ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ภายในห้อง ได้หันมาจ้องมองไปที่หวังเซี่ยวตงด้วยความอิจฉา

มันทำให้หวังเซี่ยวตงรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก

และด้วยการถูกจ้องมองจากผู้คนจำนวนมากมายนั้น ก็ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป

จากนั้นไม่นาน หลินฟานก็ได้พูดเตือน “เซี่ยวตง นายเพิ่งจะชงชามาเองไม่ใช่หรอไง? รีบเอาชาไปให้พ่อตากับแม่ยายดื่มสิ”

หวังเซี่ยวตงพูด “ใช่แล้ว!”

จากนั้นเขาก็รีบหยิบถ้วยชาและเดินไปหาพ่อกับแม่ของกงซีฉินในทันที

“พ่อตา แม่ยาย เชิญดื่มชาก่อนนะครับ”

ในตอนแรกนั้น พ่อแม่ของกงซีฉินได้วางแผนเอาไว้มากมาย พวกเขาตั้งใจจะสร้างความยากลำบากให้กับหวังเซี่ยวตงให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้หวังเซี่ยวตงแต่งงานกับลูกสาวของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

พวกเขาอยากทำให้หวังเซี่ยวตงเข้าใจ ว่าการที่จะได้แต่งงานกับลูกสาวของพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากถึงเพียงไหน

แต่ในตอนนี้ พวกเขาได้ลืมความคิดเหล่านั้นไปจนหมดแล้ว

พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายอารมณ์

จากนั้นไม่นานนัก พวกเขาหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “สุดยอดเลย! ชั่งเป็นลูกเขยที่ดีจริงๆ!”

หวังเซี่ยวตงเองก็เข้าใจ

มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ดีมากๆ!

ถ้าหากวันนี้ผู้จัดการทั่วไปของห้างหยินซานและผู้ว่าการจังหวัดชิงซี ไม่ได้มามอบของขวัญให้กับเขาถึงที่นี่ละก็ ?

อย่าว่าแต่ลูกเขยที่แสนดีเลย เขาจะได้เป็นลูกเขยหรือเปล่าก็ยังไม่รู้?

เพราะหวังเสี่ยวตงเองก็รู้ถึงความยากลำบากเช่นกัน ว่าการที่จะเข้าไปรับตัวเจ้าสาวและทำพิธีการแต่งงานให้สำเร็จมันค่อนข้างจะลำบากเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าเขาชักช้าและผ่านประตูมาไม่ได้แล้วละก็ ทางฝ่ายเจ้าสาวก็อาจจะเปลี่ยนใจและไม่ยอมให้เขาแต่งงานก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาจะทำยังไงดี?

แต่เมื่อหวังเซี่ยวตงได้ยินคำชมของพ่อตากับแม่ยาย เขาก็รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก

และหลังจากจบพิธีดื่มน้ำชา ก็ถือว่าการแต่งงานได้ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย

หวังเซี่ยวตงได้หันกลับมาพูดอย่างจริงจัง “หลินฟานขอบคุณมากนะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนนายยังไงเลยจริงๆ”

เขารู้ดี ว่าการที่ผู้จัดการทั่วไปของห้างหยินซานและผู้ว่าการชิงซี เดินทางมามอบของขวัญให้กับเขาถึงที่นี่นั้นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเห็นแก่หน้าของหลินฟาน

เพราะหลินฟาน เขาถึงได้รู้จักกับผู้ว่าการจังหวัดชิงซี

แถมผู้จัดการทั่วไปของหยินซานกรุ๊ป ก็ยังมอบนามบัตรให้กับเขาอีก

สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด…เป็นประโยชน์ให้กับตัวเขาอย่างมาก

มันทำให้งานแต่งงานในวันนี้ ราบรื่นไปได้ด้วยดีหมดทุกอย่าง

จากนั้นหลินฟานก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เซี่ยวตง นายจะขอบคุณฉันทำไมกัน?”

“ในตอนที่เราอยู่โต๊ะเดียวกันในสมัยมัธยมต้น นายก็มักจะให้ปากกากับสมุดงาน และให้ตั๋วอาหารกับฉันตั้งหลายครั้ง… และตอนนั้น นายก็ไม่เคยเก็บเงินค่าของพวกนั้นกับฉันด้วย”

ปากกา + หนังสือ และตั๋วอาหารอีกหลายใบ!

ถือว่าเป็นการตอบแทนเล็กน้อยๆจากฉันก็แล้วกัน !

