ตอนที่ 312 ใครหลอกใคร
ตอนที่ 312 ใครหลอกใคร

“แม่ทัพเหนียน ข้าจะกล้าดีอย่างไรไปเอาเปรียบท่านกัน!” ซูหวานหว่านพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ทุกสิ่งที่ข้าเอ่ยออกมาล้วนเป็นความจริง ท่านต้องเติมทองคำเข้าไปอีกประมาณห้าพันตำลึงเท่านั้น แล้วข้าจะบอกว่าเกลือทั้งหมดในเมืองหลวงอยู่ที่ใด ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะไม่สนใจกิจการนี้”

“เกลือทั้งหมดของเมืองหลวง?” สือเฉิงชุนกำลังจะตกหลุมพราง หากแต่เขาไม่อยากเสียเงินเพิ่มอีกห้าพันตำลึง ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ วางตัวของซูหวานหว่านลงช้า ๆ พร้อมกับมองไปที่ซูหวานหว่านและกล่าวว่า “เจ้าเอาเกลือทั้งหมดไปซ่อนเอาไว้ที่ใด แล้วเจ้านี้ยังมีหน้ามาเจรจาเรื่องข้อตกลงกับข้าอีกอย่างงั้นหรือ? ถ้าข้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เจ้าก็คงจะ…”

“เฮอะ!”

ก่อนที่สือเฉิงชุนจะพูดจบ ซูหวานหว่านขัดขึ้นมา “แม่ทัพเหนียน คำพูดของเจ้าผิดแล้ว ถ้าท่านนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ใครเขาจะเชื่อว่าคนแก่อย่างข้าที่มีอายุสี่สิบห้าสิบปีจะลักเกลือทั้งหมดที่อยู่ในเมืองหลวงไปซุกซ่อนเอาไว้ด้วยเวลาชั่วข้ามคืนเท่านั้น”

คนแก่คนหนึ่ง…ทำเรื่องแบบนั้น เป็นไปไม่ได้แน่ ๆ!

สีหน้าของสือเฉิงชุนเปลี่ยนไป หากแต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะใช้แผนการเจ้าเล่ห์ จึงพูดออกมาว่า “ไปเอาทองมาเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นตำลึง!”

คนใช้ก็รีบหยิบทองคำจำนวนหนึ่งหมื่นตำลึงออกมาอย่างรวดเร็ว ซูหวานหว่านรู้สึกดีใจอย่างมากเมื่อนางเห็นแบบนี้ และด้วยนิสัยใจคอคนอย่างสือเฉิงชุนนั้น เขาคงไม่นิ่งนอนใจและยอมอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่นอน เขาจะต้องไม่ปล่อยให้นางเอาเงินไป

นางคิดเช่นนี้อยู่ภายในใจ และนางก็ได้ยินที่สือเฉิงชุนพูดออกมาอีกว่า “ผู้อาวุโส ตอนนี้เจ้าควรบอกได้แล้วว่าเกลือทั้งหมดอยู่ที่ใด?”

ใบหน้าของซูหวานหว่านแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา และนางก็กล่าวออกมาว่า “ค่อยพูดเรื่องนั้นกันทีหลังกันดีกว่า ให้ข้านำทองคำกลับไปไว้ที่บ้านก่อนดีกว่า”

“ตกลง” สือเฉิงชุนตอบรับพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก โดยคิดว่าซูหวานหว่านฉลาดมาก แต่ที่จริงแล้วกลับโง่เขลา! ซูหวานหว่านกำลังบอกที่ซ่อนเงินของตัวเองว่าเอาเก็บไว้ที่ไหน! โดยไม่กลัวว่าเขาจะกลับมาขโมยมันกลับคืนไปหรืออย่างไรกัน?

สือเฉิงชุนขยิบตา และคนใช้ของเขาก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเข็นรถทันที “ผู้อาวุโส เดี๋ยวพวกเราช่วยท่านเอง!”

“ขอบใจพวกเจ้ามาก!” ซูหวานหว่านยิ้มออกมาและสั่งให้พวกเขาเข็นทองเข้าไปในตรอกโทรม ๆ แล้วนางก็เก็บของพวกนี้เข้าไปอีกที

เขายืนจ้องมองการกระทำของนาง ทุกคนส่ายหัวและถอนหายใจออกมาว่า “ผู้อาวุโสคนนี้ช่างโง่จริง ๆ!”

“นั่นสินะ! ข้าไม่เคยเห็นใครที่จะโง่ขนาดนี้มาก่อนเลย!”

