่าท่านผู้เฒ่าควรจะสำนึกผิด แล้วรีบกลับบ้านบ้านไปซะ อย่าไปหลอกขายให้ใครอีกล่ะ! คิดว่าเจ้านายของพวกเราเป็นคนใจดีอย่างงั้นหรือ!” พ่อบ้านของแม่ทัพเหนียนโกรธจัด หันไปหยิบดาบของคนคุ้มกันหน้าประตูขึ้นมา แล้วตะโกนออกมาว่า “ออกไปจากที่นี่ซะ!”

“เอ๊ะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อนแล้วกัน!” ซูหวานหว่านแสร้งทำเป็นหวาดกลัว และวิ่งหนีออกไปทันที พร้อมกับทิ้งรถเข็นคันเล็กของตัวเองเอาไว้ทันที

พ่อบ้านยืนมองซูหวานหว่านที่วิ่งหนีออกไป และยิ้มออกมาอย่างสุภาพ “ข้าอยู่กับแม่ทัพเหนียนมานาน เหตุใดถึงจะไม่มีจิตใจที่โหดเหี้ยมแบบเขา หึ!”

เหล่าคนใช้ต่างเอ่ยสรรเสริญพ่อบ้าน ทำให้เขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มีคนหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างในบ้านแล้วพูดอะไรบางอย่างออกมา ทำให้สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปทันที

“แย่แล้ว! พ่อบ้านหวัง! บ้านของพวกเราไม่มีเกลือแล้ว! ในเวลาชั่วข้ามคืนเกลือนั้นหายไปได้อย่างไร อาหารเช้าของแม่ทัพเหนียนจะไร้รสเกลือได้ยังไงกัน!” พ่อครัวคนหนึ่งก็วิ่งออกมาจากห้องครัวด้วยความตื่นตระหนก

“ถ้าเจ้าไม่มีเกลือ ก็ไปซื้อมันสิ!” พ่อบ้านหวังพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

พ่อครัวจึงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าขมขื่น “เห็นทีว่าคงจะไม่ได้ ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดขายเกลือเลยสักคน”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…” เมื่อพ่อบ้านหวังได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกเรื่องนี้มีบางสิ่งผิดปกติ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ซูหวานหว่านเพิ่งพูดออกมาในวันนี้ ถึงได้รู้เลยว่ามันเป็นเรื่องจริง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงรถเข็นที่ถูกทิ้งเอาไว้ “รถเข็นนั่นจะต้องมีเกลืออยู่แน่นอน! เจ้าไปจัดการเอามันมาก่อน”

“ขอรับ” พ่อครัวตอบรับ รีบเดินไปเปิดผ้าคลุมนั้นออกและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันแข็งค้าง “พ่อบ้านหวัง บนรถเข็นนี่ก็ไม่มีเกลือ!”

หลังจากนั้นพ่อบ้านหวังก็เปิดผ้าคลุมรถนั่นออก เผยให้เห็นรถเข็นอันว่างเปล่า ทำให้เขารู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก คิดว่าเรื่องที่ขายเกลือที่ตาแก่นั่นมาหลอกล่อเพื่อเอาเงินเท่านั้น หากแต่กลับรู้สึกเสียใจอยู่ลึก ๆ ถ้าเขามีเกลืออยู่จริง ๆ ล่ะ?

ทันใดนั้นพ่อครัวก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเนื้อหาได้เขียนเอาไว้ว่า ‘หากเจ้าต้องการเกลือก็นำทองใส่ให้เต็มรถเข็นแล้วนำไปส่งให้ถึงที่’

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” พ่อบ้านหวังสบถออกมา และเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์เสีย

ส่วนอีกด้านหนึ่งของซูหวานหว่าน ในตอนนี้นางกำลังนั่งอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป หญิงสาวให้นกสองสามตัวบินออกไปเพื่อนตรวจสอบแผนที่ที่นางได้วางเอาไว้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนนี้เกิดความโกลาหลขึ้น เพราะทั้งเมืองกำลังขาดแคลนเกลือ รวมถึงสือเฉิงชุนเองก็ได้รับผลกระทบเองเช่นกัน