และการตอบแทนเพียงแค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าเทียบกับความมีน้ำใจของนาย

เมื่อคนรอบข้างได้ยินคำพูดเหล่านี้ของหลินฟาน พวกเขาทุกคนก็ได้แต่คิดเงียบๆอยู่ในใจ ว่าขอให้ลูกๆของพวกเขาเคยมอบปากกาและสมุดให้กับหลินฟานใช้แบบเดียวกันกับหวังเซี่ยวตง

ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆหวังต้าหมิงก็ได้เริ่มกระซิบกัน “พี่ต้าหมิง ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ถึงดึงพวกเราออกมา”

หวังต้าหมิงพูดเสียงเบา ” ในอนาคต พวกนายต้องรักษาความสัมพันธ์กับซีฉินและครอบครัวของเธอเอาไว้นะ เข้าใจใช่มั้ย ?”

“เข้าใจแล้วครับ!” ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้ารับ

จากนั้น ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆกงเล่อฉีก็พูดขึ้น “ โชคดีจริงๆที่นายดึงฉันออกมาจากตรงนั้น แต่ซีฉินไปหาสามีที่ดีอย่างนี้มาจากที่ใหนกันนะ? ฉันว่าเธอต้องรีบแต่งงานกับเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะ!”

กงเล่อฉีได้พยักหน้าเห็นด้วย

และเมื่อพ่อแม่ของกงซีฉินได้ยินคำพูดเหล่านี้

พวกเขาก็รีบเร่งเร้าขึ้นมาทันที “ลูกเขย รีบพาซีฉินไปที่บ้านของลูกตอนนี้เลยเถอะ”

ในสมัยก่อนนั้น เมื่อลูกสาวได้แต่งงาน พ่อกับแม่ต่างก็อยากจะให้ลูกสาวอยู่บ้านต่ออีกสักพัก

แทบจะไม่มีใครเป็นเหมือนกับพ่อแม่ของกงซีฉินในตอนนี้เลย

เหมือนกับกลัวว่า… กงซีฉินจะไม่ได้แต่งงานกับหวังเซี่ยวตง ถ้าหากเจ้าบ่าวไม่รีบพาเจ้าสาวกลับบ้านไปแต่โดยเร็ว

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น หวังเซี่ยวตงก็ตกปากรับคำในทันที

และในเวลาต่อมา คนจำนวนมากก็ต่างพากันมุ่งหน้าไปยังชุมชนยี่เจี่ย

หลินฟานและโจวเฉิงจุนเองก็ตามไปด้วยเหมือนกัน

แต่จ้าวเจียฉี ดูเหมือนจะไม่สามารถไปร่วมงานแต่งต่อได้

เพราะยังไงเขาก็เป็นเป็นถึงผู้ว่าการจังหวัดชิงซี ยังมีธุระอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รอให้เขาไปจัดการอยู่อีกตั้งมากมาย

แค่เขามาร่วมอวยพรในช่วงเช้าของวันนี้ก็นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากแล้ว

…………

ที่งานเลี้ยงงานแต่งงานของหวังเซี่ยวตงนั้น หลินฟานได้ถูกจัดให้นั่งอยู่ที่โต๊ะแรก

และตลอดงานก็มีคนเข้ามาดื่มอวยพรให้กับเขาเป็นระยะๆ บรรยากาศชั่งคึกคักเป็นอย่างมาก

ด้วยทักษะยอดนักดื่มของหลินฟาน ถ้าไม่ดื่มถึงพันแก้วก็ไม่มีทางทำให้เขาเมาได้เลย

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเขาจะดื่มมากเกินไป จนอดไม่ได้ที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ

เมื่อหลินฟานได้เข้าไปในห้องน้ำ โทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้นมา

เวลา 12:00. น.

ซองแดงปรากฎ!

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 10,000 หยวน”

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 20 หยวน”

……

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 3 หยวน”

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับทักษะหมากรุกระดับมืออาชีพ”

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 5 หยวน”

……

วันนี้หลินฟานได้รับเงินทั้งหมด 30,200 หยวน และทักษะหมากรุกระดับมืออาชีพ

หลินฟานไม่ได้สนใจเงิน 30,200 หยวนนั่นเลย

เขามุ่งความสนใจไปที่ทักษะหมากรุกมืออาชีพอย่างเดียว

[ทักษะหมากรุกระดับมืออาชีพ: ควบคุมตัวหมากได้อย่างช่ำชอง ทักษะที่ไม่มีใครเทียบได้ แสดงเสน่ห์อันน่าทึ่ง 】

หลินฟานอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำ “เมื่อวานฉันได้ทักษะผู้รักษาประตูระกับมืออาชีพ และวันนี้ก็ได้ทักษะหมากรุระกับมืออาชีพอีกแล้วงั้นหรอ นี่ต้องการให้ฉันกลายเป็นผู้เล่นกีฬาที่เก่งที่สุดทุกกีฬา เท่าที่โลกนี้เคยมีมาหรือยังไงกัน”

หลินฟานถึงกับส่ายหัวและได้กลับเข้าไปที่งานเลี้ยงอีกครั้ง

ในตอนนี้ ได้มีคนจำนวนมากยืนรอเขาอยู่ เพื่อที่จะดื่มอวยพรให้แก่เขา

แต่หลินฟานก็ยังคงทำเหมือนเดิม เขาไม่ได้ปฏิเสธคนที่เข้ามาดื่มเพื่ออวยพรกับเขาเลย

และหลังจากที่ทุกคนกินดื่มกันจนเต็มอิ่มแล้ว งานเลี้ยงงานแต่งงานก็ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อย

คนทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างดื่มกันไปเยอะอยู่พอสมควร

ร่างกายของพวกเขาตอนนี้ บางทีคงมีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายมากกว่าเลือดซะอีก ไม่น่าแปลกที่ทุกคนจะหมดสติกันอยู่ที่นี่

แต่หลินฟานที่มีทักษะยอดนักดื่ม เขาสามารถดื่มเหล้าได้เหมือนกับการดื่มน้ำเปล่า แค่เหล้าไหลลงสู่ท้องของเขา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็จะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่จบงานเลี้ยงงานแต่งงาน เขาก็ได้ขับรถกลับบ้านทันที

ตลอดช่วงบ่ายมานี้ หลินฟานได้อยู่กับพ่อแม่และน้องสาวของเขาอย่างผ่อนคลาย

ต้าเหว่ยสัวตั้งใจทำอาหารมื้อเย็นให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อต้องการให้หลินฟานกลับไปยังเจียงเป่ยเร็วๆ เพราะเธอคิดว่าถ้าการขับรถในตอนดึกๆนั้นมันอันตรายมากเกินไป

ก่อนที่จะจากไปนั้น หลินเสี่ยวเหยาได้พูดขึ้นมา “พี่ชาย คราวหน้าถ้าพี่จะกลับมาบ้านอีก ก็อย่าลืมส่งข้อความมาบอกฉันล่วงหน้าด้วยล่ะ”

หลินฟ่านพูดว่า “ได้สิ!”

หลังจากบอกลากันเรียบร้อย หลินฟานก็ขับ Mercedes-Benz Big G ออกไปทันที

ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงหลินฟานก็มาถึงยังเมืองเจียงเป่ย

แต่เขาไม่ได้กลับไปที่มหาวิทลัยในทันที เขาได้ตรงไปยังชุมชนยี่เกอก่อน

ณ ภายในบ้านเลขที่ 2501

นี่ก็คือบ้านที่หลินฟานซื้อให้ฉิวจือเฉียนเมื่อไม่กี่วันก่อนนั่นเอง

ครั้งสุดท้ายที่มาที่นี่ หลินฟานจำได้อย่างชัดเจนว่าบ้านนี้มีแค่ความสะอาดและความเป็นระเบียบ

มันดูอ้างว้างมากในตอนที่ยังไม่ได้มีใครมาอยู่ที่นี่

แต่เมื่อมองมันในตอนนี้แล้ว ก็เห็นถึงความแตกต่างสิ้นเชิง เพราะมีต้นไม้สีเขียว มีดอกไม้หลากสีสัน มีปลาสวยงาม มีสิ่งประดิษฐ์อักษรและภาพวาดที่สวยงามตามบนผนังอีกมากมาย

อากาศภายในบ้านตอนนี้ทั้งสดชื่นและอบอุ่น ต่างจากตอนแรกที่ซื้อเป็นอย่างมาก

“ตึก!”

ทันใดนั้นเองฉิวจือเฉียนก็ค่อยๆเดินออกมาห้อง

และเนื่องจากที่เธออยู่ในบ้าน ฉิวจือเฉียนจึงสวมแค่ชุดผ้าไหมสีขาวที่ค่อนข้างบาง

ทำให้ตอนนี้ ร่างกายที่เซ็กชี่และร้อนแรงของเธอได้ตกอยู่ในสายตาของหลินฟานเป็นที่เรียบร้อย

พวกเขาเหมือนกับคู่บ่าวสาวที่แต่งงานกันใหม่ๆ

เพราะทันทีที่พวกเขาได้มองตากันและกัน ทั้งสองก็ได้สวมกอดกันอย่างรวดเร็วราวกับถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็ก

และจากนั้น…

พวกเขาทั้งสองก็ไปที่บนโซฟา บนระเบียง และก็ในห้อง

ทั้งบ้านตอนนี้ดูเหมือนจะสั่นไหวไปมา ทั้งที่ไม่ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นแต่อย่างใด

ผ่านไปประมาณสามชั่วโมง พวกเขาก็ค่อยๆ กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

ฉิวจือเฉียนนอนอยู่ในอ้อมแขนของหลินฟานราวกับแมวตัวน้อยแสนขี้อ้อน

“พรึบ!”

ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ได้ถูกเปิดเข้ามา

ร่างสาวที่สวยงามก็ได้เดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น “จือเฉียน ฉันซื้ออาหารมาให้แล้วนะ”

แต่เมื่อเธอเห็นหลินฟานกับฉิวจือเฉียนกำลังกอดกันอยู่ เธอก็กรี๊ดออกมาในทันที