“…”

พวกเขานั้นคิดว่าตนเองจะเอาคืนซูหวานหว่านได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาต่างหากที่กำลังกลายเป็นเป้าหมายในการเอาคืนของซูหวานหว่าน และพวกทองคำเหล่านี้ก็ถูกนางโยนเข้าไปในมิติฟาร์มเรียบร้อยแล้วต่างหาก!

ไม่มีแม้แต่เศษทองอยู่ข้างนอก!

หลังจากที่ถ่วงเวลาอยู่สักพัก ซูหวานหว่านก็แกล้งทำเป็นสาดน้ำใส่ใบหน้าของตนเองให้ดูเหมือนเหงื่อออก ก่อนที่จะออกมาและทำท่าเหนื่อยหอบ “ไปเถอะ พวกเราไปที่บ้านพักของแม่ทัพเหนียนกัน อย่าปล่อยให้ท่านแม่ทัพเหนียนรอนาน!”

“จริงด้วย” คนรับใช้เหล่านั้นมองหน้ากัน ทิ้งคนเอาไว้สองสามคนเพื่อขนทองกลับไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินตามซูหวานหว่านกลับไปที่บ้านของแม่ทัพเหนียน

สือเฉิงชุนเองก็ยืนรอพร้อมอยู่ที่หน้าประตู และเตรียมเกวียนหลายคันเอาไว้ที่หน้าบ้าน

ซูหวานหว่านชี้ทางไปยังภูเขาเกลือ และพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางทันที เหล่าคนใช้ที่เห็นกองเกลือสูงตระหง่านตา มันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ เพราะว่านั่นมันคือเกลือจริง ๆ!

เกลือจำนวนมากขนาดนี้ สามารถใช้ขายในเมืองหลวงได้เป็นเวลาหลายปี!

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมาก ซูหวานหว่านจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “เฮ้อ ในเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว ข้าขอตัวกลับไปทำอาหารก่อนนะ”

“ไปเถอะ” สือเฉิงชุนตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้ากลับไปคนเดียวข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่ปลอดภัย ข้าจะให้ลูกน้องไปส่งเจ้าถึงบ้านเอง”

“ท่านแม่ทัพเหนียน! ช่างเป็นคนดีจริงๆ!” ซูหวานหว่านกล่าวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า

“ด้วยความยินดี” สือเฉิงชุนด่าซูหวานหว่านว่าโง่เขลาอยู่ในใจหลายครั้ง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าซูหวานหว่านก็ด่าเขาว่าโง่เช่นกัน!

หลังจากที่ซูหวานหว่านเดินออกไปพร้อมกับคนคอยคุ้มกันที่ติดตามมาสองคน ทั้งสามคนเดินทางข้ามภูเขา ทันใดนั้นหญิงสาวก็ได้ยินเสียงดาบดังขึ้นจากด้านหลัง ซูหวานหว่านเห็นหนึ่งในสองคนกำลังหยิบดาบออกมาหมายเข้ามาทำร้ายตนเอง หญิงสาวไม่ได้ขยับเขยื้อน จนกระทั่งดาบพุ่งเข้ามาหา นางก็เบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้างทันที พวกเขาต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่สุดท้ายแล้วก็พลาดท่าให้กับหญิงสาวจนได้

ไม่นานพวกเขาทั้งสองก็ถูกซูหวานหว่านสังหารจนสิ้นชีพ ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเยาะเย้ย และรีบเดินจากไปในทันที

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง สือเฉิงชุนและคนอื่น ๆ กำลังยืนอยู่หน้าเกลือกองใหญ่ พวกเขากำลังจะก้าวเขาไปสัมผัสเกลือ ทันใดพวกเขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา และเมื่อเดินไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ก็พบว่านี่ไม่ใช่เกลือหากแต่เป็นหิมะ!

หลังจากสั่งเหล่าลูกน้องของตัวเองสังเกตดูอย่างละเอียดรอบคอบอีกรอบ ก็ได้ผลสรุปว่าทั้งหมดคือหิมะ หัวใจของสือเฉิงชุนพลันด้านชาขึ้นมา ที่นี่ไม่มีเกลือเลยแม้แต่น้อย

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกหลอก! เมื่อคิดได้แบบนี้ใบหน้าของสือเฉิงชุนก็เปลี่ยนสีไปในทันที พวกลูกน้องของเขาไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ สือเฉิงชุนจึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “ไปห้ามพวกเขาเอาไว้ว่าอย่าเพิ่งฆ่ามัน!”

พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าสือเฉิงชุนกำลังหมายถึงผู้ใด และกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็ไล่ตามสองคนก่อนหน้านี้ออกไปทันที แต่กลับพบเพียงร่างไร้วิญญาณของพวกเขาเพียงเท่านั้น ทำให้ทุกคนเกิดความแตกตื่น “นี่…มันเกิดอะไรขึ้น!”

ชายชราในวัยสี่สิบห้าสิบปีเช่นนั้นจะมีแรงเอาชนะชายหนุ่มรูปร่างแข็งแกร่งกำยำของทั้งสองคนได้อย่างไรกัน!

สือเฉิงชุนตกตะลึง และเขาก็ไม่สามารถควบคุมสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้เป็นเวลานาน และเมื่อนึกไปถึงทองคำจำนวนสองหมื่นตำลึงที่เขาเสียไป หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอย่างมาก เขาหวังเอาไว้ว่าคนใช้ของเขาจะนำทองคำมาคืนเขาได้ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นลูกน้องของตัวเองควบม้าเข้ามา พบว่าคนเหล่านี้ก็คือคนที่ช่วยซูหวานหว่านไปเก็บทอง

“เงินอยู่ที่ไหน?” สือเฉิงชุนถามออกมา

ทั้งสองคนมองหน้ากัน และกล่าวด้วยความขมขื่น “ภายในห้องไม่มีอะไรสักอย่างเดียว!”

“เจ้าว่าอะไรนะ!” สือเฉิงชุนกัดฟันอย่างโกรธจัด และกำหมัดแน่น “พวกเจ้ารีบตามจับตัวมันมาให้ได้แล้วฆ่ามันซะ!”

“ขอรับ”

ส่วนทางด้านของซูหวานหว่านกำลังถูกคนของสือเฉิงชุนกำลังตามหาตัวอยู่ นางกำลังนั่งดื่มชาอยู่ภายในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง เมื่อคิดถึงกองเงินเล็ก ๆ ในมิติฟาร์มนางก็รู้สึกว่า วันนี้รสของน้ำชานั้นดีกว่าวันก่อน ๆ อย่างมาก

ซูหวานหว่านนั่งจิบดื่มชาอย่างสบายใจ และทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องบางสิ่งบางอย่างได้ จึงเดินไปที่โรงเตี๊ยมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

ในเวลานี้ ไม่มีผู้ใดเข้ามาในโรงเตี๊ยมเทียนจูเลย เมื่อซูหวานหว่านเดินเข้ามาที่ นางก็เห็นแผ่นป้ายลดราคาอาหาร หากแต่นางก็ไม่ได้สนใจ

“ท่านอยากจะกินอะไรหรือ?” ผู้ดูแลร้านเดินเข้ามาสอบถามทันที

“ข้าไม่ได้อยากกินอาหาร” พูดจบ ซูหวานหว่านก็หยิบขวดเล็ก ๆ ออกมาแล้วพูดว่า “ข้าอยากจะมาทำกิจการกับโรงเตี๊ยมนี้”

“ฮะ?” ผู้ดูแลร้านก็ตะลึงทันที ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีและพูดออกมาว่า “โรงเตี๊ยมของเราจะมีอะไรให้มาร่วมทำกิจการอยู่อีก! ร้านของเราไม่มีแขกเลยสักคน!”

“ข้าสามารถทำให้คนมาร้านของเจ้าได้” ซูหวานหว่านยิ้มออกมา และเปิดขวดเล็ก ๆ ที่ภายในเต็มไปด้วยเกลือสีขาว สิ่งนั้นทำให้ผู้จัดการร้านตกใจ “เจ้ามีเกลือมากขนาดไหน?”

“มากเท่าที่เจ้าต้องการ” ซูหวานหว่านคลี่ยิ้ม หลังจากที่เจราจากับผู้ดูแลร้านเสร็จ เขาก็พานางไปหาเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ปรากฏว่าคนที่เป็นเจ้าของที่นี่คือองค์ชายรองจริง ๆ!

เมื่อเห็นองค์ชายรองนั่งอยู่ในห้องอาหาร ใบหน้าของซูหวานหว่านก็เปลี่ยนสีไปในทันที โดยนึกขึ้นมาได้ว่าในตอนนี้ตัวเองกำลังปลอมตัวเป็นผู้ชาย นางจึงรู้สึกเบาใจขึ้นมา และนางก็ประสบความสำเร็จในการเจรจา ทำข้อตกลงกับองค์ชายรอง อีกทั้งยังได้เงินไปถึงหนึ่งหมื่นตำลึง เมื่อกำลังจะสั่งคนให้ไปนำเกลือมา นางก็พบสือเฉิงชุนที่มาพร้อมกับคนกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง!