จ้าวเสว่เฟินส่ายหน้า กวาดสายตามองไปที่เย่เทียนตลอดเวลาด้วยความดูถูกมากขึ้นเรื่อยๆ
สไตล์ของเย่เทียนอย่าบอกว่าไม่มีสินค้าแบรนด์เนมสักชิ้น แม้แต่นาฬิกาข้อมือหรือเครื่องประดับก็ไม่ใส่ พูดให้น่าฟังหน่อยก็คือเรียบง่าย ถ้าพูดตรงๆ ก็คือกระจอก!
“เสี่ยวเหมย เธอหาแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมแม่ถึงไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงมาก่อนเลย?”
ความตื่นตระหนกฉายผ่านใบหน้าที่บอบบางของซูเหมย แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเจ้านาย ไม่นานก็กลับสู่สภาพเดิมแล้วพูดอย่างสุขุม “ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเย่เทียนเพิ่งจะยืนยันเมื่อไม่กี่วันมานี้ ฉันก็เลยไม่เคยบอกแม่มาก่อน”
อย่างไรก็ตามคำอธิบายของซูเหมยมันดูแถมากเกินไป จ้าวเสว่เฟินไม่เชื่อเลย เธอมีความคิดแบบเดียวกันกับหลี่เฟิง คิดว่าซูเหมยหาคนมาหลอกตน
จ้าวเสว่เฟินต้องการเปิดโปงการโกหกของลูกสาว จึงถามเย่เทียนว่า “พ่อหนุ่ม น้าขอถามอะไรคุณหน่อย คุณทำงานอะไร? ซื้อบ้านแล้วหรือยัง? มีรถไหม? เงินเดือนเท่าไร?”
ปากของจ้าวเสว่เฟินเหมือนแม่ยายหน้าเงินในตำนาน
แน่นอน เรื่องนี้จะโทษเธอไม่ได้ ในสังคมแห่งความเร่งรีบนี้ ความรักที่ไม่มีองค์ประกอบทางวัตถุนั้นหายากจริงๆ
ซูเหมยรู้สึกร้อนใจ รีบห้ามปรามเธอทันที “แม่คะ แม่กำลังทำอะไรอยู่?”
“เสี่ยวเหมย คุณอย่าโทษน้าจ้างเลย น้าจ้างทำทุกอย่างเพราะหวังดีกับคุณ”
หลี่เฟิงเหลือบมองเย่เทียน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะว่า “ทุกวันนี้ในสังคมมีแต่คนหลอกลวงทั่วทุกหนแห่ง น้าจ้างกลัวว่าคุณจะถูกคนอื่นมาหลอก จะได้ไม่ต้องถูกหลอกเอาไปขายแถมยังต้องช่วยคนอื่นนับเงินอย่างโง่เง่าอีก!”
ซูเหมยขมวดคิ้วแน่น เธออาจจะฟังไม่ออกว่าคำพูดนี้ของหลี่เฟิงมีเจตนาโจมตี!
ท้ายที่สุดในที่นี้ก็มีเพียงสี่คนเท่านั้น หากแยกเธอและแม่ออกไป คนอื่นที่เขาพูดถึงก็น่าจะเป็นเย่เทียน
“คุณน้าครับ ผมยังไม่มีบ้าน แต่มีรถอยู่คันหนึ่ง”
เย่เทียนไม่สนใจการเสียดสีของหลี่เฟิง ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ส่วนเรื่องเงินเดือน ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่ากำลังทำงานอยู่กับบริษัทแซ่เฉิน เงินเดือนไม่กล้าบอกว่าสูง แต่ก็ไม่ถึงขนาดอดตาย”
“บริษัทแซ่เฉิน?”
หลี่เฟิงตกตะลึง ยิ้มเยาะพูดว่า “ไม่ทราบว่าที่บริษัทแซ่เฉิน พี่ชายมีตำแหน่งอะไร? ผู้จัดการหรือผู้กำกับ”
เขาพูดด้วยเจตนาร้าย แค่อยากจะบอกว่าไม่ได้ทำแม้แต่ตำแหน่งผู้จัดการด้วยซ้ำ ไม่คู่ควรกับซูเหมยเลย!
เย่เทียนดูเหมือนจะฟังความหมายแฝงในคำพูดของเขาไม่ออก จึงตอบตามตรง “ผมบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ใช่ไหม?”
“เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย?” จ้าวเสว่เฟินสะดุ้งเฮือก แต่ในไม่ช้าก็ได้สติกลับมา มองไปยังเย่เทียนด้วยสายตารังเกียจมากขึ้น
เจ้าหน้าที่รักความปลอดภัยจะมีเงินเดือนสักเท่าไรกัน? จะเอาอนาคตมาจากไหน?
แม้ว่าจะไม่ได้คุยกันถึงภูมิหลังครอบครัว แต่ลำพังตัวซูเหมยเอง อย่างน้อยเธอก็เป็นเจ้าของบาร์ดรุณียั่วรักที่มีรายได้อย่างน้อยๆ ต่อเดือนหลายแสน!
แม้แต่จ้าวเสว่เฟินยังคิดแบบนี้ นับประสาอะไรกับหลี่เฟิง ใครจะไปเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวเล็กๆ อยู่ในสายตา!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดจะปล่อยเย่เทียนไป พูดยิ้มเยาะว่า “พี่ชาย คุณอย่าบอกนะว่ารถของคุณก็เป็นของบริษัทแซ่เฉินด้วยน่ะ?”
“เรื่องนี้คุณก็รู้เหรอ?”
เย่เทียนแสร้งทำเป็นประหลาดใจ
เมื่อได้ยินคำตอบที่ยืนยัน หลี่เฟิงก็ยิ่งดูถูกเย่เทียนมากขึ้น
ด้วยฐานะอย่างเขา การจะกำจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสักคนหนึ่ง แค่พูดประโยคเดียวก็เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ? จะใช้อำนาจคุกคามได้ถึงขนาดไหน?
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลี่เฟิงก็ขี้เกียจจะไปเกี่ยวข้องเย่เทียนอีกต่อไป
เขาจงใจยกข้อมือขึ้น โบกสะบัดนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ราคาแพง
“น้าจ้าง เราไม่ต้องหาเวลาแล้ว ก่อนหน้านี้ผมจองห้องส่วนตัวเอาไว้ที่ฉินโหลว เราคุยไปกินไปที่นั่นดีไหม?”
“ฉินโหลว? คือโรงแรมฉินโหลวที่ขึ้นคอลัมน์ “อาหารอร่อยทั่วโลก” ใช่ไหม?”
ดวงตาของจ้าวเสว่เฟินเป็นประกาย “ฉันเคยมากับพ่อของซูเหมยหลายครั้งแล้ว แต่ก็จองโต๊ะไม่ได้ น่าเสียดายที่ไม่เคยได้ไปกิน!”
หลี่เฟิงเหลือบมองเย่เทียนอย่างเย่อหยิ่ง แล้วพูดว่า “น้าจ้างไม่ต้องเป็นห่วง ผมเป็นสมาชิกชั้นเงินของที่นั่น คราวนี้รับประกันได้ว่าคุณได้รับประทานอาหารอย่างมีความสุขแน่นอน!”
“งั้นก็ดีเลย ฉันอยากไปชิมอาหารที่นั่นมาโดยตลอด ฉันทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แม้สักนาทีเดียว”
จ้าวเสว่เฟินตื่นเต้นมาก ดึงซูเหมยเพื่อจะออกไปข้างนอก
แววตาซูเหมยเต็มไปด้วยความจำใจ ทำได้เพียงมองไปทางเย่เทียนเพื่อขอความช่วยเหลือ
เย่เทียนเข้าใจอะไรดี ทำหน้าด้านหน้าทนหัวเราะขึ้นมา “อันที่จริงพวกเราก็ยังไม่ได้สั่งอะไรเลย ในเมื่อพี่หลี่ใจดีแบบนี้ ผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ”
หลี่เฟิงพูดไม่ออก ด่าเย่เทียนหน้าด้านไร้ยางอายอยู่ในใจ
แต่เพื่อรักษาภาพที่ดีต่อหน้าซูเหมยก็ไม่สมควรบอกปฏิเสธ เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร อันที่จริงก็แค่เพิ่มตะเกียบมาคู่หนึ่งเท่านั้น ไปกันเถอะ รถของผมจอดอยู่ข้างนอก”
พูดจบหลี่เฟิงก็เดินออกไปข้างนอกก่อน ในหัวสมองคิดแผนว่าจะไล่เย่เทียนออกไปได้อย่างไร
จ้าวเสว่เฟินรีบดึงซูเหมยตามไป ไม่เหลือที่ว่างให้ซูเหมยได้ใกล้ชิดกับเย่เทียน
คนที่จำใจที่สุดคือซูเหมย ด้านหนึ่งเธอต้องพิจารณาเย่เทียนที่เรียกมาช่วยเล่นละคร อีกด้านหนึ่งเธอต้องคอยพะว้าพะวังกับแม่ที่เลี้ยงดูเธอเป็นเวลาหลายสิบปี มันเป็นเรื่องยากมาก
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เย่เทียนไร้หัวใจมากกว่า เขายิ้มให้ซูเหมยอย่างรู้กัน เพื่อบอกเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขา แล้วเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ
ไม่นาน ทั้งสี่คนก็ออกจากร้านคมใจ หลี่เฟิงหยุดอยู่หน้าเล็กซัส LX มูลค่ากว่าหนึ่งล้าน
เขาพูดอย่างโอ้อวด “พี่เย่ รถของผมอาจไม่หรูหราเท่ารถของบริษัทแซ่เฉิน แต่มันก็เป็นรถของผมจริงๆ ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะขับชนหรือเปล่า คุณว่าจริงไหม?”
“มันก็ถูก”
เย่เทียนดูเหมือนจะฟังไม่ออกว่าหลี่เฟิงกำลังแฝงการเสียดสีอยู่ในคำพูด เขายิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “ขับรถของตัวเองยังไงก็สบายใจที่สุด กลับไปถ้ามีเวลาผมจะไปซื้อสักคัน ผมชอบฮัมเมอร์เป็นการส่วนตัว มันปลอดโปร่งดี!”
หลี่เฟิงแทบจะหัวเราะออกมา ส่ายหน้าอย่างดูถูก เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังคิดใฝ่ฝันจะซื้อฮัมเมอร์? นี่ยังไม่ตื่นจากฝันใช่ไหม?
ขณะที่หลี่เฟิงกำลังจะหัวเราะเยาะที่เย่เทียนไม่รู้จักประมาณตน ซูเหมยก็ก้าวออกมาก่อน แล้วพูดกู้หน้า “นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว จะไปหรือเปล่า?”
“เย่เทียน คุณนั่งรถไปกับฉันไหม?”
ซูเหมยพยายามปลีกตัวอยู่กับเย่เทียนตามลำพังเพื่อเป็นการขอโทษ
“จะยุ่งยากขนาดนั้นทำไม นั่งรถของเสี่ยวเฟิงไปก็ได้นี่?”
แต่ว่าจ้าวเสว่เฟินก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง ว่าแล้วก็ดึงซูเหมยไปที่เบาะหลัง
หลี่เฟิงเหลือบมองเย่เทียนอย่างดูถูก แล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งในเบาะคนขับ
ในสายตาของเขา ในเมื่อเย่เทียนตามมาเพื่อทำให้ตัวเองขายหน้า แล้วเขาจะมีอะไรให้ต้องกังวล?
เรื่องนี้เย่เทียนไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย ถ้าไม่ใช่คำขอของซูเหมย เขาคงไม่มาคลุกคลีกับหลี่เฟิงด้วยซ้ำ เขาดึงที่นั่งข้างคนขับออกอย่างใจเย็นแล้วนั่งลง
ฉินโหลวตั้งอยู่บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเจียงหนัน เป็นร้านอาหารระดับหรูหราที่แม้แต่คนมีเงินก็อาจเข้าไปไม่ได้
ไม่มีเหตุผลอื่น มันเป็นเพราะชื่อเสียงของฉินโหลวนั้นโด่งดังเกินไปจริงๆ!
คอลัมน์อาหารอร่อยขึ้นชื่อเต็มไปด้วยคำแนะนำและคำชื่นชมอย่างสม่ำเสมอ ลูกค้าจำนวนมากทยอยกันมาอย่างไม่ขาดสาย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวอล์คอินเข้าไปในร้านอาหารได้ทันที ถ้าไม่ใช่คนที่มีฐานะทางสังคม การจะจองล่วงหน้ายิ่งเป็นไปไม่ได้เลย