หากไม่มีเกลือ อาหารเช้าก็จะจืดชืดไร้รสชาติเป็นเรื่องธรรมดา สือเฉิงชุนโกรธเคืองเป็นอย่างมาก จึงเรียกพ่อครัวออกมาถามถึงสาเหตุและปัญหา

เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด แววตาของสือเฉิงชุนก็เปล่งประกายขึ้นมา พ่อครัวก้มศีรษะลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตามองสือเฉิงชุน แล้วพึมพำว่า “ไม่คิดเลยว่าจะมีคนประเภทนี้อยู่บนโลก! เขามีเกลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นยังจะกล้าอวดดีอีก”

“เขามีเกลืออยู่น่ะสิ ถึงได้กล้าอวดดีได้ขนาดนี้” สือเฉิงชุนกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับแสงระยิบระยับที่เกิดขึ้นในแววตา

พ่อครัวได้กล่าวออกมาอีกว่าจนลืมคิดไปเลยว่าคนที่ตัวเองกำลังพูดอยู่ด้วยคือสือเฉิงชุน “มีเกลือแล้วจะทำไม? ตระกูลเฉียนใช่ว่าจะไม่มีเกลือ ไม่เกินสามวันเขาจะออกมาเร่ขายเกลือตามท้องถนนอย่างแน่นอน แม้วันนี้เขายังกล้าที่จะมาเสนอขายในราคาแพง!”

“โง่จริง ๆ” สือเฉิงชุนหัวเราะคิกคักออกมา และพ่อครัวก็เห็นด้วย แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่าสือเฉิงชุนตำหนิตัวเองอยู่

สือเฉิงชุนได้ส่งคนออกไปตรวจสอบ และพบว่าคลังเก็บเกลือของนายท่านเฉียนก็ไม่มีเกลือเช่นเดียวกัน หากแต่ก็ยังมีอยู่หนทางหนึ่ง ซึ่งจะต้องไปนำเกลือมาจากเมืองโจว แต่ว่ามันต้องใช้ระยะเวลาขนส่งถึงหนึ่งเดือน แน่นอนว่าผู้ใดที่มีเกลืออยู่จะต้องนำมันมาขายในราคาแพง

“มานี่หน่อยสิ” สือเฉิงชุนเรียกคนใช้ออกมาด้วยท่าทีเย็นชา “นำทองคำไปใส่ให้เต็มรถเข็น แล้วไปเชิญตัวเขามาที่นี่”

“ขอรับ” คนใช้ตอบรับ และลงมือทำตามคำสั่งของเขาทันที

อีกด้านหนึ่ง ซูหวานหว่านกำลังนั่งรออย่างสบายอารมณ์ ก็หยิบพัดออกมาพัดสร้างลมเย็นเบา ๆ ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ ว่าแม่ทัพเหนียนจะต้องส่งคนใช้ออกมา โดยมีพ่อบ้านหวังเดินนำมา เมื่อเห็นพวกเขาปรากฏตัวซูหวานหว่านก็แสร้งทำเป็นตื่นตระหนกและพยายามหลบหนี แต่กลุ่มคนเหล่านั้นกลับก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางนางเอาไว้ทันที

พ่อบ้านหวังกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มขอโทษว่า “พี่ชาย ข้าจะต้องขอโทษด้วยจริง ๆ! ในตอนนั้นข้าอาจจะสายตาฝ้าฟางไป ท่านอย่าได้ถือสาข้าเลย!”

ยังมีคนใช้ข้ออ้างแบบนี้อยู่อีกหรอ! ซูหวานหว่านกลอกตาไปก่อนจะแสร้งกระแอมและพยักหน้า แต่สายตาของนางกลับจับจ้องไปที่รถเข็นของตัวเองที่พวกเขาได้ขนมา แล้วพ่อบ้านหวังก็รีบพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าดูสินั่นสิ”

พ่อบ้านหวังเปิดผ้าคลุมรถเข็นออกมา เผยให้เห็นแท่งทองคำที่เรียงรายอย่างประณีตอยู่ภายใน

ดูเหมือนว่าแท่งทองคำที่วางเรียงรายกันอยู่น่าจะมีมูลค่ามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึงเลยทีเดียว! ซูหวานหว่านรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมาก แต่นางก็แสร้งทำหน้าบึ้งแล้วพูดว่า “แบบนี้ไม่ได้ ข้าบอกพวกเจ้าแล้วไงว่าจะต้องใส่บรรจุมาให้เต็ม ทำไมพวกเจ้าถึงบรรจุมันมาได้แค่นี้”

แท่งทองนี้มันก็อัดแน่นจนเต็มรถเข็น เหตุใดถึงบอกว่ายังบรรจุไม่เต็มอยู่อีก พ่อบ้านหวังรู้สึกคุ้นเคืองอยู่ภายในใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “เจ้ากำลังหมายความว่าอย่างไรกัน?”

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้หรือไม่?” ซูหวานหว่านยิ้มออกมาและลูบไล้เคราปลอมของตัวเองแล้วกล่าวออกมาว่า “โถน้ำอันหนึ่งบรรจุหินเข้าไปสองสามก้อน แน่นอนว่ามันบรรจุจนเต็มแต่ว่ามันยังสามารถใส่ทรายเข้าไปได้อีกหนึ่งกำมือจนถึงปากโถ และเจ้ายังสามารถใส่ดินละเอียดลงไปได้อีกหนึ่งกำมือ ถ้าเจ้าปรับระดับปากของโถให้ดี และก็สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ได้อีกด้วย!”

“ข้าไม่เคยได้เรื่องนี้มาก่อน ช่างเป็นเรื่องแปลกใหม่เสียจริง ๆ” พ่อบ้านหวังหัวเราะออกมาแต่ความจริงแล้วเขากับรู้สึกโกรธมาก คำพูดและเจตนาของซูหวานหว่านกำลังจะบอกให้เขาใส่เศษทองคำ ผงทองคำ ฯลฯ ลงไปให้เต็ม ซูหวานหว่านช่างโลภมาจริง ๆ

“ในเมื่อเจ้าได้ยินแล้ว ก็ไปนำมันมาใส่ให้เต็ม ถ้าบรรจุเต็มเมื่อไรพวกเราค่อยมาคุยกัน” ซูหวานหว่านยิ้มออกมา แต่เมื่อเห็นแววตาลังเลในสายตาของพ่อบ้านหวังนางก็กล่าวออกมาว่า “ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมีแผนการอะไรบางอย่างเตรียมไว้แล้ว ถ้าให้เงินตามที่ข้าพอใจพวกเราค่อยมาหารือเกี่ยวกับข้อตกลง และทำการค้าร่วมกัน เขาก็น่าจะรู้ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อเขามากแค่ไหน”

“เอ่อ…” พ่อบ้านหวังกัดฟันแน่น “เจ้ารอก่อน ข้าจะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับท่านแม่ทัพ”

“ไม่ต้อง! ข้าได้ยินทุกคำพูดของเขาทุกคำ” เสียงชายคนหนึ่งดังออกมา และนั่นคือเสียงของสือเฉิงชุนที่เดินก้าวเข้ามาจากทางประตู ทำให้ทุกคนก้มหน้าทันที แต่ไม่รู้ว่าเพราะความกลัวหรือว่าเคารพ

สือเฉิงชุนค่อย ๆ ยื่นมือออกมาคว้าคอเสื้อของซูหวานหว่านเอาไว้ทันที จนร่างของซูหวานหว่านลอยขึ้นจากพื้น!

ซูหวานหว่านก้มศีรษะลงเล็กน้อย สบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของสือเฉิงชุน และอีกฝ่ายก็กล่าวออกมาว่า “ข้าเป็นคนที่เกลียดการถูกเอาเปรียบมากที่สุด! เจ้ากำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยน”